ทำอย่างไร ? นกจะเห็นฟ้า ปลาจะเห็นน้ำ


ผมรู้จักประเทศไทยจริง ๆ ตอนที่ผมไปอยู่ที่เยอรมัน ครับ




ประมาณว่า .. ตอนนั้นในห้องเรียนภาษาเยอรมัน ครูให้แต่ละคนประชาสัมพันธ์ประเทศของตนเอง

ผมก็โม้ว่าก็ไปหลายอย่าง หนึ่งในนั้น คือ กล่าวว่าประเทศไทยของเรามีทุเรียน ซึ่งเป็นผลไม้อร่อยมาก ๆ

หลายสัปดาห์ต่อมา ผมไปเห็นทุเรียนที่แช่แข็งที่เอเชี่ยนช็อบ

จึงตัดสินใจจะซื้อไปให้เพื่อน ๆ ชาวต่างประเทศได้ทดลองชิมดู

แต่พอทราบราคา ทำเอาผมอึ้ง แพงมาก ๆ ครับ


ผมอยู่เยอรมัน 1 ปีเต็ม

จึงทำให้ทราบว่า ยุโรปนั้น หิมะตกถึงครึ่งปี

ด้วยอากาศที่เย็น จึงทำให้ต้นไม้ส่วนใหญ่ตายหมด เหลือเฉพาะต้นสนและไม้เมืองหนาว

ผมเคยไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ปลูกไม้เมืองร้อนชื้น เขาต้องทำโดมปรับสภาพอากาศ ติดตั้งฮีสเตอร์

ซึ่งเป็นการลงทุนที่แพงไม่น้อย


พูดง่าย ๆ ผลไม้อร่อย ๆ หลายชนิดไม่สามารถปลูกได้ที่ยุโรป

จึงต้องนำเข้าจากเอเชียและอาฟริกา


ซึ่งแตกต่างจากเมืองไทยของเรา โยนเมล็ดผลไม้ไปหลังบ้าน ก็สามารถงอกเป็นต้นขึ้นมาได้

มีผลไม้ให้กินทุกเดือนผลัดเปลี่ยนกันไปทั้งปี

จนได้ชื่อว่า เมืองไทยของเรา เป็น "แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง"


*** ถ้าผมไม่ได้ไปเห็นความหนาวเย็นของเยอรมัน จนปลูกผลไม้แทบไม่ได้

ผมก็คงไม่เห็นหรือเข้าใจความหมายของ คำว่า "แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง"

จึงเป็นดั่งนกยังไม่เห็นฟ้า ปลายังไม่เห็นน้ำ ทั้ง ๆ ที่อยู่ด้วยกันทุกวัน







ประมาณ 15 ปีก่อน

ตอนนั้นผมรับหน้าที่เป็นหัวหน้าภาควิชาฯ

ท่านคณบดีในขณะนั้น ท่านเป็น "นักวิชาการ" ที่เก่งมาก ท่านเป็นคนดีและเป็นคนตรงมาก ๆ ด้วย


ท่านมีความตั้งใจอย่างแรงกล้า ที่จะสร้างและพัฒนาคณะ ให้มีความก้าวหน้า สามารถเป็นที่พึงของสังคมและประเทศชาติได้

ท่านจึงได้เอาจริงเอาจัง เข้มงวด และ เ ผ ด็ จ ก า ร

ท่านเคยประกาศกลางที่ที่ประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัย ว่า

.. จะพัฒนาแผ่นดินนี้ให้เจริญก้าวหน้าได้ จะต้องใช้ระบบการบริหาร
ตามแบบของท่าน จอมพลสฤษดิ์ ธนรัชต์..


จนทำให้คณาจารย์เดือดร้อน ขาดอิสรภาพ เป็นทุกข์หนักใจขึ้นทุกวัน

และได้บานปลาย จนนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งรุนแรงระหว่างท่านกับคณาจารย์

เหตุการณ์ประท้วงขับไล่ท่านจึงเกิดขึ้นในที่สุด


เหตุการณ์ในครั้งนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้คณาจารย์หลายท่านต้องลาออจากราชการ

และในที่สุด ท่านคณบดีก็ได้ลาออกจากตำแหน่งไปเช่นเดียวกัน ในอีก 6 เดือนต่อมา



ผ่านไป 10 กว่าปี ท่านก็ได้ล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็งและเสียชีวิตลง


ผมเดินไปเห็นหนังสือที่ท่านเขียน วางขายอยู่ที่ร้านหนังสือ

จึงทำให้ระลึกถึงท่านขึ้นมา ความรู้สึกแรกนั้น ผมดีใจมาก ที่ท่านได้เขียนหนังสือที่ท่านตั้งใจไว้จนสำเร็จ

และลึก ๆ ในใจนั้น ก็ยังคงรู้สึกผิดต่อท่าน ที่ได้มีส่วนร่วมประท้วงท่าน จนทำให้ท่านต้องลาออก

ผมตั้งใจมาโดยตลอดว่า ถ้าได้พบท่านอีก ผมจะเข้าไปกราบขอขมาท่าน แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว หนอ







เดือนก่อนผมได้มีโอกาสทำงานจิตอาสา
และได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรการผู้ปกครองนักเรียน

ซึ่งผู้ปกครองจะมาจากหลากหลายอาชีพมาก

มีทั้งตำรวจ พ่อค้า นักธุรกิจ นักการเมืองและ มีนักวิชาการอย่างผมด้วย


การประชุมในครั้งนั้น เป็นการประชุมที่ดีมาก เพราะได้มุมมองที่หลากหลายจากต่างอาชีพ

และด้วยความต่างอันหลากหลายนั้น ก็ทำให้ผมรู้สึกว่า ไม่ง่ายเลยที่จะสื่อสาร

การประชุมในครั้งนั้น ได้สะท้อน ให้ผมได้คิด และได้ว่า

อือ .. ผมเองนั้น เป็น "นักวิชาการ" ซึ่งเป็นอาชีพหนึ่ง ในหลาย ๆ อาชีพครับ 555


ประมาณว่า เข้าโรงเรียนตั้งแต่ 7 ขวบ เรียนมาโดยตลอด

พอเรียนจบ ก็เข้าทำงานในมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาอีก

แถมยังย้ายมาอยู่คณะศึกษาศาตร์จนถึงทุกวันนี้


เกือบทั้งชีิวิตเกี่ยวข้องและอยู่กับนักการศึกษาเป็นส่วนใหญ่

การประชุมแทบทั้งหมด เป็นการประชุมกับนักวิชาการล้วน ๆ

ลูกศิษย์ทั้งหมดเป็นนักวิชาการ เป็น ผอ.โรงเรียน คุณครู และ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษทั้งนั้น

จึงเป็นเหตุให้คุ้นชินและกลายเป็นนักวิชาการเต็มรูปแบบ พูดและคิดแบบนักวิชาการ


แต่การประชุมในครั้งนี้ เป็นการประชุมกับผู้ร่วมประชุมที่มาจากหลากหลายอาชีพ

ไม่ง่ายเลยที่จะสื่อสารความเป็นวิชาการออกไปในที่ประชุม ต้องใช้วิธีการที่ยากกว่าปกติครับ 555



*** จึงเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้ผมหวนระลึกถึงบรรยากาศความสุข ความอบอุ่น

ของการใช้ชีวิตในหน้าที่การงาน ที่ส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการ เป็นคนคอเดียวกันครับ 555

(นกเริ่ม่จะเห็นฟ้า ปลาเริ่มจะเห็นน้ำ ชัดขึ้นบ้างแล้วหนอ)




และแล้ว .. ไม่กี่วันมานี้เอง ผมได้บุกเข้าไปเป็นจิตอาสาถึงในเรือนจำ

โดยอาสาไปสอนสมาธิให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ

โอ้โฮ! ถึงตรงนี้คงไม่ต้องบรรยายอะไรต่อแล้ว ครับ





*** การได้ไปสัมผัสกับชีวิตผู้คนที่หลากหลายอาชีพ

การได้เข้าไปสอนสมาธิผู้ต้องขัง ซึ่งมีความพิเศษกว่าลูกศิษย์ในห้องเรียน

ทำให้ผมได้เรียนรู้ชัดขึ้นว่า ..


การได้ใช้ชีวิตในสังคมวิชาการนั้น เป็นบุญ

ได้พบปะกับแต่คนดี คนมีความรู้ ทำให้ชีวิตง่าย สะดวก สบาย มีความสุขมากกว่าหลาย ๆ อาชีพ


แม้ในบางครั้งอาจมีความเห็นต่างกันบ้าง

แต่ความเห็นต่างนั้นก็เป็นไปเพื่อการพัฒนา




กว่าจะเห็นตนเอง กว่านกจะเห็นฟ้า กว่าปลาจะเห็นน้ำได้นั้น

บางทีจึงต้องไปตะลุย 3 โลก ให้เห็นความต่างก่อน หนอ เจ้าโกไลแอท 555
























หมายเลขบันทึก: 595004เขียนเมื่อ 17 กันยายน 2015 23:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 กันยายน 2015 08:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ..เอาแค่..สอง..(ภูมิ)..คงพอไหว(555)..เกิดกะดับ....นกมันบินได้..ปลามันก็..ว่ายอยู่ใน..น้ำ..

มันก็แค่นั้น....เยอรมัน..มันก็เปลี่ยน..หิมะไม่ตกแล้ว..ค่ะ..นานปีทีหน...(แต่กระแสร์น้ำเปลี่ยน..ยุโรป..จะเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอีกครั้ง..ทีนี้..ละ..แข็งนาน...55555.....)....

มีดอกไม้กับแมลงมาฝากเจ้าค่ะ..

ขอบพระคุณมากครับยายธี
ที่เมตตา update ข้อมูลล่าสุดให้ทราบครับ
ดอกไม้สวยมากครับ

ช่วงนี้ทุเรียนจากใต้ อร่อยมากครับที่เมืองไทยของเรา



พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท