การศึกษาเอกัตบุคคล (Individual Learning) (2)




จิตสำนึกในการเรียนรู้ของเอกัตบุคคล

ตำแหน่งแห่งที่ของเอกัตบุคคล และสำนึกในตำแหน่งแห่งที่นั้นมีความสำคัญมากที่สุด สำนึกนั้น
เป็นสำนึกอิสระของมนุษย์ที่จะเรียนรู้ทุกอย่าง และจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง สำนึกในเครื่องมือ
การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด คือ สมอง และ อุปกรณ์รับข้อมูล คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ไม่มีเครื่องมืออื่น
นอกตัวเราทั้งสิ้น ล้วนดำรงอยู่ในตัวเราทั้งนั้น ตำแหน่งแห่งที่เรียนรู้คือตัวเรา นี่คือสำนึกเบื้องต้น
สำหรับการเรียนรู้ของเอกัตบุคคล

เป้าหมายของการเรียนรู้ของเอกัตบุคคล

เป้าหมายที่แท้จริงของการศึกษาเรียนรู้คือ สร้างสมรรถภาพหรือความสามารถให้กับตัวเอง โดยทุกคน
สามารถที่จะสร้างสมรรถภาพให้กับตัวเอง ได้ทันที เมื่อมีจิตสำนึกในการจัดการตัวเองด้วยอุปกรณ์ทาง
การศึกษาที่พระเจ้าติดตั้งให้มาพร้อมกับการกำเนิด การสร้างสมรรถภาพไม่จำเป็นจะต้องทำตามขั้นตอน
เสมอไป เพียงแต่มีความต้องการที่จะพัฒนาสมรรถภาพหรือสมรรถนะอย่างแรงกล้า สมรรถภาพหลัก ๆ
ยกตัวอย่างได้แก่ สมรรถภาพด้านร่างกาย สมรรถภาพด้านจิตใจ และสมรรถภาพด้านความคิด หากเรา
ต้องการที่จะเคลื่อนไหวร่างกายอย่างคล่องแคล่ว คุณก็สามารถทำได้ทันที จากการที่คุณรักและสำนึก
คุณก็จะทำได้ดีมากขึ้น คุณก็เกิดการคิด การค้นคว้ามากขึ้น ในโลกนี้มีความคิดเกี่ยวกับการพัฒนาการ
เคลื่อนไหวร่างกายจำนวนมาก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ทั้งหมด เรียนรู้ตามความต้องการที่ปฏิบัติ

หากคุณต้องการที่จะมีสมรรถนะทางจิต วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการอ่านจิตใจตัวเอง พระพุทธองค์ไปเรียนรู้สิ่ง
ต่าง ๆ จากสำนักต่าง ๆ แล้วก็พบว่าสิ่งต่าง ๆ นั้นไม่ตรงกับความต้องการ บางสำนักที่ไปเรียนก็เพียง
ต้องการสาวกโง่ ๆ ไปคอยใช้งานเท่านั้น พระพุทธองค์จึงเข้าสู่การเรียนรู้ของเอกัตบุคคล คือเข้าไปเรียนรู้
สังเกตจิตของตัวเองอย่างอิสระ และ รู้อริยสัจสี่ ผ่านตัวเองนั่นแหละ แม้กระทั่งรู้แจ้งเจนจบหมดแล้ว กลับ
ไปโปรดเจ้าสำนักเก่าที่เคยสอน ว่าสิ่งที่ยูทำนี่ผิดหมดเลยนะ ถ้าทำถูกนี่ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองแบบนี้ ยุคปัจจุบัน
สามารถสืบค้น แนวทางพัฒนาสมรรถนะทางจิต มีจำนวนมหาศาล

นอกจากนั้นแล้ว ถ้าคุณต้องการที่จะมีสมรรถนะทางด้านความคิด คุณก็คิดได้ทันที และคุณต้องการสืบค้น
คุณก็สามารถสืบค้นสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองทันที การฝึกฝนอย่างหนักมีความสำคัญมีความสำคัญต่อความ
ต้องการเพิ่มสมรรถนะ และจิตสำนึกในการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ก็จะเพิ่มทักษะความคิดเท่าที่คุณต้องการจะฝึกฝน
เพราะทำแล้วได้ทันที

จะดีกว่าไหม ถ้าการศึกษาเรียนรู้ของคุณต้องรอเคารพธงชาติเวลาแปดโมง กว่าที่จะได้ความรู้ที่คุณต้องการมีสมรรถนะ
ก็กินเวลาในอนาคตของคุณไปกับสมรรถนะที่คุณไม่ต้องการ และสุดท้ายคุณได้กระดาษหนึ่งใบ และไม่มีสมรรถนะใด ๆ
ที่แท้จริงและเหมาะกับงานที่คุณทำ จะดีกว่าไหมทีคุณจะมีครูหรือผู้สอนที่มีแนวคิดดี ๆ ระดับโลกจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
และสามารถพัฒนาสมรรถนะ โดยทำได้ทันที แม้เป็นเวลาเที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสอง

แล้วแบบไหน ไม่ใช่ การศึกษาแบบเอกัตบุคคล ?

สิ่งที่ตรงกันข้ามกับการศึกษาเอกัตบุคคล ก็คือ การศึกษาเรียนรู้ที่มีจิตสำนึกพึ่งพาผูกติดกับสิ่งภายนอก ไม่เป็นตัวของตัวเอง
ไม่สามารถกำหนด ควบคุมวิถีชีวิตของตนเอง ไม่มีความเชื่อว่าตัวเองจะเรียนรู้เองได้ ต้องให้คนอื่นควบคุมตัวเอง ผูกพัน
กับใบรับรอง มากกว่า ต้องการสมรรถนะที่แท้จริง เวลาผูกติดไว้กับอนาคต ไว้กับสถาบันการศึกษา

ระดับของการศึกษาเอกัตบุคคล

1. ระดับของเอกัตบุคคลสมบูรณ์แบบ (Absolute Individual Learning) เป็นบุคคลที่เข้มแข็งที่สุดของมนุษย์ มีความเป็น
อิสระในตัวเอง เป็นตัวของตัวเอง ใช้เครื่องมือที่อยู่ในตัวเอง ในการเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตนเอง ฝึกปฏิบัติหนักด้วยตนเอง
เป็นผู้คิดสร้างทฤษฎีต่าง ๆ ให้กับโลกนี้ ยกตัวอย่างได้แก่ พระพุทธเจ้า, สตีฟ จ๊อบ,บิล เกตส์ ,นักวิทยาศาสตร์และนัก
ประดิษฐ์ในยุคแสงสว่างแห่งปัญญา เกือบทั้งหมด

2. ระดับของเอกัตบุคคลประนีประนอม (Compromise Individual Learning) เป็นบุคคลที่เป็นนักประนีประนอมระหว่าง
การเรียนรู้ด้วยตัวเองกับการเรียนรู้เพื่อต้องการใบรับรอง มีความลื่นไหล และมีจุดยืนในผลประโยชน์ โดยทั้งที่รู้ว่าหากมี
ใบ แต่ไม่มีสมรรถนะที่แท้จริง ก็ไปไม่รอด และคิด่า ถ้ามีสมรรถนะแต่ไม่มีใบรับรอง ก็จะไม่ได้ผลประโยชน์ของระบบทุนนิยม
แม้ถึงที่สุดแล้วพิจารณาแล้วว่ากระบวนการศึกษาทั้งหมดอยู่ในตัวเรา แต่ก็ต้องกินอยู่ปลอดภัยในระบบไว้ก่อน เนื่องจากคน
เป็นมนุษย์เศรษฐกิจ เช่นเดียวกับช้าง แต่ช้างไม่สามารถแสดงละครตบตาคนได้ แต่คนสามารถแสดงละครตบตากันเองได้
จึงมีสิ่งจริง ๆ ในใจอีกอย่างหนึ่ง และสิ่งที่แสดงออกมาอีกอย่างหนึ่ง

3. ระดับที่ไม่มีเอกัตบุคคลในตัวเองเลย (non Individual Learning) เป็นบุคคลที่อ่อนแอที่สุด ไม่สามารถกำหนดสิ่งต่าง ๆ
ด้วยตนเอง ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง การเรียนรู้เกิดจากคนอื่น จากสถาบัน ใบรับรองและเกรดเท่านั้นสำคัญกว่าการพัฒนาสมรรถภาพที่แท้จริง ไม่สนใจในการฝึกหัดสมรรถนะของตนเอง และไม่ได้ทำความต้องการของตนเอง ทำตามความต้องการ
ของผู้อื่น รอและมีไวยากรณ์อยู่อนาคต ไม่อยู่กับปัจจุบัน


หมายเลขบันทึก: 589859เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2015 13:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม 2015 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท