Sapa เวียดนาม เที่ยวช่วงสงกรานต์ ตอนที่ 1 ทัวร์ Hanoi


Hanoi Sapa 14-18 April 2015

วันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ของทุกปี หลายๆ คนก็คงจะมองหาการท่องเที่ยว ว่าจะไปที่ไหนดีนะ ปีนี้พวกเราก็มองหากันเช่นเคยค่ะ แล้วก็มาลงตัวที่ Sapa ประเทศเวียดนาม

ทริปนี้เดินทางกัน 3 คนเช่นเคย ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 10 ขวบอีก 1 และเป็นครั้งแรกที่เราซื้อ package tour เพื่อไปเที่ยวทริปนี้ รายละเอียดคร่าวๆ ก็คือ กรุงเทพ ดอนเมือง - Hanoi - Sapa - Hanoi - Ninh Binh - Hanoi - กลับกรุงเทพ ดอนเมือง รวมอยู่ที่นั่น 5 วัน 4 คืน ราคา package 8,200 บาท ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ เฉลี่ยคนละ 4,734 บาท รวมไปกัน 3 คน ก็หมดไป 38,802 บาท ด้วยเหตุว่าเราคิดจะไปกันเมื่อต้นเดือนมีนาคม ทำให้ราคาตั๋วไม่ค่อยจะถูกเท่าไหร่ แต่ก็พอใจแล้วค่ะ

วันที่ 14 เมษายน 2558 พวกเราเดินทางไปถึงสนามบินดอนเมืองโดยรถรับส่งที่เป็นบริการจาก Wealth Banking ขอบคุณธนาคารทหารไทยค่ะ ออกจากบ้านพักแถวๆ ดอนเมือง ราวๆ ตี 3 ครึ่ง มาถึงสนามบินก่อนตี 4 เล็กน้อย เช็คอิน ผ่าน ตม ให้เรียบร้อยก็เข้ามาหาแลกเงิน เราแลกมาเป็น US Dollar ค่ะเพื่อจะมาแลกเงิน Dong ของเวียดนามอีกที แล้วก็มารอที่ gate เครื่องบินของ airasia เดินทางออกจากสนามบินดอนเมืองเวลา 06.45 น.

ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งค่ะ นักเที่องเที่ยวไทยเล็กน้อยถึงปานกลาง

ดอนเมือง มีเครื่องบินของเจ้านี้เต็มไปหมดเลย

น่าจะใกล้ถึงแล้วค่ะ มองเห็นภูเขาน้อยใหญ่มากมาย

ไปถึงสนามบิน Noi bai ที่ Hanoi ประมาณ 8 โมงกว่าๆ

บรรยากาศภายในสนามบิน เงียบสงบ ที่นี่น่าจะเป็นสนามบินสร้างใหม่ค่ะ ทุกอย่างดูสะอาด เรียบร้อย

และกว่าจะหลุดออมาจาก ตม ก็เกือบๆ 9 โมงเช้าแล้ว ขั้นตอนการผ่านคนเข้าเมืองของเวียดนาม ไม่ต้องกรอกเอกสาร immigration ไปถึงก็ไปต่อแถวที่เขียนว่า Asean ยื่น passport ให้เจ้าหน้าที่ เค้าก็ตรวจเอกสาร มองหน้าเรา แล้วก็ปั๊มให้ แค่นั้นเอง ตอนแรกได้ข่าวมาว่าที่สนามบิน Noi bai รอกระเป๋านานมาก ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ทำใจไว้แล้วว่า นานแน่ แต่ไม่เป็นแบบนั้น พอออกมาจาก ตม ก็ได้เจอกระเป๋าเลย ไม่ต้องรอเลยค่ะ

พวกเราเดินออกมาจากห้องผู้โดยสารขาเข้า มองหาคนชูป้ายชื่อ เพราะคุยกันกับทัวร์ที่ซื้อ package มาว่าจะมีคนมารับจากสนามบินเพื่อพาเราไปยังโรงแรมที่เป็น day use ใน Hanoi แล้วก็เห็นจริงๆ ด้วย มีคนชูป้ายชื่อเรา ก็เลยเดินเข้าไปหา ยื่น passport ให้เค้าดู ก่อนออกจากสนามบินก็ทำการแลกเงิน US เป็น Dong ได้มาเยอะเลยค่ะ รู้สึกรวย 555 ต่อมาก็จะแวะซื้อ sim คนมารับก็เร่งแล้วก็บอกว่าที่โรงแรมมี ก็เลยไม่ซื้อก็ได้

รถที่เค้านำมารับเราเป็นรถเก๋ง สะดวกสบายดีมากเลยค่ะ

วิวด้านนอกสนามบิน

และระหว่างสนามบิน ไปยังโรงแรมที่พัก day use

พอเข้าตัวเมืองมาก็จะเห็นมอไซค์มากมาย นี่แหละ Hanoi

โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 2 ดาว ลักษณะเป็นห้องแถวคูหาเดียว แต่ลึกเข้าไปข้างในเยอะมาก พนักงานเป็นกันเองมาก ภาษาอังกฤษก็โอเค ให้ความช่วยเหลือดีค่ะ

มีตั้งตี่จู่เอี้ยเหมือนที่บ้านเราเลย

เรื่องซื้อ sim บอกไว้เลยว่าให้ซื้อที่สนามบินเลยค่ะ อย่าได้พลาดแบบนี้ เพราะพอไปถึงโรงแรม เจ้าหน้าที่โรงแรมก็จะพาเราไปซื้อที่ร้านขายของติดๆ กับโรงแรมแหละ แต่ sim ของที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นขนาดปกติ เค้าก็จะมีเครื่องมือทำให้มีเล็กเป็น micro sim แบบเป็นเครื่องมือตัดซิม ตัดเสร็จแล้วก็ทำการตะไบขอบซิม แล้วก็ยัดเข้าไปในโทรศัพท์เรา ทีนี้มันต้องมีวิธีการปลีกย่อยเพื่อให้ใช้ 3G ได้ จะต้องมีการส่ง SMS ไปยังผู้ให้บริการ ฯลฯ เห็นเจ้าหน้าทีโรงแรมทำให้ นานอยู่กว่าจะได้ แถมเราจะไม่รู้ promotion หรืออะไรก็ตามที่เราต้องการจะรู้ เช่นว่า มีเงินอยู่ใน sim เท่าไหร่ ใช้ 3G ได้เท่าไหร่ รวมถึงเติมเงินยังไง เพราะ SMS ทั้งหลายทั้งปวงที่ส่งมาเข้าเครื่อง เป็นภาษาเวียนดนามทั้งหมด ราคา sim ที่จ่ายไป 100,000 Dong คิดเป็นเงินไทย 152 บาท (จากวิธีการแลกเงินที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ได้เงิน 654 Dong = 1 บาทไทย)

หลังจากเอาของไปเก็บแล้ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางไปเที่ยวใน Hanoi วันนี้เราต้องเที่ยวเองค่ะ อาหารก็ต้องกินเอง ไม่มีใน package เริ่มต้นไปเที่ยวกันที่สุสานลุงโฮ แต่ไกลจากโรงแรมโขอยู่ จึงให้โรงแรมเรียก Taxi ให้ค่ะ ค่า Taxi ตามมิเตอร์จากโรงแรมไปถึงสุสานลุงโฮ 43000 Dong (66 บาทไทย)

คนเยอะมากเลยค่ะที่มาเที่ยวที่นี่ มีทั้งกลุ่มเด็กที่มาทัศนศึกษา ตามข้างทางก็จะมีคนเอาของมานั่งขาย หรือแม้กระทั่งรับจ้างขัดรองเท้าก็มี

พวกเราก็ไปเดินเที่ยวไปถ่ายรูปกันไป ผ่านมิวเซียมของที่นี่ใหญ่โตอลังการ แต่ไม่ได้แวะค่ะเพราะเวลาไม่พอ

แวะที่ One Pillar Pagoda ก่อน มีร้านขายของที่ระลึก นักท่องเที่ยวอุดหนุนสินค้ากันใหญ่เลย

แดดแรง แสงเยอะ ดีนะที่คนไม่เยอะมาก นักท่องเที่ยวไทยเยอะเลยค่ะ

รูปข้างบนเป็นรูปปัจจุบัน เด็กคนนี้มาเพิ่มเป็นครอบครัวอีกคนค่ะ ส่วนรูปล่างเป็นรูปอดีต ถ่ายที่นี่ เมื่อ 12 ปีก่อน (2003)

ต่อด้วยสุสานลุงโฮ ระหว่างที่ถ่ายรูปกันอยู่ก็เจอกับน้องคนไทยใจดี มาเที่ยวคนเดียว ช่วยถ่ายรูปให้ด้วย

วันเวลาผ่านไปไวมาก ไม่น่าเชื่อว่า 12 ปีผ่านไป พวกเราจะพากันมายืน ณ จุดเดิมที่เคยมา พร้อมกับสมาชิกตัวน้อยที่มาเพิ่มร่วมทริปมาท่องเที่ยวด้วยกัน

แดดจ้ามากเลยค่ะ เวลาขณะนี้ก็ประมาณ 11 โมงเช้า อีกสักภาพก็แล้วกันค่ะ after and before อิอิ รู้สึกว่าหัวจะล้านเพิ่มขึ้นนะค้าบบ

เด็กบอกว่า ขอกระโดดซักรูปนะแม่

จากนั้นก็เดินต่อไปยัง West Lake เพื่อไปดูเจดีย์เตรินกว็อก (Tran Quoc Pagoda) ระหว่างทางผ่านสถานที่ราชการที่เค้าปิดทำการ คือ อ่านไม่ออกว่าคืออะไรมั่ง แต่ตึกเค้าสีสวยมาก อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึก ถ่ายเสร็จทหารที่ยืนแถวนี้ก็เรียกเลยพร้อมกับโบกมือบ๊ายบายว่า ห้ามถ่ายนะจ๊ะ (เดาเอาว่าน่าจะพูดแบบนี้ เพราะเค้าพูดภาษาเวียดนาม)

ผ่านสวนสาธารณะของเวียดนาม ดูร่มรื่นดีค่ะ

เดินข้ามถนน พยายามข้ามตรงทางม้าลายนะคะ

ระหว่างทางไปทะเลสาบก็จะผ่านสถานที่ อนุเสาวรีย์ วิวแบบนี้แหละค่ะ

ทะเลสาบ มีเรือสำราญด้วยค่ะ น่าจะเป็นร้านอาหารนะ

ส่วนนี่ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร เห็นเยอะเหมือนกัน

เดินดูชีวิตรอบๆ ทะเลสาบ ชาวเวียดนามนิยมตกปลากัน ตกปลาได้แล้วก็เอามาโยนไว้ในกอต้นไม้ ดูแล้วน่าสงสารมากเลยค่ะ แบบว่าได้กี่ตัวกี่ตัวก็โยนไว้ เดี๋ยวเก็บทีเดียว

ถึงแล้วเจดีย์เตรินกว็อก (Tran Quoc Pagoda) แต่เค้าปิดไม่ให้เข้าไป ก็เลยถ่ายรูปจากด้านนอก สวยงามค่ะ

ลมเย็นๆ นักท่องเที่ยวคนนี้นั่งหลับซะงั้น

จากทีนี่เราก็นั่ง Taxi กลับไปยังทะเลสาบคืนดาบ หรือทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม (Hoan Kiem Lake) จ่ายเงินตามมิเตอร์ ลงจากรถ Taxi เจออนุเสาวรีย์น่าจะเป็นอนุเสาวรีย์วีรชนของเวียดนาม

แล้วก็ไปหาอาหารกินแถวๆ นั้น เราเข้าไปกิน Pho เป็นร้านเล็กๆ อยู่แถวๆ นั้น ราคาชามละ 40,000 Dong (ชาวเวียดนามเวลาบอกราคาของ จะตัด 0 สามตัวหลังออก ให้เข้าใจเอง อย่างเนี่ยก็จะบอกว่า Fourty เราก็ต้องเข้าใจว่า สี่หมื่น ดอง เป็นต้น ส่วนน้ำ ก็ราคาขวดละ 5000 Dong อาหารอร่อยดี ของแท้และดั้งเดิม

กินอาหารกันเสร็จแล้วก็เดินไปยังวัดเนินหยก หรือวัดหง็อกเซิน ต้องซื้อตั๋วเข้าชมด้วย ผู้ใหญ่ราคา 30,000 Dong เด็กฟรี ได้ตั๋วแล้วก็ข้ามสะพานแสงอาทิตย์ หรือสะพานเทฮุก (The Huc) มีคนรอเก็บตั๋วที่ปลายสะพาน ยื่นตั๋วให้เค้าแล้วก็เดินเข้าไปชมความงดงามกัน

ด้านในก็ประดับตกแต่งแบบวัดจีน มีร้านขายของที่ระลึก ที่นี่คนไทยมาเที่ยวเยอะมาก ภาษาไทยได้ยินตลอด เหมือนอยู่บ้านเรายังไงยังงั้นเลยค่ะ

วัดนี้เหมือนเป็นเกาะอยู่ในทะเลสาบ โดยรอบก็จะเป็นน้ำเขียวๆ แบบนี้ ร่มรื่นมากมาก

ทำท่าสดชื่น....

ร้านขายของที่ระลึก อยู่ในวัด มีของให้ชมเยอะแยะเลย ทั้งตุ๊กตา ภาพเขียน ภาพปัก ของกระจุกกระจิกต่างๆ

ถูกใจตุ๊กตาคู่นึงในร้านขายของที่ระลึก ถามราคาได้คู่ละ 20 US ยังไม่ซื้อขอสำรวจก่อน พอออกมาเจอร้านขายของที่ระลึกอยู่หน้าวัด แวะเข้าไปถามตุ๊กตาเหมือนที่เจอตะกี้ เค้าบอก 50 US ค่ะ พอดียังไม่อยากได้มาก ก็เลยยังไม่ต่อ ไว้ถ้าจะซื้อจริงคงจะต้องต่อแบบที่อ่านมาคือ 80% ไปเลย

บรรยากาศด้านนอก รอบๆ ทะเลสาบ

เด็กบอกว่า หมดแรงแย้ว...

น่าจะหมดแรงจริงๆ แฮะ

นั่งพักซักแป้ป แล้วเดินต่อไปยังโบสถ์เซนต์โจเซฟ (St. Joseph Cathedral) เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดใน Hanoi ด้านในไม่ได้ห้ามถ่ายภาพ ก็เลยได้รูปสวยๆ มาด้วย

เข้าไปแล้วต้องถอดหมวกนะคะ จะมีคุณลุงคนนึงคอยบอกให้ถอดหมวก เจอคนไทยอีกตามเคยค่า เยอะจริงๆ

แถวๆ นั้น จะมีร้านกาแฟอยู่เยอะเลยค่ะทีนี้พอพูดถึงร้านกาแฟ เราก็จะนึกถึงร้านนั่งชิล บรรยากาศเก๋ มีเพลงเบาๆ กาแฟหอมๆ อะไรทำนองนี้ แต่ที่นี่ เวียดนาม ไม่ใช่ค่ะ ร้านกาแฟที่นี่จะเป็นร้านเล็ก นั่งกันด้วยเก้าอี้เตี้ยพลาสติกแบบที่เห็น กินกาแฟใส่หลอดดูด หรือน้ำส้ม น้ำอัดลม แล้วก็แทะเม็ดกะจี๊ ทุกคนจะนั่งหันหน้าออกมาทางถนน แล้วก็สนทนากันออกรสออกชาติ ว่าจะเข้าไปลองแล้วค่ะ แต่เขินยังไงก็ไม่รู้อ่ะ นี่ไง เค้านั่งกันแบบนี้

บรรยากาศของถนนเส้นนี้ค่ะ

จากนั้นเราก็กลับมาแถวๆ ทะเลสาบเพื่อไปดู Water pupet ซึ่งตั๋วได้ include ในราคา package เรียบร้อยแล้ว ตอนแรกเค้าบอกว่าให้เราถามที่ front ของโรงแรม รับตั๋วที่นั่น ปรากฎว่าตอนแรกถาม ไม่มีการแจ้งไว้ นั่นไง โดนแล้ว คิดแต่ว่าช่างมันเต๊อะ แต่พอเค้าเช็คอีกทีก็มีตั๋วนั้นฝากไว้แล้วพร้อมกับมีแผนที่แนบมาด้วย พวกเราก็ชะล่าใจไม่ได้ดูแผนที่กันละเอียดเพราะเคยมาแล้วและก็คิดว่ามีอยู่เจ้าเดียว ปรากฎว่าไปถึงยื่นตั๋วให้เค้าดู เค้าบอกว่าไม่ใช่ที่นี่ เป็น other company อยู่ over the lake เอาล่ะสิ เดินหา เดินถามคน ก็ไม่รู้เรื่อง ทุกคนไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ก็เลยต้องโทรหา Mr.Thee เค้าเป็นผู้ประสานงานของบริษัททัวร์ที่เราซื้อ package มา ซึ่งดีมากมาก พอโทรหาเค้าบอกว่าเราหา Water pupet ไม่เจอ เค้าก็ถามว่าเราอยู่ตรงไหน แล้วก็ขี่มอไซค์มาตามหาเลย พอเจอเราเราก็เดินจูงมอไซค์ แล้วพาเดินไปหาโรงละครหุ่นกระบอกน้ำ ซึ่งไม่ไกลจากที่เดินหลงกันอยู่ สรุปก็ได้ดูสมใจค่ะ

อาหารเย็นวันนี้กินแถวๆ ทางเดินกลับที่พักเพื่อไปอาบน้ำ เป็นอาหารเวียดนามแต้ๆ คล้ายๆ แนมอ่อน ที่มีขายในบ้านเรา อร่อยมากเลยค่ะ จากนั้นเราก็ไปอาบน้ำ เตรียมตัวเพื่อไปขึ้นรถไฟไปยัง Sapa เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว (แนะนำว่าให้ใส่ชุดที่นอนได้เลยและสามารถใส่เดินทางโดยรถตู้ต่อได้) ก็ลงมารอที่ lobby เพื่อรอรถที่จะมารับเราไปยังสถานีรถไฟ Hanoi ซึ่ง Mr.Thee ได้แวะมาดูความเรียบร้อย แถมยังไปรอที่โรงแรมใกล้ๆ กับสถานีรถไฟที่รถพาเราไปส่ง Mr.Thee บอกว่าให้พวกเรารอที่โรงแรมนี้ ประเดี๋ยวจะมีคนมารับอีกทีเพื่อพาเข้าไปยังสถานีรถไฟ (งง ทำไมต้องรอนิ) แล้วพอเรากลับมาจาก Sapa ซึ่งวันนั้นเป็นเวลาเช้าตรู่ให้เรามา check in ที่โรงแรมนี้เพื่ออาบน้ำ กินข้าว แล้วจะมีรถมารับพวกเราไปยัง Ninh Binh ต่อ รอสักพักปรากฎว่ามีคนมารับจริงๆ ด้วย เค้าพาเราเดินเข้าไปในสถานีรถไฟ ซึ่งอันที่จริงในตั๋วของเราก็ระบุเรียบร้อยแล้วว่าตู้ไหน เตียงเท่าไหร่ แต่มีคนมาส่งก็ดีค่ะ หน้าตาของตั๋วรถไฟก็จะเป็นแบบนี้

เราเข้าไปยังห้องพักของเราสำเร็จ มีคนมาถึงก่อนแล้วคนนึงเค้าอยู่เตียงบน คือ ห้องนึงมี 4 เตียง บน 2 ล่าง 2 ของเราได้เป็นเตียงล่าง 2 และเตียงบน 1 เตียง ตอนแรกก็ลุ้นกันมากว่า อีกคนจะเป็นใครหนอ กลัวเป็นฝรั่งตัวอ้วนๆ นอนกรน ซึ่งพวกเราก็ได้ discuss กันมาก่อนแล้ว เจ้าลูกชายก็บอกว่า แม่จะกลัวทำไม เค้าสิต้องกลัวเรา เรามีตั้ง 3 นะแม่ เออ ก็จริงของเด็กมันแฮะ และรูมเมทของเราก็เป็นหญิงสาวชาวเวียดนามที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ก็ได้แต่ยิ้มให้กัน อ้อ เตรียมปลั๊กพ่วงไปด้วยก็ดีนะคะ เพราะปลั๊กไฟเนี่ยมีให้อันเดียว แล้วพวกเราก็มีของต้องชาร์ทมากมายค่ะ

พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ ติดตามได้ที่นี่ https://www.gotoknow.org/posts/589369

คำสำคัญ (Tags): #เวียดนาม#hanoi#sapa
หมายเลขบันทึก: 589368เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2015 14:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน 2015 18:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท