จริงๆแล้วผมชอบพระมาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากสมัยนั้นผมได้ไปเล่นที่บ้านนายตำรวจท่านหนึ่งซึ่งท่านมีหนังสือพระเครื่องมากมาย เช่นลานโพธิ์ เป็นต้น พอว่างๆหลังจากช่วยแม่ทำขนมเสร็จแล้วผมก็ไปอ่านทุกวันอ่านทุกเล่มอ่านจนจำพิมพ์พระได้ว่าพระอะไรรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร มีพุทธคุณทางไหน สมัยก่อนหนังสือพระมีคำบรรยายทางพุทธคุณ ประสบการณ์ต่างๆ ธรรมะ และประวัติศาสตร์อีกด้วยไม่เหมือนหนังสือสมัยนี้ที่มีแต่ชี้ตำหนิพิมพ์ทรง และราคาสูงสุดที่เคยขายได้อย่างเดียวหาสาระอะไรไม่ได้
จึงเรียกได้ว่าอ่านหนังสือพระสมัยก่อนอ่านแล้วสนุกได้ความรู้และมีความเชื่อมั่นในพลังพุทธคุณที่ประจุอยู่ในองค์พระเครื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพระกรุโบราณ หรือพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ แต่เนื่องจากสมัยนั้นเป็นเด็กไม่มีเงินไปหาเช่าพระ และพระแต่ละองค์ก็ราคาหลักหมื่นหลักแสนในใจคิดว่าตัวเราคงไม่มีวาสนาได้ครอบครองพระเหล่านั้นหรอก หรือไม่มีวาสนาแม้กระทั่งได้เห็นของจริง
จำได้ครั้งแรกว่าดีใจมากที่ได้เห็นพระจริงตามแผงพระในงานวัดประจำปีที่วัดแถวบ้านที่เมืองกาญจน์ มีพระสมเด็จวัดระฆัง พระของหลวงปู่ปานพิมพ์ขึ่สัตว์พาหนะต่างๆ ก็ไปแอบยืนดูไม่กล้าจับกลัวเจ้าของร้านว่า (เพิ่งมารู้ทีหลังว่าส่วนใหญ่เป็นพระปลอมทั้งนั้น)
ก็ได้เก็บความชอบไว้แต่เพียงในใจ เพราะว่าไม่มีกำลังเงิน แต่ได้หันมาสนใจธรรมะแทน ชอบอ่านหนังสือธรรมะ ครั้งแรกๆไปอ่านหนังสือธรรมะแนวสันติอโศกที่ห้องสมุดโรงเรียน แรกๆก็ชอบมาก แต่อ่านมากเข้าๆ ก็รู้สึกว่าทำไปคนปฏิบัติธรรมที่สันติอโศกต้องไปโจมตึสายอื่นๆด้วย และอีกอย่างคือสายนี้ไม่เน้นทำสมาธิ ไม่เน้นแนวอภินิหาร ซึ่งผมชอบมาแต่เดิม (ตอนสมัยเด็กๆจำได้ว่าเคยเห็นวิญญานบ่อยๆ แต่ไม่กลัว) ต่อมาศึกษาแนวสวนโมกข์ แต่ก็ไม่ชอบเพราะว่าเหมือนไปต้องทำอะไร อยู่เฉยๆก็นิพพานได้ ส่วนตัวคิดว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้น ดังนั้นพอโตแล้วเรียนมหาวิทยาลัยเลยไปสมัครเข้าชมรมพุทธแล้วก็สมัครไปบวชที่วัดธรรมการเสียเลย ผมบวชเป็นธรรมทาญาติรุ่นที่ ๑๕ ได้ฝึกสมาธิ แต่ผมก็ฝึกได้แค่ขั้นต้นเท่านั้นเห็นแต่ลูกแก้ว กลมๆใสๆ สว่างๆ ไม่สามารถเห็นธรรมกายชั้นสูงได้ ก็บวชจนครบหลักสูตรแล้วสึก เพื่อกลับมาเรียนต่อ
บันทึกเมื่อ ๒๓ มี.ค. ๒๕๕๘
หนังสือเล่มข้างบนน่าอ่านมาก
ของศนพ ประเวศ
คนเมืองกาญจน์เหมือนกันใช่ไหมครับ
ครับผมเป็นคนเมืองกาญจน์ เกิดที่บ้านอีต่อง เหมืองปิล๊อก ทองผาภูมิ
ผมเกิดที่เมืองกาญจน์ จบจากวิสุทธรังษีครับ