ครูบาบินก้าว
ครูบา บินก้าว อิทธิภาโว จนอีหลีอีหลอ

ใส่บาตรด้วยเงินเป็นบาป...



  • บันทึก สนทนา... จากห้อง... มองหลายมุมพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ประเด็น " ใส่บาตรด้วยเงินเป็นบาป... ไม่เป็นบุญเลย... "
  • ผู้สนทนา๑. จันทร์เจ้า คนกินผัก ๒. Hanuman Ba
    ๓. สมณะบินก้าว อิทธิภาโว
    เปิดประเด็น... ******
    https://www.facebook.com/video.php?v=398377080335021&fref=nf



    สมณะบินก้าว อิทธิภาโว : ใส่บาตรด้วยเงินเป็นบาป... ไม่เป็นบุญเลย...
  • จันทร์เจ้า คนกินผัก : สาธุเจ้าค่ะ ท่านจันทร์เทศน์ได้ดีมาก ถนอมน้ำใจโยมด้วย ท่านอนุโมทนาแล้ว ได้บุญแล้วล่ะ แต่ครั้งต่อไปรู้แล้วยังทำอีก ก็ผิดนะ เข้ากับหลักกรรมของศาสนาพุทธมากเลยเจ้าค่ะ

  • Hanuman Ba : อืม มองอีกมุม ท่านก็เป็น อสุกโร ผู้เลี้ยงยาก
  • จันทร์เจ้า คนกินผัก : มองหลายมุมไงคะ พี่หนุมาน
  • สมณะบินก้าว อิทธิภาโว : ยาก... ยังไง รึ
  • จันทร์เจ้า คนกินผัก : ก็ไม่กินหมู กินไก่ แบบคนทั่วไปไงเจ้าคะ ท่านบินก้าว
  • สมณะบินก้าว อิทธิภาโว : โดยปกติบรรพชิต ย่อมต้องต่างจากคฤหัสถ์ เมื่อคฤหัสถ์พยายามทำให้กลับมาเหมือน เช่น กลับมาใช้เงินทอง กลับมาฉันหลาย ๆ มื้อ หยุดการเบียดเบียนทั้งต่อหน้าและลับหลัง ฯลฯ
    ก็ต้องอธิบาย เทศน์ สอน ให้คฤหัสถ์ ทราบ...บางเรื่องที่อธิบาย ย่อมขัดกิเลส... แต่บรรพชิตยุคหลังไม่อธิบาย หรือ อธิบายไม่เป็น เอาแต่สวด... จึงปล่อยให้เลยเถิดมาจนบัดนี้ จนเกิดเรื่องราวต่าง ๆ

    การที่บรรพชิตบอก สอน จะว่า เป็นผู้เลี้ยงยากตามที่วิเคราะห์มา ก็พอจะฟังขึ้นหากเข้าใจได้เพียงเท่านี้

    >>>>

    นี้คือ หัวข้อธรรม...ธรรมที่บรรพชิตควรพิจารณาเนื่องๆ ๑๐ อย่าง

    ๑. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆว่า บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใดๆของสมณะ เราต้องทำอาการกิริยานั้นๆ

    ๒. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆว่า ความเลี้ยงชีวิตของเราเนื่องด้วยผู้อื่น เราควรทำตัวให้เขาเลี้ยงง่าย

    ๓. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆว่า อาการกายวาจาอย่างอื่น ที่เราจะต้องทำให้ดีขึ้นไปกว่านี้ ยังมีอยู่อีก ไม่ใช่เพียงเท่านี้

    ๔. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆว่า ตัวของเราเองติเตียนตัวเราเองโดยศีลได้หรือไม่

    ๕. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆว่า ผู้รู้ใคร่ครวญแล้วติเตียนเราได้หรือไม่

    ๖. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆว่า เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งนั้น

    ๗. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆว่า เรามีกรรมเป็นของตัว เราทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว

    ๘. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆว่า วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่

    ๙. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆว่า เรายินดีในที่สงัดหรือไม่

    ๑๐. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆว่า คุณวิเศษของเรามีอยู่หรือไม่ ที่จะให้เราเป็นผู้ไม่เก้อเขินในเวลาเพื่อนบรรพชิตถาม
  • สมณะบินก้าว อิทธิภาโว : ในทางกลับกัน คฤหัสถ์ ของชาวพุทธก็ต้องมาทบทวนตนด้วยว่า เราเป็นชาวพุทธ จริงหรือไม่ ? มีปกติชีวิต โดย ทำได้ ตรง-จริงตามศีลได้สัก กี่ %
  • จันทร์เจ้า คนกินผัก : "บางเรื่องบรรพชิตควรอธิบาย สิ่งที่ขัดเกลากิเลส... แต่บรรพชิตยุคหลังไม่อธิบาย หรือ อธิบายไม่เป็น เอาแต่สวด... จึงปล่อยให้เลยเถิดมาจนบัดนี้ จนเกิดเรื่องราวต่างๆ" นี่แหละหนูถึงได้ชอบว่าพระสมัยนี้ไม่สอนโยมไปในทางที่ลดกิเลส กลับเออ ออ ห่อหมก ตามใจโยม ตามใจกระทั่งทำเดรัจฉานวิชาเพื่อเอาใจโยม เพียงเพื่อดึงดูดให้โยมเข้าวัด

  • สมณะบินก้าว อิทธิภาโว : หรือ หากทำตัวเลี้ยงง่ายแบบที่ Hanuman Ba หมายถึง...
    บรรพชิตไม่ฝึก ไม่หัด เพื่อให้สัมมาปัญญาต่อญาติโยม โดย คิดว่า การอธิบายจะขัดศรัทธา ในเรื่องที่เหมาะที่ควรตรงตามศีล-ธรรม-วินัย รับหมดอนุโมทนาอย่างเดียวไม่ปฏิเสธ...

    เกิดมีคนระดับมหาเศรษฐีอยากทำบุญ หาเครื่องบินเจ๊ท หาแม่หญิงสุดงาม มาถวาย ฯลฯ ก็คงจะยุ่งกันไปใหญ่...

    ( เพียงยกตัวอย่างแบบ ให้ถึง ๆ น่ะ !!! )
  • Hanuman Ba : การที่พระสวดให้พร เป็นสิ่งที่ดีแน่นอน การบอกว่าไม่สอนเอาแต่สวด ในความคิดผม ถ้าคนไม่รับสอนให้ตายมันก็ไม่รับ บัวมี4เหล่า ถ้าเขาอยากจะเข้าใจศาสนาพุทธไม่ใช่เรื่องยากเลย ที่เมืองไทย มีครูบาอาจารย์หลายท่านใครถวายมาก็รับเงินนั้นไว้ แต่ท่านไม่ยึดติดเลย พอท่านสิ้นไปค้นกุฎิท่านพอเงินสดหลายล้านบาทแอบซ่อนไปทั่ว ผมว่าเรื่องพระรับเงินหรือไม่รับอยู่ที่ตัวพระเอง การบอกว่าเอาเงินใส่บาตร คือ บาป บาปอย่างไรอะไรอะไรก็บอกว่าโยมไม่เข้าใจ ไม่เหนด้วยอย่างยิ่ง
  • จันทร์เจ้า คนกินผัก : หยอดตู้แล้วเอาถังเหลืองเวียนถวาย พระ 5 รูป ก็ให้พร อีกรูปคอยรดน้ำมนต์
  • สมณะบินก้าว อิทธิภาโว : คำของ Hanuman Ba ที่กล่าวว่า " ผมว่าเรื่องพระรับเงินหรือไม่รับอยู่ที่ตัวพระเอง การบอกว่าเอาเงินใส่บาตร คือ บาป บาปอย่างไรอะไรอะไรก็บอกว่าโยมไม่เข้าใจ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง "
    นี่แหละ คือ ความชัดเจนที่ว่า พระที่รับเงินก็ไม่รู้ว่า มีวินัยพระ ห้ามรับเงิน ห้ามใช้เงินทอง หากรับก็ผิดวินัย หรือ รู้แก่ใจ ก็ยังรับมาอีก ก็ยิ่งผิดไปกันใหญ่.. ที่ญาติโยม ไม่รู้ ก็เพราะพระไม่สอนเพื่อจะได้ทำได้อย่างถูกต้อง...

    โดยจริง เงินถวายเข้าวัดได้บุญ เป็นเรื่องที่ดี...ที่ควร
    แต่ นำเงิน ถวายพระ พระผิดวินัย โยม ย่อมได้บาป อันนี้ ของแท้...

    ************************************************

    ค้นที่มาได้... จาก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒
    มหาวิภังค์ ภาค ๒

    ๓๗. ๘. อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือยินดีทอง เงินอันเขาเก็บไว้ให้, เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.

    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=02&A=2567...
  • Hanuman Ba : งั้นท่านก็ต้องไม่ใช้ไฟฟ้า ไม่ใช้น้ำประปา ในวัด พระห้ามใช้ เพราะใช้เงินของโยมไปจ่าย ก็ต้องอาบัติไปด้วยไม่ตลกเหรอท่าน อยู่ที่ตัวพระเองต่างหากเรื่องแบบนี้ว่าจะยินดีในเงินนั้นหรือไม่ เขาถึงเรียกเงินว่าปัจจัย

  • จันทร์เจ้า คนกินผัก : คุณหนุมานคะ พระหลายรูปรับเงิน แต่ไม่ยึดติด แบบนั้นจะมีถึงเปอร์เซ็นนึงหรือเปล่าก็ไม่รู้ นักบวชควรอยู่ห่างจากสิ่งที่เป็นอสรพิษจะดีกว่าไหม
  • จันทร์เจ้า คนกินผัก : วัดน่าจะมีไวยาฯอยู่นะคะ เท่าที่เข้าใจ

  • สมณะบินก้าว อิทธิภาโว : ดีมาก ที่นำประเด็นมาเสนอตัวอย่างได้ดี...เพื่อจะทำให้แยกชัดว่า...ใด คือ เรื่องของวัด
    ใด คือ เรื่องของพระ

    จากตัวอย่าง ที่ Hanuman Ba นั่น คือ เรื่อง ของวัด...ซึ่งจะต้องมีคฤหัสถ์ ร่วมดูแล มีกองทุน มีมูลนิธิ มีการลงบัญชี รับจ่ายในกิจสงฆ์ เป็นผู้ทำหน้าที่... ดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

    ส่วนคำว่า " ปัจจัย " ที่หมายไปถึง เงิน หากพระใช้ ก็เป็นการเลี่ยงบาลี ปัจจัย มี ๔ อย่าง เรียกง่าย คือ ข้าว ผ้า ยา บ้าน ไม่มี เงินเลย
  • Hanuman Ba : นั้นก็เปนเรื่องของท่านนะคุณจันทร์เจ้า กรรมใดใครก่อ ทั้งหมดอยู่ที่เจตนาของพระ ผมว่ารายละเอียดเรื่องแบบนี้อยู่ที่ตัวพระเอง แต่การที่มาบอกว่าถวายเงินใส่บาตรแล้วโยมบาป ไม่มีทางเจตนาโยมยอมเสียเงินของตัวเองที่หามาด้วยความยากลำบาก ด้วยศรัทธาผู้ทรงศิล แต่ผู้รับกับบอกว่าบาปนะทำแบบนี้ ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องของผู้รับ ส่วนผู้ให้บุญก็ไม่สำเร็จเพราะผลไม่เกิด ผู้รับไม่รับ
  • สมณะบินก้าว อิทธิภาโว : พระ จึงไม่เกี่ยวข้องกับเงินเลย... บางแห่ง อาจจะต้องคอยสอดส่องเรื่องตัวเลขในบัญชี เวลามีคณะศรัทธา ทำบุญเข้าวัดบ้างก็ตามแต่ควร ให้เกิดความโปร่งใส ตรงเจตนาผู้ที่ถวาย
    แต่ ตนเองจะไม่เข้าไปเป็นเจ้าของเรื่องเงินทอง...ให้ต้องผิดพระวินัยเกิดความมัวหมองเลย...
    สมณะบินก้าว อิทธิภาโว
    : การอธิบาย ของท่านจันทร์ในคลิป หรือ ของพระที่ชัดเจนในแนวปฏิบัติตรงตามธรรมวินัย... เท่าที่ผ่านมากว่า ๒๐ ปีแล้ว ปฏิบัติดังตัวอย่างในคลิป ญาติโยม ที่รับฟังทั้งที่เจอในประเทศ และ ในต่างประเทศ กลับรู้สึกยิ่งอนุโมทนาที่ตนได้มาพบพระจริง ๆ

  • และเต็มใจ พร้อมจะเก็บเงินนั้นไว้ เป็นขวัญถุง เป็นมงคลชีวิต หรือไม่ ก็ยิ่งหาทางขวนขวาย หาโอกาสไปที่วัด.. ยังไม่เคยมีสักคนเดียว ที่จะโกรธพระ หลังจากที่ฟังถ้อยคำที่ให้ตนเกิดปัญญา...แม้ท่านจะปฏิเสธ...หากกลับรู้สึกได้ทั้งบุญ และ ปัญญา

  • จันทร์เจ้า คนกินผัก : ในคลิปท่านอนุโมทนาค่ะ แต่บอกว่า ถ้ารู้แล้ว และทำอีก ถึงบาปค่ะพี่หนุมาน
  • Hanuman Ba : รู้หรือไม่รู้ถ้าทำผิดก็คือบาป ไม่ใช่ให้พระมาอุปโหลกได้ว่าทำแบบนี้ครั้งแรกได้บุญครั้งต่อไปได้บาป คุณจันทร์เจ้า
  • Hanuman Ba : ไม่สั่งสอนโยมดีกว่าสอนผิด
    สมณะบินก้าว อิทธิภาโว : เมื่อพบความผิดรู้แก่ใจ ไม่สั่งสอน แบบนั้น ใจดำ
  • ไม่สั่งสอน เพราะไม่รู้จะสอนอะไร แน่นอนดีกว่าสอนไปผิด ๆ

    การทำความดีมีศีลเป็นปกติ โดยไม่สอนก็ยังดีที่เป็นตัวอย่าง..
    การทำความดีมีศีลเป็นปกติ หากพบความดื้อคงจะทำแบบผิด ๆ ต่อไป การเงียบไม่สอน..สงบ ๆ ไว้ ไม่ถือว่า.. ใจดำ

    อีกประการหนึ่ง... >>>>

    เพราะยึด ในความเคยชินที่ผิดทำตาม ๆ กันมานานจนเข้าใจว่า เป็นความถูกต้องแล้ว... แน่นอนว่า ย่อมต้องเกิดความเห็นต่าง...เพราะแยกแยะไม่ได้

    เมื่อไม่รู้ จึงเคยชินถวายเงิน.. ทำให้พระผิดวินัย
    เมื่อมาได้รู้ แม้จะมีการอธิบายก็ยังถวายต่อไป นั่นยิ่งทำผิด

    เพราะเท่ากับคงส่งเสริม ให้เกิดการทำผิดต่อไป และ ต่อไป

    นี่แหละ ผลแห่งปัญหาพระศาสนา..สะสม ทีละนิด ๆ จนถึงหยาบใหญ่บานปลาย.. ด้วยเพราะปิดใจ.. ทั้งไม่ช่วยทำความชัด.. ไม่น้อมปฏิบัติตรงคำสอนพระพุทธเจ้า ตามที่ทุกคนกล่าว สมาทาน เคารพ ศรัทธา...
  • Hanuman Ba : การที่โยมถวายเงินให้พระเกิดขึ้นเพราะศร้ทธาและเห็หแก่ความสะดวก เขาไม่สะดวกในการซื้อของทำบุญอาจจะเพราะรีบเร่งหรือเหตุอื่นๆ จึงถวายเงินแก่พระ นี่คือเหตุ และเขาก็ได้รับบุญไปแล้ว บุญนั้นสำเร็จแล้ว ส่วนผลละทีนี้ก็อยู่ที่ตัวพระว่าจะพิจารนาเงินนั้นอย่างไร พระท่านก็เอาไปเข้ากองกลางของวัด บุญก็สำเร็จแก่ท่าน ถ้าท่านเอาเข้าตัวท่านหรือเกิดกิเลสขึ้นในใจท่านๆก็ทุกข์ไป ยังไม่เห็นว่าบาปจะเกิดแก่โยมที่ถวายเงินตรงไหน ที่บอกว่ามีไวยยาวัจกรคอยจัดการเรื่องเงินของวัด แล้วเงินนั้นมาจากไหน เขาก็มาถวายพระเพียงแค่ใช้คำเรียกแตกต่างไปเท่านั้น สอนแบบนี้ถ้าโยมพิจารนาตามแบบเพี้ยนๆกันหมด วัดอยู่ไม่ได้ปัจจัยที่จะดำรงค์อยู่ขาดแคลน ส่วนปัจจัย4ที่ท่านกล่าวข้าว ผ้า ยา บ้าน เอาตอนนี้ พระที่ใช่โทรศัพท์ แม้แต่คอมพ์ และอื่นๆอีกมากมายก็ผิดหมด ไม่ใช่เลย เหตุตรงนี้อยู่ที่เจตนาถ้าเจตนาดีผมว่าได้หมด
    สมณะบินก้าว อิทธิภาโว .

  • กล่าวได้ถูกต้องแล้ว... ต้องชัดที่เจตนา... หากความศรัทธาที่เกิดอยากทำบุญนั้น จะดีที่สุดควรที่ต้องประกอบพร้อมด้วยสัมมาปัญญา...ว่า อะไร คือ สิ่งที่พระควรรับควรถวาย หรือ ไม่ควรรับไม่ควรถวาย ต้องช่วยกันเอาใจใส่ กลั่นกรอง... ฯลฯ

    และประเด็นที่สนทนาทั้งหมด นับเป็นอีกขั้นหนึ่ง ที่จะสามารถนำเจตนาเข้ามาสู่สัมมาปัญญาสำหรับผู้ที่ตามอ่านกระทู้นี้...เพื่อร่วมเอาภาระดูแลพระศาสนา ในเชิงบริหารจัดการ ตามที่พระพุทธองค์ ทรงหมายให้ พุทธบริษัท ทั้งสี่ เอาภาระศาสนา

    หากยุคนี้ จะเหลือแต่เพียงภิกษุบริษัท ส่วนภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา จะปล่อยวางแบบไม่มีเวลา หรือ ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ จึงใช้เงินถวาย เพื่อซื้อความสะดวกในการทำบุญ(หากได้บาป) ก็แน่นอนว่า พระภิกษุทั่วไปโดยมาก ท่านรับ...เพราะท่านไม่เคยปฏิเสธ โดย ทำให้ศรัทธาของญาติโยมคงอยู่ หรือ ไม่สามารถจะเพิ่มสัมมาปัญญาในการอธิบายให้ญาติโยมได้ เรื่องนี้ ก็เข้าใจ... จึงพบญาติโยมถวายเงิน ถวายบุหรี่ หมากพลู และ อื่น ๆ ที่พาให้ผิดศีล ผิดธรรม ผิดวินัยตลอดมา...

    ส่วนเมื่อใครที่โชคดี...ไปพบเจอพระที่ท่านสามารถรักษาศีล - ธรรม - วินัยได้ ท่านสอนได้แนะนำให้รู้ความเหมาะควร เพื่อการรักษามั่นคงพระวินัยได้ เราก็พึงเปิดใจ เข้าใจ...ที่ได้มาพบเจอพระดี...ทั้งต่อหน้าและลับหลัง...

    และ ประการสุดท้าย การที่วัดใด วัดหนึ่งจะให้พระ สามารถใช้โทรศัพท์ คอมพิวเต้อ เครื่องมือไอที *** นั่นก็เป็นเรื่องของสงฆ์แต่ละแห่งจะมีแนวปฏิบัติในการเผยแพร่ศาสนาอย่างไร ? ***ก็ต้องมีมาตรการดูแล...

    แต่คณะสงฆ์ส่วนมาก ในปัจจุบันบ้านเรา ท่านจะมีอะไรในห้อง ในกุฏิ กลายเป็นเรื่อส่วนตัวของใคร ของมัน...ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก เพราะภัย ที่มาจากไอที หากไร้วุฒิภาวะแล้ว เป็นอันตรายต่อการประพฤติพรหมจรรย์มากนัก...

    ****
    ส่วนในคณะสงฆ์สันติอโศก สมณะรูปใด ที่อายุพรรษาไม่ถึง ๑๕ พรรษา จะมีเครื่องมือไอทีใช้ไม่ได้... หรือ หากรูปใด. มี....หมู่สงฆ์จักต้องพิจารณาหากเห็นว่า จำต้องมี-ใช้เพื่องานศาสนาเป็นราย ๆ ด้วยท่าน...ก็ต้องมีวุฒิภาวะอย่างเหมาะสม ผ่านการคัดกรองพิจารณาแล้ว จึงสามารถที่จะมีเครื่องมือไอทีเพื่องานศาสนาเพิ่มเติมได้...

    แต่ให้ถือว่า วัตถุสิ่งของที่นำมาใช้งานเหล่านั้น...เป็นสมบัติกองกลางสงฆ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะสามารถมี...นอกเหนือไปจากบริขาร ๘

    และที่สำคัญ เครื่องมือพวกนี้...ไม่ใช่จะมีได้เองทุกรูปที่อยากมี และ ยิ่งไม่สามารถที่จะตัดสินใจหามาใช้ได้เอง โดย สงฆ์ไม่ร่วมรับรู้ แบบนั้นจะทำไม่ได้...

    *** เรื่องนี้ มีรายละเอียดอีกมากในทางปฏิบัติ ที่คฤหัสถ์ผู้ห่างไกลศาสนาจะไม่สามารถรู้... การให้ความคิดเห็นบางเรื่องราว...จึงออกมาจากมโน...ไปตามคิดเรื่อยไป....
    Hanuman Ba : คุยก็ย้อนไปย้อนมานะท่าน ส่วนกรณีที่ท่านบอกว่า สมณรูปใดที่พรรษาไม่ถึง15ไม่สามารถใช้อุปกรณ์ไอทีได้ มีในพระธรรมวินัยข้อไหน สิ่งที่ท่านคิดว่าท่านเด่นท่านก็โจมตีโดยบอกว่าเป็นพระแท้ เช่นการไม่กินเนื้อสัตว์ท่านคงคิดว่าทำได้ยาก ฮินดูในอินเดียมีมากมายไม่กินผลิตภัณจากสัตว์เลยมาตลอดชีวิตแต่ยังคงมีคดี ข่มขืน ฆ่า โกหก ขโมย มากมาย ศิลข้อไหนที่ห้ามบริโภคเนื้อสัตว์ สัมมาทิฏฐิ คือความยาก แต่มิจฉาทิฏฐิอันตรายมาก แย้งด้วยความเคารพนะครับ

  • สมณะบินก้าว อิทธิภาโว : ที่กล่าว...ก็เป็นเพียงนำบางส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ แห่งการเอาภาระในคณะสงฆ์ให้เกิดศักยภาพคุณภาพเพื่อการทำงานศาสนาเฉพาะในคณะสงฆ์สันติอโศก มีตกลงกันปฏิบัติ ซึ่งเชื่อว่า แต่ละแห่ง แต่ละคณะก็ย่อมมีข้อตกลง ธรรมกาย ก็มีในแบบธรรมกาย สวนโมกข์ ก็มีแบบสวนโมกข์ คณะสงฆ์ธรรมยุติ มหานิกาย ก็ย่อมมีของตน ๆ ฯลฯ

  • เรื่องบางอย่างที่เป็นการตกลง อาจจะไม่ปรากฏในพระธรรมวินัย หากก็จะสอดคล้องไปกับการตั้งใจรักษาพระธรรมวินัย... จึงยกตัวอย่างมา เพื่อมาบอกเล่าให้เป็นกรณีตัวอย่างแห่งการเอาภาระ... เพื่อให้เป็นไปตามกิจแต่ละด้าน ตามความถนัดแต่ละท่าน ในงานพระศาสนา... ฯลฯ

    ส่วนความรู้สึกว่า ใครจะโจมตีใคร โดยแท้แล้ว นั่นเป็นเพียงความรู้สึกที่ผู้ทำไม่ได้...ย่อมรู้สึกเหมือนตนถูกว่า ถูกโจมตี... ส่วนผู้ที่ปฏิบัติได้ก็จะมีแต่อนุโมทนา ด้วยสอดคล้องกับศีล - ธรรม - วินัย ฯลฯ


    ส่วนเรื่องราวในอินเดีย ที่นั่น ก็มิใช่พื้นที่ชาวพุทธ ๆ มีเล็กน้อย ที่จะมีชาวพุทธ มากกว่าที่อื่นหน่อย ก็คือแถบแคว้นมหารัชตะ...ออลังกาบาตร ที่ ดร.อัมเบทก้า นำความเป็นชาวพุทธกลับมาสู่อินเดีย ซึ่งจากที่ไปศึกษาเป็นเวลานานพอควรไม่เคยพบเหตุการในแบบที่ Hanuman Ba ยกมาจะมี....

    แต่ แม้เขาจะเกิดมีเหตุต่าง ๆ ดังกล่าว ก็ด้วยเขาโดยมาก มิใช่ ชาวพุทธ เราจะไปกล่าวถึงเขาโดยที่เราไม่รู้ ก็คงไม่เหมาะแล้ว

    และในฐานะที่เคยไปอินเดียมาหลายครั้ง ได้มีโอกาสจาริก โดย เดินตามรอยพระพุทธองค์ ตลอดทั้งสี่สังเวชนียสถาน ระยะทางกว่า ๘๕๐ กม. ทั้งในอินเดีย - เนปาล ใช้เวลาเดินกว่า.. สองเดือน ก็ไม่เคยพบเหตุตามที่คุณยกมาเลย...แม้แต่สักครั้งเดียว ซึ่งในแต่ละวัน ๆ ที่จาริกผ่านไป...ตามหมู่บ้าน ตามเมืองต่าง ๆ แม้เขาเป็นฮินดู หากก็คงใส่บาตร แบ่งปันอาหารไม่เคยที่จะต้องอด...

    ก็อนุโมทนา ที่ได้ร่วมสนทนา...

    Hanuman Ba : สาธุ เช่นกันครับขอให้เจริญในธรรมครับ ท่าน

หมายเลขบันทึก: 586634เขียนเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2015 05:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2015 05:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท