เสร็จกิเลสครึ่งวัน ฟื้นคืนได้อีกแบบสะบักสะบอมครึ่งวัน


เห็นคำสอนหลวงตานี้แล้วก็ระลึกถึงครูค่ะ

วันนี้เกือบเสร็จกิเลสไปทั้งวันค่ะ ขอแฉ

ยังดีที่พอมีสติ ลากตนเองกลับมาบ้านพ่อแม่ ถ้าไม่มา อาจมีแย่กว่านี้แน่ ๆ

เอาใหม่ๆ

แล้วคำว่า "เชื่อเหมือนหมูเหมือนหมา ก็ดังขึ้นในใจ"

จิตนี้มันเป็นอย่างนี้ ถ้าสติพอมี เหมือนอะไร ๆ ก็พอไหว พอสู้ สู้ไม่ได้มันก็พอทน ทนไม่ได้ มันก็เหมือนเข้าใจ

แต่พอขาดสติ บอกเลย "จบกัน"

ศีล สมาธิ ปัญญา ขาดหายไปพร้อม ๆ กับสติที่ขาดช่วงค่ะ

วันนี้ตอนเช้าแทบแย่ จิตมัว จนเสียงเปลี่ยน เวลาหนูเสียงเปลี่ยน จัด ๆ รู้เลย กิเลสเอาไปกิน

พอกลับมาถึงบ้านลงไปช่วยพ่อแม่ทำสวน เพาะต้นขลู่ไว้

เหมือนพละกำลังจะกลับมา ประมาณหกโมงเย็นออกไปวิ่ง ได้กำลังกับตนเองขึ้นมา

เหมือนพึ่งตื่นมาเต็ม ๆ จากทั้งสองสามวันที่หลับใหล

เห็นกาย ใจ ชัดขึ้น เห็นจิตมันไหลไปเรื่องนั้นเองนี้สลับการเห็นร่างกายวิ่ง และคำบริกรรม

ก็วนอยู่แต่ข้างในก็เบา รู้สึกผ่อนคลายจากข้างใน ใจระลึกถึงครู

"นี่ไง ปฏิบัติอยู่ คือ การบูชาครู บูชา พระรัตนตรัย"

ไม่ปฏิบัติ ไม่ดูกาย ไม่ดูใจ มีแต่หลงใน ราคะ โทสะ โมหะ

จะเรียกว่า "ปฏิบัติบูชาได้อย่างไร"

คำนี้ดังขึ้นกับตนเอง

ถูกแล้วกับคำที่ท่านเมตตาว่า "มันไม่ภาวนา"

(และวันนี้ครูเมตตาโทรมา แม้เสียงหนูยังเพี้ยน ๆ แต่ก็รู้สึกมีกำลังใจกับตนเองค่ะ)

ย้อนทวนกับตนเอง

ศีลก็ไม่รักษา สมาธิก็ไม่ต้องถามหา ปัญญาไม่มีช่องจะได้ปรากฏ

พอเห็นได้หันทวนย้อน

สำรวจใจตนเองกับการย้อนทวน

มันถอนหายใจแล้วเหนื่อยหน่ายกับตนเอง ซินะ บ่จื้อ บ่จำ

แต่เอาใหม่นะ

เส้นทางชีวิตแท้ ๆ ก็แบบนี้ ไม่ได้เรียบแบบกลีบกุหลาบโรย

แต่ก็ก็เป็นการเดินทางแบบมีขวากหนามประปราย หนาบ้าง บางบ้าง มืดบ้างสว่างบ้าง

แต่ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ให้ ดูเอา มาสอนใจ

ยากที่สุดคือ การยอมรับความชั่ว ความบกพร่องของตนเอง

ยากขึ้นไปอีก คือ การลงมือแก้ไข

คงต้องบำเพ็ญไปเช่นนี้ จนกว่าใจ จะเห็น ไตรลักษณ์แบบประจักษ์แจ้งและเข้าใจ

ความสุขของพ่อ กับ แม่ ที่ได้เตรียมพื้นที่หลังบ้าน ปลูกผัก

พ่อมีพลัง ๆ มาก ๆ แม่ก็เป็นกำลังใจที่ไม่ขาดจากกัน


และพ่อหอบเสื้อผ้าหลายชิ้น ทั้งเสื้อและกางเกงมาให้ซ่อม น้าราญก็เหมือนกัน

เป็นสิ่งล้ำค่าที่ครูเมตตามอบให้

ตั้งแต่การให้โอกาสได้ฝึกตัด เย็บผ้า รวมมาถึงการ "กลับมาดูแลพ่อแม่"

ระลึกถึงคำครู "สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นดีเสมอ"

แม้ในบางความผิดพลาด ใจหนูยังปฏิเสธ

แต่ก็ต้องอดเอา มันต้องมีอะไรผิดแหละ ถึงได้มีผู้เมตตามาเตือน

กดกิเลสเจ้าของไว้ แล้วก็ลงมือแก้ไข

ทำให้ดีที่สุด หนทางไม่ได้มีทางเดียวในการแก้ไขปัญญา

ผิดแล้วก็แก้ไข รู้ผิดรู้แก้ เอาศีลธรรม กำกับไว้ จนกว่าใจจะเป็นศีล สาธุเจ้าค่ะ


คำสำคัญ (Tags): #aar#ภาวนา
หมายเลขบันทึก: 582013เขียนเมื่อ 10 ธันวาคม 2014 22:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 ธันวาคม 2014 22:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท