อยากบันทึกการปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงตรงและเที่ยงธรรม มิใช่เพื่อประโยชน์ของตนเอง แต่เพื่อประโยชน์ต่อคุณครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานครทุกคน...
เหตุการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกรอบระยะเวลาการยื่นขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ หรือรอบระยะเวลาการส่งผลงานทางวิชาการของครู กทม. ก็คือ การส่งคำขอหรือส่งผลงานเกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ สาเหตุเกิดจากตัวผู้ขอประเมินเองที่ดำเนินการล่าช้า และอีกสาเหตุ คือ ฝั่งของสำนักงานเขตดำเนินการล่าช้า ทำให้ส่งเรื่องถึงสำนักการศึกษาไม่ทันตามกำหนดเวลา...
ส่วนตัวของคุณครู ก็ต้องอธิบายชี้แจง และเปิดหลักเกณฑ์ให้อ่านกันอย่างชัด ๆ เข้าใจตรงกันว่า ตัวครูเองที่พลาดเรื่องกำหนดเวลา จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ต่อไปได้ คงต้องรอในรอบกิจกรรมต่อไปได้เท่านั้น ซึ่งส่วนมากก็เข้าใจต่อหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ และกลับไปด้วยดี (อย่างน่าเห็นใจแต่ช่วยอะไรไม่ได้)
แต่อีกส่วนที่เกิดจากเจ้าหน้าที่ของเขตนับว่าเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวจริง ๆ แม้จะอธิบายตามหลักเกณฑ์กำหนด แต่ก็ยังพยายามที่จะของดเว้น หรือละเว้นหลักเกณฑ์เพื่อให้สามารถรับคำร้องที่เกินกำหนดให้ได้ ...
"ช่วยพี่หน่อยไม่ได้หรอ นี่วันนั้น ไม่มีคนอยู่ ไม่มีคนเซ็น เขายังมาส่งไม่ครบ งานเยอะแยะ ............." นี่เป็นคำพูดที่ร้องขอมาตามสายโทรศัพท์ ซึ่งผมยืนยันได้ว่า ทุกคน ทุกเขตที่โทร.มา ก็พูดคล้าย ๆ กัน เหตุผลไม่ต่างกัน ทั้งสิ้น
สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้แล้ว สำคัญที่สุด ที่ต้องยึดถือไว้ คือ "ความเที่ยงตรง เที่ยงธรรม เสมอภาค และการไม่เลือกปฏิบัติ"
เที่ยงตรง คือ ตรงไปตรงมา กฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการว่าไว้อย่างไร ก็เดินไปตามทาง วิธีการ และกฎระเบียบที่วางไว้
เที่ยงธรรม คือ ทำทุกอย่างเหมือน ๆ กัน ใช้หลักเกณฑ์วิธีการเดียวกัน ฉบับเดียวกัน ไม่พลิกแพลงวิธีการเพื่อใครหรือสิ่งใด
เสมอภาค คือ ไม่ว่าจะเป็นคุณครู หรือ ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ เจ้าหน้าที่เขต หัวหน้าฝ่าย หรือใคร ๆ ก็ต้องตอบด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเดียวกันตรงไปตรงมา
การไม่เลือกปฏิบัติ คือ ไม่ว่าจะคุยกับเด็กหรือผู้ใหญ่ จะเป็นผู้มีคุณ หรือผู้ที่ไม่ชอบหน้ากัน ก็ต้องตอบและกระทำเช่นเดียวกัน จะเลือกพูดเลือกกระทำไม่ได้
ผมเชื่อว่า ทุกคนทราบดีว่าการขอมีและขอเลื่อนวิทยฐานะของครู เป็นเรื่องของการได้มาซึ่งผลประโยชน์ หากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบไม่สามารถดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ก็เท่ากับเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใดผู้หนึ่ง เกิดความไม่เท่าเทียมกันกับอีกหลาย ๆ คน และจะนำมาสู่การฟ้อง การร้อง การดำเนินการทางวินัย และการลงโทษในที่สุด ดังนั้น หากการปฏิบัติหน้าที่นี้มีการปฏิบัติไม่ตรงกันย่อมนำมาซึ่งความเดือดร้อนอย่างแน่นอน และมั่นใจว่า "ความลับไม่มีในสังคมโลกาภิวัตน์ใบนี้" หากย่อหย่อนให้รายที่ 1 ได้ รายที่ 2 3 4 และรายต่อไปจะมาไม่สิ้นสุด...
อยากฝากไว้ว่า กฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการ กำหนดขึ้นเพื่อให้ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมและเสมอภาคกัน หากใครสักคนสามารถไปวิ่งเต้นเส้นสายเพื่อให้ได้มาเพื่อความเหลือมล้ำในสิทธิแล้ว ถึงวันนั้น คุณค่าของ กฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ฯ เหล่านั้นจะลดคุณค่าและความหมายลงจนอาจนำไปสู่การล้มล้างระเบียบวิธีการและความวุ่นวายในที่สุด
การปฏิบัติหน้าที่ตรงนี้ การปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ แนวทาง ถ้าใครเดินตามทางปกติก็ไม่เกิดความรู้สึกอันใด จะมีก็แต่ผู้ที่พยายามแหกกฎ ขอลดหย่อน หรือกระทำการไม่เป็นไปตามที่กำหนดนั่นแหละ จะรู้สึกไม่ชอบ จนอาจจะนำไปกล่าวอ้างพาดพิงอย่างเสีย ๆ หาย ๆ ได้ แต่ก็มิได้กังวลอะไร เพราะการทำสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายกำหนด ย่อมเป็นเกราะป้องกันภัย/ความเสื่อมในชีวิตราชการอยู่แล้ว แต่อาจจะมีรำคาญใจบ้างก็แค่บางกลุ่ม บางคนเหล่านั้น เท่านั้นเอง...
5 พ.ย. 57 @กลุ่มงานประเมินฯ กกจ. สนศ.
มาให้กำลังใจค่ะ หายไปนานนะคะ :)
ขอบคุณครับพี่หนูรี
Doingfix..เคารพตน..เคารพผู้อื่น...รับผิดชอบการกระทำของตนทุกอึดใจต่อตนและผู้อื่น..คือสังคมที่ดี่
"ความเที่ยงตรง เที่ยงธรรม เสมอภาค และการไม่เลือกปฏิบัติ"
น่าหนักใจอยู่นะคะถ้าเราจะเดินไปตามทางนี้ ต้องใช้ศิลปะ และวาทศิลป์พอสมควร แต่พี่ก็ขอสนับสนุนความคิดนี้ค่ะ
สบายดีมั๊ยคะ
ขอบคุณครับพี่นุ้ย ผมสบายดีครับ พี่นุ้ยคงสบายดีเช่นกันนะครับ ขอบคุณที่มาให้กำลังใจครับ
รักษาความคิดและหลักการดำรงตนแบบนี้เอาไว้ได้เลยค่ะ บ้านเมืองเรากำลังต้องการคนแบบนี้เยอะๆค่ะ คนที่ไม่เข้าใจก็คือคนที่สมควรจะโดนลดจำนวนและปรับนิสัยค่ะ แม้อาจจะไม่ทำให้เราก้าวหน้ามากนักแต่รับรองว่าเราจะนับถือตัวเองและช่วยประเทศชาติบ้านเมืองของเราได้ ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้นะคะ