ทิศทางการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรในอนาคต


ทิศทางการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรในอนาคต

ดร.นัทธี จิตสว่าง

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในเวลานี้ทำให้การกล่าวถึงอนาคตทำได้ยากยิ่ง เพราะการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงดังกล่าวทำให้เราไม่สามารถทำนายหรือคาดการณ์อนาคตได้จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นในอดีตหรือปัจจุบัน แล้วคาดการณ์ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต เส้นทางของอนาคตไม่ได้เป็นกราฟเส้นที่ทะแยงขึ้นหรือลงอีกต่อไป แต่เป็นเส้นที่แกว่งไปแกว่งมาขึ้นลง ขึ้นลง จนยากที่จะคาดเดาทิศทางได้ สิ่งที่พอทำได้ คือ การศึกษาถึงปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่ออนาคตในด้านต่างๆ โดยเฉพาะปัจจัยที่เกี่ยวกับกระแสของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อม

ในด้านการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรก็เช่นกัน กระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้การฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรมีความจำเป็นมากยิ่งขึ้น เพราะการที่ธุรกิจหรือภารกิจในการดำเนินงานขององค์กรภาครัฐต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพการตลาดหรือสิ่งแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องอาศัยทักษะใหม่ ความรู้ใหม่ในการปฏิบัติงาน เพื่อปรับยุทธศาสตร์และธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและผู้รับบริการที่เปลี่ยนไป การฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับบริษัทหรือองค์กรที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม แต่การฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรในอนาคตนั้นจะไม่เป็นการฝึกอบรมและพัฒนาในรูปแบบเดิมที่เน้นการจัดการฝึกอบรมเป็นหลักสูตรในชั้นเรียน หรือ ฝึกอบรมเป็นกลุ่มที่พนักงานต้องทิ้งงานไปรับการฝึกอบรมเป็นเวลาหลายวัน คงจะไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป การฝึกอบรมและพัฒนาในรูปแบบเดิมที่เน้นการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการต้องมีการพัฒนาหลักสูตร การจัดหลักสูตร การดำเนินการฝึกอบรมการจัดชั้นเรียนอย่างเป็นทางการ เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา และมีขั้นตอนมากมายทำให้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมกว่าจะพัฒนาจัดทำหลักสูตรเสร็จ สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรในอนาคตจะต้องเน้นการฝึกอบรมและพัฒนาในสถานที่ทำงาน เป็นการอบรมพร้อมกับการปฏิบัติงาน พนักงานจะเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริงมากขึ้น ทั้งนี้ การออกแบบการฝึกอบรมและพัฒนาจะต้องให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริง โดยนัยนี้ในอนาคตความรู้ที่พนักงานเรียนมาจากในมหาวิทยาลัยอาจเป็นแค่ความรู้พื้นฐาน ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้ในการทำงานในอนาคตที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาได้ ความรู้และทักษะในการทำงานจะมาจากการเรียนรู้จากการทำงานร่วมกันนั้นเอง โดยนัยนี้ เรื่องของการ Coaching และการจัดการความรู้ Knowledge Management จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรในอนาคต

แต่การฝึกอบรมและพัฒนาในสถานที่ปฏิบัติงานพร้อมๆกับการทำงานจะสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมเป็นอย่างมาก แม้เทคโนโลยีจะไม่ได้เข้ามาทดแทนการฝึกอบรมและพัฒนารูปแบบเก่า แต่สำหรับการฝึกอบรมและพัฒนาในสถานที่ทำงานแล้ว เทคโนโลยีจะทำให้การเรียนรู้เป็นรายบุคคลตามความต้องการ หรือ ความจำเป็นส่วนบุคคลมีความเป็นไปได้สูง ขณะเดียวกันก็ช่วยทำให้พนักงานสามารถทำงานไปพร้อมๆกับการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาได้ โดยเฉพาะการใช้สื่อสังคม (Social Media) ต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟนของพนักงาน จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในอนาคต โดยในปัจจุบันก็มีหน่วยงานหลายแห่งเริ่มนำเข้ามาใช้แล้ว เช่น ที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (Thailand Institute of Justice: TIJ) เป็นต้น ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาแทนที่การฝึกอบรมแบบเดิม เพราะเทคโนโลยีเป็นแค่เครื่องมือ หากแต่เทคโนโลยีจะเข้ามาเสริมทำให้การฝึกอบรมและพัฒนาในสถานที่ทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อมในอนาคตยังส่งผลให้การวางแผนในการฝึกอบรมและพัฒนาทำได้ยากยิ่งขึ้น แผนยุทธศาสตร์ในการฝึกอบรมและพัฒนาขององค์กรหรือบริษัทที่วางไว้ในระยะยาว หรือ มีโครงสร้างที่ตายตัวจะไม่เหมาะสมกับการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรในอนาคต เพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้รับบริการ ตลาด กฎหมาย หรือการเมือง มีผลทำให้ต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์และแผนงานอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น แผนการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรจึงต้องจัดทำในลักษณะที่มีความยืดหยุ่นอย่างสูง เพื่อพร้อมปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้

ผลกระทบอีกประการหนึ่งจากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อมจะทำให้วิธีการเรียนรู้ต้องเปลี่ยนแปลงไป การฝึกอบรมและพัฒนาที่เน้นการถ่ายทอดความรู้และทักษะแบบเดิมจะไม่เพียงพอ ในการทำให้พนักงานสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อมได้ การฝึกให้พนักงาน “ทำเป็น” รู้ “วิธีทำ” ไม่เพียงพอเสียแล้วสำหรับการทำงานในอนาคตที่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้สิ่งที่เรียนรู้ไปเมื่อไม่นานล้าสมัย ไม่สามารถปรับใช้กับธุรกิจหรือสภาพการณ์ในอนาคตได้ การฝึกอบรมและพัฒนาในอนาคตจึงต้องเน้นการฝึกให้คิดเป็น ทำเป็น ฝึกให้มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถไปต่อยอดเป็นนวัตกรรมที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของอนาคต โดยสร้างความโดดเด่นและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่สำคัญองค์กรต้องจัดระบบการบริหารและสภาพแวดล้อมในการทำงานโดยการหล่อหลอมพนักงานให้มีการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมา เพื่อที่จะนำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมเหล่านั้นทำให้องค์กรอยู่รอดในยุคที่มีสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

องค์กรที่มีสภาพแวดล้อมดังกล่าว นอกจากจะบ่มเพาะพนักงานให้มีความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังสามารถดึงศักยภาพที่เป็น “พรสวรรค์” ของพนักงานที่ซ่อนอยู่ภายในออกมาได้ด้วย โดยนัยนี้การสรรหาคนเก่ง (Talent Management) สำหรับองค์กรในอนาคต อาจไม่จำเป็นต้องสรรหาจาก “ภายนอก” หากแต่ระบบในการฝึกอบรมและพัฒนาที่พนักงานสามารถเรียนรู้จากการทำงานและสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้พนักงานได้คิดสร้างสรรค์ได้มีโอกาสดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวของพนักงานในแต่ละคนออกมา จะทำให้องค์กรสามารถสร้างคนเก่งในด้านต่างๆขึ้นมาจากพนักงานภายในองค์กรนั้นเอง

นอกจากนี้การฝึกอบรมและพัฒนาในอนาคตต้องเน้นการสร้าง “แรงบันดาลใจ” มากกว่า “แรงจูงใจ” ในการทำงาน โดยเฉพาะแรงจูงใจซึ่งมาจากตัวเงิน และ สวัสดิการต่างๆ เพราะแรงจูงใจอาจทำให้พนักงานทุ่มเททำงานในระยะหนึ่งแต่เมื่อแรงจูงใจระดับหนึ่งได้รับการตอบสนองแล้ว พนักงานก็จะมองหาแรงจูงใจในระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าพนักงานได้รับการปลูกสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานจะทำให้เขาทำงานด้วยใจ ทำเพราะรักที่จะทำ และ เขาจะมีความกระหายที่จะเรียนรู้ และพัฒนาตนเองรวมไปถึงการพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีพลังในการทำงานที่ท้าทาย และสามารถยืนหยัดต่อปัญหาอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของสภาพแวดล้อมได้

โดยสรุป การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อมจะมีผลต่อรูปแบบและระบบในการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรในอนาคตที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปจากเดิมมาก โดยการฝึกอบรมและพัฒนาในอนาคตจะต้องเน้นการฝึกอบรมและพัฒนาในขณะทำงาน ที่อาศัยเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทและมาช่วยเสริม ทำให้การฝึกอบรมและพัฒนาในขณะทำงานนี้มีประสิทธิภาพ โดยเน้นการฝึกให้ “คิดเป็น” และ “ทำเป็น” โดยฝึกให้มีความคิดสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานแบบถวายชีวิต เพื่อผลสัมฤทธิ์ขององค์กรนั้นเอง

หมายเลขบันทึก: 578868เขียนเมื่อ 15 ตุลาคม 2014 22:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม 2014 18:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบพระคุณครับอาจารย์ เป็นประโยชน์ ในการพัฒนา ครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท