​ถลกหนังไซออนนิสต์


บุคคลที่ไม่ใช่ยิวไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่เดินด้วยสองเท้า ที่พวกเขาเรียกว่า กอยส์

ถลกหนังไซออนนิสต์

รากฐานของลัทธิยิวนอกรีต(ไซออนิสต์)

มีสิ่งต่างๆ ถูกวางอยู่ภายใต้แนวคิด one worldความเจ็บปวดและความเกลียดชัง พลังอำนาจและเล่ห์เหลี่ยม ความอ่อนแอและความทารุณความหวังและความมุ่งมั่น ความเย่อหยิ่งและการเย้ยหยัน องค์กรที่ดี และการดำรงอยู่อย่างยั่งยืน เราจะรู้จักไซออนิสต์ได้จาก อารมณ์ความรู้สึกที่เป็นคู่ติดตามกันนี้ ในที่นี้จะไม่กล่าวถึงมันเพียงในฐานะที่เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 เพราะมันเป็นองค์กรเก่าแก่กว่านั้น ตลอดสามพันปีที่ผ่านมา อุดมการณ์นี้ถูกสอนสั่งในกลุ่มชนของพวกเขา

1.ชาวยิวคือสายเลือดที่พระเจ้าทรงเลือก

2.บุคคลที่ไม่ใช่ยิวไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่เดินด้วยสองเท้า ที่พวกเขาเรียกว่า กอยส์

3.ชาวยิวมีสิทธิและข้อผูกพันเหนือกฏหมายที่จะใช้ปกครองโลก

ด้วยลักษณะนิสัยของกลุ่มชนนี้ที่อยู่อย่างไร้ศาสนาและนิยมการใช้เหตุผลที่น้อมตามอารมณ์ไฝ่ต่ำ พระเจ้าในความหมายของพวกเขา คือภูมิปัญญาแห่งจักรวาล ก็คือธรรมชาตินั่นเองดังนั้น พวกเขาจึงเป็นกลุ่มชนที่ถูกคัดสรรโดยธรรมชาติ ผนวกกับแนวคิดชาติพันธ์นิยมที่ฝังแน่นอยู่ ทำให้พวกเขาเชื่อมั่นว่า กลุ่มชนที่ชาญฉลาด มีทักษะความเชี่ยวชาญ มีความกล้า คือชนชาติที่ดีที่สุด และจะทำหน้าที่ถือคบเพลิงส่องสว่างให้แก่ชนชาติอื่นๆ สิ่งนี้ถูกปลูกฝังสู่ลูกหลานของพวกเขาตั้งแต่วัยแบเบาะ และก็แปลกที่ชนชาติที่ไม่ใช่ยิวก็กลับเห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่ามนุษย์เป็นเพียงสัตว์ชนิดหนึ่งที่เดินด้วยขาสองข้าง เผ่าพันธ์ที่เป็นเลิศที่สุดย่อมอยู่เหนือสุดของห่วงโซ่อุปทาน และมีสิทธิที่จะใช้แรงงานและผลประโยชน์จากเผ่าพันธ์ที่อ่อนด้วยกว่า ด้วยความคิดเช่นนี้ชาวยิวจึงล่อลวงมนุษย์ที่พวกเขามองว่าเป็นสัตว์ให้ก่อสงครามฆ่าฟันกัน และถือโอกาสเข้าปล้นความมั่งคั่งของประชาชาติอื่น ด้วยวิธีการนี้พวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าได้มอบความมั่งคั่งให้แก่พวกเขา และในที่สุดอุดมการณ์ชาตินิยมจึงถูกวางไว้บนความหลงไหลในโลกวัตถุ “ปล้นความมั่งคั่งแล้วสร้างกฏกติกา สร้างกฏกติกาแล้วเข้าปล้นความมั่งคั่ง เงินตราและพลังอำนาจ” สูตรสำเร็จทั้งสามถูกใช้เรื่อยมา แก่นของทั้งหมดคือสูตรสำเร็จที่สาม ชาวยิวต้องได้และจะต้องได้รับพลังอำนาจที่ไม่มีใครเทียบเทียมเหนือโลก ด้วยพลังของเงินตราและอำนาจเหนือกฏหมาย

ความเป็นมาของเผ่าพันธ์ยิว

กับบทบาทของชาวยิว ที่ในอดีตพวกเขาเคยอยู่อย่างลับๆแตกกระสายซ่านเซ็นไปทั่วโลกไม่มีดินแดนเป็นของตัวเอง พวกเขาได้รับการลงโทษของอัลลอฮฺที่พวกเขาฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ และฆ่าบรรดานบีที่พระองค์ส่งลงมาตักเตือนพวกเขาอยู่เสมอ พวกเขาเคยถูกลงโทษด้วยการเป็นทาสถูกใช้งานอย่างทารุณในสมัยปกครองของฟาโรห์แห่งอียิปต์ และได้รับการปลดปล่อยออกมาโดยโมเสส(นบีมูซา) หลังจากพวกเขารุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งหนึ่งโดยกษัตริย์ที่ชื่อเดวิด(นบีดาวุด) และโซโลมอน(นบีสุไลมาน) เหนือดินแดนอิสราเอลที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับสู่การแตกแยกและการฝ่าฝืนเช่นเดิม พวกเขาจึงถูกลงโทษอีกครั้ง ด้วยการถูกทำลายล้างและจับไปเป็นทาสโดยเนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลเนีย เมื่อบาบิโลเนียล่มสลายและถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรเปอร์เซีย และโรมันตะวันออก นับแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็กระจายไปทั่วดินแดนอื่นๆโดยไม่เคยได้หวนกลับไปอยู่ในดินแดนอิสราเอลดินแดนแห่งคำมั่นสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าอีกเลย

จากการทำลายล้างของกษัตริย์เนบูคัดเนซซาร์แห่งบาบิโลเนียนี้เอง ที่ชาวยิวได้รับการลงโทษอย่างอัปยศอย่างที่สุด อาจเรียกเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่าเป็นจุดสิ้นสุดของศาสนาของพวกเขาเลยก็ว่าได้ พวกเขาไม่อาจรักษาแม้กระทั่งคัมภีร์ของพวกเขา นั่นคือคัมภีร์อัตเตารอตเอาไว้ได้ บางคนต้องฝังม้วนคัมภีร์ไว้ใต้ผืนดิน หรือไว้ในไหในหีบและเอาไปซ่อนไว้ตามถ้ำ เพื่อว่าหากในอนาคตลูกหลานกลับสู่ดินแดนอิสราเอลนี้ก็จะได้มีคัมภีร์ไว้ศึกษาแต่ทว่าลูกหลานชาวยิวที่ถูกจับไปเป็นเชลยนั้น กลับรักษาคัมภีร์สุดท้ายและดำรงไว้เป็นหลักยึดถือได้เพียงแค่คัมภีร์ตัลมูด และที่ซ้ำร้ายกว่านั้น คัมภีร์ตัลมูดนี้กลับถูกบิดเบือนโดยนักบวชชาวยิวแห่งบาบิโลเนีย กลุ่มหนึ่งที่ชื่อ ฟาริซีย์จนคัมภีร์ตัลมูลกลายเป็นคัมภีร์ (ตัลมูดแห่งบาบิโลน) ที่ชั่วร้ายที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษย์เสียแล้ว

ความเป็นมาของเผ่าพันธ์ที่มิใช่ยิว

นักบวชยิวแห่งบาบิโลเนีย(ฟาริซีย์) แทรกซึมเข้าไปในอาณาจักรหนึ่งในยุโรปตะวันออก ที่ชื่อ คาร์ซาเรีย(KHAZARIA) กินพื้นที่ บัลแกเรีย(BULGARS) ฮังการี(HUNGARY) ยูเครน( KIEV) จอร์เจีย (GEORGIA) และส่วนหนึ่งรัสเซียในปัจจุบัน (BURTAS BULGARS GHUZZ) ดินแดนแห่งนี้ยังเป็นยุทธภูมิต่อต้านการเผยแพร่อิสลามของกองทัพที่รุ่งเรืองที่สุดของอาหรับภายใต้การนำทัพของคอลีฟะฮฺแห่งแบกแดด ฮารูน อัรรอชีด โดยทำหน้าที่ปกป้องยุโรปทางฝั่งตะวันออก ในขณะที่กองทัพชาลมานแฟรงค์ทำหน้าที่คอยปกป้องยุโรปฝั่งตะวันตกดินแดนแถบนี้มีสภาพทางภุมิศาสตร์คล้ายคลึงกับดินแดนที่ถูกบ่อนทำลายโดยยะยูจและมะยูจ และมีที่ตั้งของกำแพงเหล็กซึ่งเป็นป้อมปราการกั้นขวางไว้ระหว่างทะเลแคสเปียนกับเทือกเขาคอเคซัส

แผนที่แสดงอาณาจักร อัลคาร์ซาร์ KHAZARIAอาณาจักรที่ปกครองด้วยศาสนายิวแห่งสุดท้าย

คอลีฟะอับดุลรอฮฺมานแห่งคอร์โดบานับถือในความสามารถของยิวคนหนึ่งที่ช่วยพัฒนานโยบายเศรษฐกิจและวิทยาการให้แก่อาณาจักรมัวร์ จึงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ การทำหน้าติดต่อกับประเทศต่างๆทำให้เขารับรู้ความเคลื่อนไหวของยิวทั่วยุโรป และได้รับรู้ข่าวการดำรงอยู่ของอาณาจักรหนึ่งที่กษัตริย์รับศาสนายิวและปกครองด้วยศาสนายิวจากพ่อค้าชาวอาหรับเปอร์เซีย เขาจึงส่งสารไปให้กับกษัตริย์แห่งดินแดนยุโรปตะวันออก อัลคาร์ซาร์กษัตริย์คนนี้เคยเป็นชนชาติที่ไร้อารยธรรมเคารพบูชาธรรมชาติ และภูติผี เมื่อเห็นชาวยิวมีวิทยาการที่สูงส่งกว่าจึงรับศาสนายิวและใช้กฏหมายยิวมาปกครองดินแดนของตน เขาเชื่อมั่นในคำสอนที่ว่าพระเจ้าได้มอบปาเลสไตน์ให้เป็นดินแดนแห่งพันธสัญาแก่ลูกหลานของอิสราเอลและจะมีกษัตริย์(เมสไซอาห์)ผู้หนึ่งซึ่งจะมาในยุคสุดท้ายทำหน้าที่ปกครอง เขาจึงเป็นบุคคลกลุ่มแรกๆที่ริเริ่มอุดมการณ์ โยกย้ายชาวยิวกลับสู่อิสราเอล ในขณะที่เผ่าพันธ์ป่าเถื่อนของเขามิได้สืบเชื้อสายอิสรออีลซึ่งเป็นเชื้อสายเซมิติก ด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่ายิวเชื้อสายที่ 13 หรือยิวแดง (เนื่องจากชาวยิวเชื่อว่าในบรรพกาล บรรพบุรุษของชาวยิวเผ่าหนึ่งที่ถูกพระเจ้าลงโทษเนรเทศออกจากอิสราเอล เคยมีเส้นผมและหนวดเคราสีแดง ชาวคริสเตียนไม่ชอบคนที่มีผมสีแดงเพราะเป็นสีผมของจูดาส สาวกที่ทรยศต่อพระเยซู และเป็นสีของซาตาน)

พวกเขาปกครองอาณาจักรด้วยกฏหมายของคัมภีร์ตัลมูลแห่งบาบิโลเนีย ซึ่งเต็มไปด้วยพิธีกรรมความเชื่อทางไสยศาสตร์เวทย์มนต์ ซึ่งทำให้ชาวยิวในอาณาจักรนี้กลายเป็นพวกนอกรีตที่ยึดถือซาตานเป็นพระเจ้า และไม่เหลือเค้าแห่งศาสนาดั้งเดิมที่ปฏิบัติตามคำสอนในคัมภีร์เตารอตอีกเลย อันเนื่องมาจากพวกเขาเชื่อว่านักบวชเหล่านี้สามารถบรรลุถึงสถานะของความเป็นพระเจ้าได้ สามารถอ่านจารึกคัมภีร์บางส่วนที่คนทั่วไปไม่อาจมองเห็นได้ อันนำไปสู่การเสกสรรค์คัมภีร์ขึ้นใหม่เพื่อผลประโยชน์ของนักบวชยิวเหล่านั้น นักบวชยิวเหล่านี้ปฏิบัติตามลัทธินอกรีตคาบาล่า(Cabbala)ลัทธินี้เชื่อในไสยศาสตร์ เวทย์มนต์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดทวินิยม (การก่อเกิดของสิ่งต่างๆอันเกิดจากสถานะของคู่ตรงข้างของสองสิ่ง) ซึ่งเป็นผลิตผลจากภูมิปัญญาแห่งจักรวาล Tree of life (คุณลักษณะ10ประการแห่งความเป็นพระเจ้า บนโครงสร้างเสาสามต้น)

คู่ของธาตุพื้นฐาน ดินกับน้ำ ลมกับไฟ

ตึกแฝกworld trade center (The Two tower) ถูกออกแบบตรงตามความเชื่อลัทธิทวินิยมของชาวยิวไซออนิสต์

สัญลักษณ์แห่งอำนาจของพระเจ้าบนเสาสามต้น สิ่งนี้อาจเป็นที่มาของการบิดเบือนศาสนาต่างๆให้กลายเป็น

ตรีเอกานุภาพ ตรีมูรติ รัตนไตรและไตรรงค์ในปัจจุบัน

ภาพปกตำราเวทย์มนต์ เล่นแร่แปรธาติ สื่อความหมายของทั้ง DualismและTree of life

ตราสัญลักษณ์ของ สหพันธรัฐ รัสเซีย ฐานที่มั่นแห่งแรกของยิวไซออนิสต์ แหล่งเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์

ถูกออกแบบตามตามความเชื่อของลัทธิยิวนอกรีตข้างต้น

ยิวไซออนิสต์ มิใช่ชาวยิวและพระเจ้าไม่เคยสัญญามอบดินแดนแห่งพันธสัญญาให้

Arthur Koestler (1905-83) นักเขียนชาวอังกฤษสัญชาติฮังการี ผู้เขียนหนังสือ The Thirteenth Tribe หนังสือหายากเล่มหนึ่งของโลก อันเนื่องจากมันหายไปจากหิ้งหนังสือตามห้องสมุดต่างๆ และเมื่อตรวจค้นในห้องสมุดของสภาคองเกรส ห้องสมุดที่ทรงศักด์ศรีแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา กลับพบว่ามีเพียงสำเนาของมันอยู่เพียงฉบับเดียวเท่านั้น ซ้ำร้ายกว่านั้นสำเนาฉบับนั้นก็ไม่ถูกตั้งไว้บนหิ้งวางหนังสือเสียด้วย อันเนื่องมาจากการค้นคว้าและศึกษาความเป็นมาของไซออนิสต์ ทำให้เขาค้นพบต้นตอของมันว่าอยู่ที่อาณาจักรอัลคาร์ซาร์ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังแสดงให้เห็นได้ด้วยว่า ยิวที่ทำงานเพื่ออุดมการณ์เพื่อโยกย้ายชาวยิวสู่อิสราเอลในอุดมการณ์ไซออนิสต์นั้น มิใช่ลูกหลานที่สืบเชื้อสายเซมิติก แท้จริงแล้วพวกเขาเป็นเชื้อสายชนชาติที่ไร้อารยธรรมทางยุโรปตะวันออก ซึ่งกษัตริย์ของพวกเขาเข้ารีตศาสนายิวเพื่อผลประโยชน์ในการปกครองหลังจากปกครองด้วยศาสนายิวได้สามศตวรรษ อาณาจักรนี้ก็ถูกกองทัพชาวรุสเข้ารุกราน ชาวรุสคือเผ่าพันธ์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนใกล้ขั้วโลก ดำรงชีพด้วยการปล้นชิงทรัพย์สินเพื่อนำไปขายอันเนื่องจากดินแดนแถบนี้หนาวเหน็บ ไม่สามารถทำการเกษตรได้ ซึ่งก็คือพวกไวกิ้ง นอร์แมน และพวกสลาเวียน

ในปัจจุบันดินแดนนี้ถูกเรียกว่า รัสเซียกองทัพชาวรุสไม่เห็นคุณค่าใดของอารยธรรมของชาวยิวในอัลคาร์ซาร์จึงยังคงศาสนาดั้งเดิม หลังจากการศึกษาศาสนาทั้งสามได้แก่ ยิว คริสต์ และอิสลาม อันเนื่องจากอาณาจักรต่างๆ ล้วนมุ่งมั่นที่จะพยายามให้กษัตริย์ของชาวรุสเลือกข้างเพื่อขึ้นเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุด ครั้งหนึ่งกษัตริย์วราดิเมียร์(12th–14th) เคยตรัสกับนักเผยแพร่ชาวยิวว่า ดินแดนของพวกท่านเองพระเจ้ายังไม่ให้พวกท่านอาศัยอยู่ แล้วท่านจะมีสิทธิอันใดมาเชิญชวนให้ผู้อื่นยอมรับศาสนาของท่าน กษัตริย์คนนี้ยอมรับคำสอนของนักเผยแพร่อิสลามทุกอย่างแต่ติดปัญหาอยู่ที่ อิสลามห้ามการดื่มเหล้า ซึ่งวัฒนธรรมการดื่มเหล้าและความสนุกสนานนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งกับชาวรุสมาแต่โบราณ ในที่สุดรัสเซียก็รับศาสนาคริสต์แห่งไบเซนไทน์ ในนิกายออร์โทดอกซ์ แต่พวกเขาก็ยังคงบูชาเทพเจ้าอยู่เช่นเคย ทำให้เป็นอาณาจักรคริสเตียนโรมันตะวันออกมีพันธมิตรที่มีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก่อนเผชิญกับคลื่นกองกำลังของเจงกีสข่าน อาณาจักรไบเซนไทน์รัสเซียจึงสูญเสียดินแดนไปเป็นของอาณาจักรอิสลามแทนหลังหลานของเจงกีสข่านยอมรับนับถืออิสลามในราชวงศ์โมกุล ในศตวรรษที่13 ในขณะที่เมืองหลวงของคริสเตียนโรมันตะวันออก ไบเซนไทน์เองก็ถูก พวกเติร์กเผ่าอุยกูร์(Ghuzz) เชื้อสายเซลญุคซึ่งแต่เดิมเคยเป็นยิวซึ่งเคยอาศัยอยู่ในอาณาจักรคาซาเรีย และเป็นยิวเผ่าเดียวที่เข้ารับนับถืออิสลาม กองกำลังเซลญุกเติร์กได้บุกเข้ายึดครองไบเซนไทน์และกลายเป็นเมืองหลวงของอิสลามนั้นแต่นั้นเป็นต้นมา

ชาวยิวจึงกลายเป็นปรสิตที่สิงสู่อยู่ในดินแดนของผู้อื่น ไม่มีแผ่นดิน และแตกกระสายซ่านเซ็นอย่างสมบูรณ์ หน้าประวัติศาสตร์หลังศตวรรษที่ 13 จึงไม่มีสักส่วนเล็กๆน้อยๆในแผนที่ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นเมืองของชาวยิวอีกเลย อันเนื่องจากไม่มีแผ่นดินจะอาศัยอยู่ พวกไซออนิสต์จึงแตกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งชื่อAshkenazim คือพวกที่อพยพแทรกซึมเข้าไปในเยอรมัน โปแลนด์ ตุรกี และรัสเซียในไซบีเรีย และอีกกลุ่มหนึ่งที่ชื่อ Sephardim แทรกซึมอยู่ในอันดาลูเซียของสเปนและดินแดนรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยพวกเขายังคงความแค้นและมุ่งมั่นที่จะสถาปนารัฐบาลเพื่อปกครองโลกทั้งหมดให้จงได้กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวยิวเหล่านี้ซ่องสุมกันอยู่ใน ฮังการี และสวิสเซอร์แลนด์ ทั้งสองดินแดนนี้เคยเป็นของพวกแมกยาร์(Magyar)เดิมซึ่งเคยเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรยิว แต่ทั้งหมดก็ถูกยึดครองโดยอาณาจักรไรน์แห่งเยอรมันคำกล่าวอ้างดินแดนแห่งคำมั่นสัญญาจึงเป็นสิ่งที่เลื่อนลอยและไม่มีเหตุผลเลยเพราะยิวไซออนิสต์นั้นมิได้สืบเชื้อสายมาจากนบีอิบรอฮีม ซึ่งเป็นเผ่าพันธ์เซมิติกแต่เดิม หากความจริงนี้ถูกเผยแพร่ให้สารธณชนได้รับทราบ อุดมการณ์และแผนการณ์ทั้งหมดที่นำมากล่าวอ้างก็จะตกไป เพราะแผ่นดินเกิด Homeland ของพวกเขา คือบนเขาบนดอยที่หนาวเหน็บ บริเวณเทือกเขาคอเคซัส และที่ราบสูงมองโกเลีย มิใช่ดินแดนปาเลสไตน์ตามที่พวกเขากล่าวอ้าง

http://www.missionislam.com/nwo/tribe.htm

---------------------------------------------------------------------------------------

ชุกรี การิมี

กลุ่มอัซซาบิกูน

หมายเลขบันทึก: 576528เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2014 17:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 กันยายน 2014 18:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท