กุ้งกุลาร้องไห้อบวุ้นเส้น


ขอบคุณนะครับป้า ที่เอากุ้งกุลาร้องไห้มาฝาก

บ่ายแก่ๆของวันอาทิตย์ ที่ฝนตกพรำมาตั้งแต่ช่วงสามโมง มันชวนให้นอนดมลม ชมวิว และฟังเสียงฝนกระทบใบลั่นทมที่ชานบ้านยิ่งนัก ครั้นเวลาห้าโมงครึ่งที่ผมเพิ่งเสร็จจากภารกิจนอนให้คนนวดเส้นแล้วมานั่งเล่นๆอยู่นั้น คุณป้าที่เคารพท่านหนึ่งนำกุ้งกุลามาให้เกือบ ๑๐ ตัว ซึ่งมีขนาดเท่าๆกับข้อมือน้องจ้าทั้งนั้น

ดีครับดี เพราะเย็นวันนี้หัวผมยังว่าง เรายังคิดกันไม่เสร็จว่าจะไปกินมื้อเย็นกันที่ไหน นอกเหนือจากพิซซ่า สเต๊ก ก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า หรือกระทั่งกินในห้าง (เฮ้อ...) แต่ได้กุ้งมาก็เหมือนไก่ได้พลอย เพราะกุ้งนั้นเป็นกุ้งโคตรสดปราศจากการปรุงแต่ง แอบคิดในใจ แล้วจะทำอะไรดีวะ

ว่าแล้วก็โทรศัพท์ไปหาคุณป้าท่านเดิมว่ามีไอเดียอะไรให้บ้าง ท่านบอกว่า ทำกุ้งอบสิ ตัดตะไคร้ในบ้านมาสักต้นหนึ่ง กอที่มีอยู่น่าจะดี ผมแอบคิดตามไปด้วยเพราะกอนี้ไม่เคยฉี่ใส่ ทุบหัวให้บุบแล้ววางรองไว้ที่ก้นกะทะ ใส่กุ้ง ใส่เกลือ แล้วปิดฝาอบ เป็นกุ้งอบเกลือ

แต่ผมเกิดอยากกินกุ้งอบวุ้นเส้นขึ้นมา ท่านป้าเลยสอนวิธีการทำพอเป็นสังเขป ซึ่งผมดัดแปลงเล็กน้อยดังนี้

เปิดตู้เย็น เห็นหมูสามชั้นตั้งอยู่กองหนึ่ง ก็เอามาหั่นเลือกเอาแต่มันมาวางแหมะลงบนกะทะหลุมลึก แช่วุ้นเส้นในน้ำให้มันนุ่มลง เตรียมกุ้งตัวเท่าข้อแขนมาตัดส่วนกรีของมันออก หั่นตามแนวยาวของกุ้งเป็นครึ่งตัวแต่ไม่ให้มันขาดออกจากกัน เชื่อมไว้ที่ส่วนหาง ดูไปดูมาก็เหมือนตัวพลานาเรีย ๒ หัว ที่เคยทดลองเลี้ยงเอาไว้ตอน ม.๔ ใช้มีดโกนเฉาะหัวมันตามแนวยาว เพียงวันหนึ่งมันก็กลายเป็นพยาธิตัวแบน ๒ หัว ทะเลาะกันไปมาดูน่าขัน

ถึงขั้นตอนนี้ก็เชื่อได้โดยสนิทในว่า คุณป้าท่านนั้นเอากุ้งโคตรสดมาให้กินจริงๆ เพราะมันและเลือดส่วนหัวของกุ้งมันยังคงมีสีแดงสดๆ ไหลซิบๆ ผมหั่นกุ้งไปน้ำตาไหลไป จะว่าเป็นเพราะตื้นตันที่ได้กินกุ้งสดก็คงไม่ใช่ จะเป็นเพราะสงสารกุ้งสดๆที่ต้องมาเป็นอาหารเราก็ผิดอีก แต่น้ำตาไหลเพราะเจ็บนิ้ว เนื่องจากเปิดใช้มีดเล่มใหม่แสนแพงที่เพิ่งซื้อมาจากห้างดัง อารามใช้แต่มีดทื่อๆมาตลอดชีวิต เจอมีดคมกริบเลยไม่ทันตั้งตัว มันเลยกรีดเนื้อผมไปนิดหนึ่ง เลือดออกซิบๆ น้ำตาตกใน กุ้งกุลาที่หั่นตอนนี้จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "กุ้งกุลา(ผม)ร้องไห้"

ผมเปิดเตาแก๊ซ เพื่ออุ่นกะทะให้ร้อน เกลี่ยหมูสามชั้นให้ทั่วกะทะเพื่อรีดมันหมูออกมา จากนั้นวางกะทะให้เย็น เอากระเทียมทุบที่น้องจ้าแกะเอาไว้ครึ่งหัวลงไปเกลือกกลั้วพร้อมกับวุ้นเส้นทั้งหมด คุณป้าท่านนั้นท่านบอกมาว่า เอามันหมูมาคลุกวุ้นเส้นให้ทั่วๆ เส้นจะได้ไม่ติดกัน และใส่กุ้งกุลาร้องไห้ลงไปหลังสุด ขั้นตอนนี้วุ้นเส้นของผมแดงเถือกเพราะเลือดกุ้งอาบจนทั่ว ผมโรยเกลือผสมไอโอดีน พรมด้วยซีอิ๊วขาว ซ็อสเห็ดหอม เมล็ดผักชีโรยหน้า คลุกๆๆอีกรอบแล้วเปิดไฟปิดฝา ออ ผมไม่ลืมราดนมสดลงไปอีกราวๆออนซ์หนึ่ง เอาน้ำพรมบนฝาที่ปิดกะทะ แล้วรอ

นี่เป็นการทำกุ้งอบวุ้นเส้นเป็นครั้งแรกในชีวิตของเราผัวเมีย เลยรอด้วยอาการลุ้นเล็กๆว่ามันจะเป็นเช่นไร

ผลการปรุงออกมาดีครับ เค็มนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่าขึ้นโต๊ะได้ พี่แป้งตักข้าวสวยออกมาเสิร์ฟ (เธอเป็นคนหุงเอง) ผมแหวกตู้เย็นหยิบเอาสะตอดองออกมาขวดหนึ่ง

แม่เจ้า....มื้อนี้อร่อยแรง

ธนพันธ์ ๗ กย 5๗

 

หมายเลขบันทึก: 575777เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2014 20:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กันยายน 2014 20:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เขียนได้สนุกสนานครบรส

หนึ่งในบันทึกนี้เห็นถึงความมีน้ำใจ ความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว

cheers!!!!

โหย ....  อาจารย์หมอ  กลืนน้ำลายเอื้อก ๆ   น่ากินมากค่ะ

ที่เห็นนั้น เป็นเปลือกกุ้งล้วนๆเลยครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท