การทำห้องเรียนกลับทางนั้นสิ่งที่สำคัญมากๆ คือ การต้องฝึกสะท้อนกลับ หรือ Reflection ทั้งผู้เรียนและผู้สอนจนให้เกิดเป็นวัฒนธรรมค่ะ
ยิ่งโดยเฉพาะว่าดิฉันสอนวิชา KM แล้วด้วยย่ิงต้องทำให้เกิดวัฒนธรรมนี้ขึ้นให้ได้ค่ะ เพราะคน KM นั้นต้องรู้อยู่แล้วว่า AAR หรือ After Action Review เป็นเครื่องมือ KM ที่ต้องใช้อย่างยิ่งค่ะ
การสะท้อนกลับของดิฉันเองนั้นสามารถอ่านได้จากบันทึกซีรีย์ “ฝึกเป็น Reflective Teacher” ใน GotoKnow ค่ะ เมื่อผู้อ่านอ่านไปก็เห็นความรู้ที่ฝังอยู่ในบันทึกนะคะ เช่น เทคนิคการสอน ปัญหาที่เจอ ความสำเร็จที่ได้รับ เป็นต้นค่ะ
ส่วนนักศึกษาเองดิฉันก็ได้เริ่มให้ฝึกเขียนแล้วค่ะ จริงๆ แล้วตั้งเป้าไว้ว่าจะให้เวลา 10 นาทีฝึกทำ reflection กันในกลุ่ม แต่ดิฉันเองก็ยังจัดการเวลาได้ไม่เก่งนักจึงยังไม่ได้เริ่มค่ะ
แม้ยังไม่มีโอกาสได้ทำ reflection กันในห้องเรียน ดิฉันก็ฝากให้นักศึกษาไปคิดและเขียนลงใน “บันทึกการเรียนรู้” ใน ClassStart ค่ะ โดยดิฉันได้ตั้งคำถามไว้ประมาณ 5 คำถามดังต่อไปนี้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม การ reflection จะไม่จำเป็นหากไม่เกิดการพัฒนาปรับปรุงค่ะ ไม่ใช่ให้นักศึกษาเขียนอยู่เรื่อยๆ อย่างนั้นแล้วไม่เห็นการพัฒนาการอย่างนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ นะคะ
มาลองดูคำตอบของนักศึกษาสักสองคนนะคะ
คำตอบของนางสาว ก.
1.คุณเข้าใจอะไรแล้วบ้างในการเรียนคลาสนี้
จากการเรียนในคลาสนี้ ทำให้ทราบว่า KM มีความสำคัญในการลำดับ จัดเก็บความรู้ ซึ่งทำให้สามารถรักษาความรู้ที่เรามีอยู่ที่เรายังไม่ได้เขียนออกมา ได้เห็นเป็นความรู้ที่สามารถแชร์ให้คนอื่นรู้ได้ง่ายขึ้น เพราะการที่เราจะบันทึกหรือคัดกรองความรู้ใดๆออกมมาก็ย่อมต้องผ่านกระบวนการจัดเรียง ให้หลักตรรกะ เหตุผล
2.อะไรบ้างที่คุณยังไม่เข้าใจ
การเปรียบเทียบสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจ กับ Data ,information,knowledge
3.คุณคิดว่าคุณอยากรู้อะไรเพิ่มเติม แล้วคุณคิดว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะรู้สิ่งนั้น
อยากรู้ว่าคนหรืองค์กรที่ประสบความสำเร็จกับการทำ KM เป็นอย่างไร และข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดจากการที่คนหรือองค์กรประเภทเดียวกันไม่ทำ KM ในชีวิตประจำวัน และต้องการที่จะฟังจากประสบการณ์จริงจากคนหรือองค์กรจริงๆ
4.คุณรู้สึกอย่างไรกับพฤติกรรมการเรียนรู้ของตนเอง
รู้สึกว่าพฤติกรรมการเรียนรู้ของเรายังขาดการจัดเก็บที่ดี ไม่ได้สร้างนิสัยในการบันทึก ทำให้สิ่งที่รู้มาแต่ไม่ได้ใช้ในขณะนั้น หายไป และยังมีวิธีการหาความรู้ที่แคบ ไม่ค่อยหาแหล่งความรู้ที่หลากหลาย
5.การเรียนในคลาสนี้ สร้างแรงบันดาลใจหรือจุดประกายอะไรให้คุณบ้าง
สร้างแรงบันดาลใจในการที่อยากจะแชร์ความรู้ให้คนอื่นมากขึ้น เรื่มที่จะมองเห็นช่องทางและวิธีการแชร์ และโดยส่วนตัวก็เริ่มเป็นการสร้างนิสัยในการจัดเก็บข้อมูลความรู้ต่างๆให้อยู่เป็นระบบระเบียบ เพื่อง่ายต่อการเรียกมาใช้มากขึ้น
คำตอบของนาย ข.
1.คุณเข้าใจอะไรบ้างแล้ว?
เข้าใจความแตกต่างระหว่าง Data Information และ Knowledge
explicit knowledge คือความรู้ที่เห็นได้ชัดแจ้ง หาได้ทั่วไปจาก หนังสือ internet เป็นต้น
tacit knowledge คือความรู้ที่ซ่อนอยู่ในตัวบุคคล ที่เกิดจากการปฏิบัติ คิด คุย แลกเปลี่ยน จนเกิดความชำนาญ ความรู้ประเภทนี้จะถ่ายทอดได้ยากเพราะ อาจจะเป็นการหวงในความรู้ ไม่สามารถเรียบเรียงเป็นคำพูดได้ หรือไม่รู้ว่าตัวเองรู้อะไร
KM Foundation ได้แก่ KM Technologies, KM Infrastructure, KM Mechanisms
2.อะไรบ้างที่ยังไม่เข้าใจ?
3.คุณอยากจะรู้อะไรเพิ่มมากกว่านี้ และมีวิธีการเรียนรู้ได้อย่างไร?
มีวิธีการคัดเลือกความรู้อย่างไร ทราบอย่างไรว่าแหล่งข้อมูลที่ได้มานั้นเป็นความจริง และสามารถนำไปใช้ได้
4.คุณรู้สึกอย่างไรกับพฤติกรรมการเรียนรู้ในวิชา KM ?
เริ่มแรกรู้สึกว่าเป็นวิชาที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่เมื่อลองคิดตามที่อาจารย์พูด ก็เริ่มจะซับซ้อนและไม่สามารถคิดตามโจทย์ที่อาจารย์ถามได้รวมถึงตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมตอบโจทย์นั้นๆไม่ได้ จึงทำให้วิชานี้น่าสนใจยิ่งขึ้น
5.คุณมีแรงบรรดาลใจอะไรกับวิชานี้บ้าง
คุณมีแรงบรรดาลใจอะไรกับวิชานี้บ้าง ... ตรงนี้ดีมากๆๆ นะคะ
กระบวนการน่าสนใจมากครับ ;)...