"พี่หนาน"
นาย พรพจน์ พี่หนาน เรียงประพัฒน์

“เล่าเรื่องคนไปทำบุญ”


๒๔/๐๘/๒๕๕๗

********************

“เล่าเรื่องคนไปทำบุญ”

วันนี้ แม่ น้า พี่สาว และญาติ ๆ พากันทำกับไปถวายเพลพระและร่วมงานเททองหล่อพระที่สำนักสงฆ์แดนธรรมดงสังโฆ เขตติดต่อบ้านโป่งแค ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ พิษณุโลก ซึ่งสถานที่ตรงนี้ แต่เดิมมาช่วงที่ผมยังเป็นวัยรุ่น จำได้ว่าเป็นเขตพื้นที่ของ อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ชาวบ้านเรียกพื้นที่ตรงนี้ว่า “สะพาน ๓” ตรงเหนือสะพานเป็นพื้นที่จับจองของพ่อผมมาก่อน ภายหลังยกให้คนคุ้นเคยที่ไม่ใช่ญาติชื่อ “ตาเรือง” ที่มาจากสุโขทัยมาสร้างกระท่อมอยู่เป็นเพื่อนฟรี ๆ โดยไม่ได้คิดเงินเขาแม้แต่บาทเดียว ปัจจุบันมีแต่คนบ่นเสียดาย เพราะบริเวณนั้นกลายเป็นหมู่บ้านไปแล้วนั่นเอง...

ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันมีการแบ่งเขตพื้นที่กันอย่างไร ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ คงเป็นเรื่องของผลประโยชน์จากที่ดินในดงเมื่อก่อนปรับเปลี่ยนสภาพจากไร่ข้าวโพดไร่ถั่วกลายเป็นสวนยางของผู้มีเงินจากทางใต้ที่มากว้านซื้อและขออนุญาตขึ้นเป็น สปก.กันได้จำนวนมาก จึงถูกรวบเป็นเขตพิษณุโลกไปเสียหมด...

กลับมาที่วัดแม่บอกว่า “หมะเด่วนี้เขาสร้างศาลาหลังใหม่สองจั้น เสาต้นหนึ่ง คนบ่สามารถโอบกอดลอบได้เลยเน่อ...เขาสร้างอะหยังแหมะใจ๋หุ...ฯลฯ” ผมก็พูดเล่น ๆ กับแม่ว่า “บะเด่ว...มันกะบ่แม่นสำนักสงฆ์แล้วกะอั้น?” แม่ตอบว่า “เขาบอกว่า...เขาขออนุญาตตั้งเป๋นวัดได้แหล้วอิ้หนา” ในใจลึก ๆ ผมก็คิดว่า “เป้าหมายแรกของวัดที่จัดตั้งครั้งแรก...น่าจะมุ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม สงบร่มเย็น ท่ามกลางขุนเขา แมกไม้หรือธรรมชาติ ไม่มุ่งเน้นความหลากหลายทางสัปปายะอะไรมากมายนัก...มาปัจจุบันเป้าหมายของวัดน่าจะเปลี่ยนไปจากเดิมเกือบหมดแล้ว เมื่อฟังคำบอกเล่าจากปากของแม่”...

ความคิดเห็นของผมไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป แต่สิ่งที่ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องวัดในปัจจุบันก็คือ..."ชาวพุทธไม่ได้ต้องการหรือคาดหวังว่าพระสงฆ์จะสร้างถาวรวัตถุอะไรให้มันใหญ่โตจนเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับทางวัด...แต่ปรารถนาอยากเห็นพระสงฆ์สร้างศรัทธาให้กับชาวพุทธ ด้วยการปฏิบัติตนตามหลักไตรสิกขาหรือพระปาติโมกข์...อยู่กับสมถะวิปัสสนา...ไม่ใช่อยู่กับอภิศาลาล้อมรอบด้วยพุทธลีลาปางต่าง ๆ  ไม่อยากเห็นพระสงฆ์วิ่งตามเทคโนโลยี หรือมีวิถีชีวิตเลียนแบบชาวบ้าน เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อัฎฐะบริขาร...อยากเห็นพระเป็นที่พึ่งทางด้านจิตใจมากกว่า...ต้นทุนของพระคือศรัทธาของชาวพุทธ หากพระไม่สร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นในจิตของชาวพุทะให้ได้แล้ว อนาคตต่อไปจะเกิดอะไรตามมา วัดหรือพระต้องไม่ลืมจุดยืนนี้ด้วยเช่นกัน..."

ไม่รู้ว่าที่ผมคิดแบบนี้จะมีส่วนเหมือนที่ชาวพุทธคนอื่นคิดหรือคาดหวังหรือเปล่านะ


หมายเหตุ

*เดิมทีตั้งใจเขียนเป็นอนุทิน พอเขียนไปเล่าไปมีข้อความยาวมากก็เลยต้องเปลี่ยนแผนมาเป็นบันทึกเสียเลย...

*โมเด็มเสียตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ เลยนั่งเขียนรอช่างได้หลายอนุทินเหมือนกัน...


                            **ขอบคุณทุกท่านที่สนใจ ขอบคุณโกทูโนว์**

หมายเลขบันทึก: 575143เขียนเมื่อ 25 สิงหาคม 2014 19:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 สิงหาคม 2014 19:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

บางวัดไม่เคยว่างเว้นจากการสร้างเลยทั้ง ๆที่มีทุกอย่างแล้ว

มาร่วมเป็นคนคิดแบบนั้นด้วยคนนนน(..อ้ะะะะ..).คนพุทธ..ที่เปลี่ยนๆๆๆไป..จนเห็น..อนิจจัง..ทุกขัง..อนัตตา..เป็น..บุญที่ได้เห็น..เกิดจาก..การกระทำ..ของบุคคลนั้นๆ...(อ้ะะ).....

-สวัสดีครับ

-ไปวัด..มีเรื่องเล่า

-ขอบคุณครับ

ขอขอบคุณครูอาจารย์ กัลยาณมิตรที่รักเคารพทุกท่าน...อาจารย์GD คุณยายธี คุณเพชร...

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท