พวกเขายังติดอยู่ที่เมืองนั่น...เมลาบอห์


หน้าชายฝั่งมหาสมุทรอินเดียคลื่นลมแรงเป็นปกติ

ราวยี่สิบปีที่แล้วได้ยินชื่อของเมืองเมลาบอห์ Meulaboh เป็นครั้งแรกว่ามีโครงการให้ไปเข้าสำรวจในพื้นที่แถวๆนั้น ลูกพี่ใหญ่ถามความสมัครใจ เล่าถึงความลำบากห่างไกลสันโดษของพื้นที่และแถมปิดท้ายด้วยการบอกว่าเป็นเขตพื้นที่สีแดงของพวกกัม GAM ขบวนการปลดปล่อยอาเจ่ห์ ฟังแล้วได้แต่หัวเราะหุหุ สมัยนั้นพูดถึงเมลาบอห์ก็คงอารมณ์คล้ายๆกับพูดถึงสามจังหวัดชายแดนใต้ในตอนนี้ คนในอยากย้ายออกคนนอกไม่อยากเข้า....ปิดโครงการ

เมลาบอห์เป็นเมืองระดับอำเภอของจังหวัดอาเจ่ห์หัวเกาะสุมาตรา อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 250 กิโลเมตร ตัวเมืองตั้งบนที่ราบประจัญหน้ารับคลื่นลมแห่งมหาสมุทรอินเดียอย่างไม่หวั่นเกรง ถนนสายหลักวางตัวทอดยาวเลียบขนานไปกับแนวชายฝั่ง ยื่นหน้าสูดกลิ่นเกลือทะเลพัดปะทะได้ตลอดทั้งวัน คาดว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ไม่น่าเกินแสนคน เคร่งครัดในวัฒนธรรมอิสลามอันดับต้นๆของประเทศ ค่อยๆเริ่มใช้กฎชาริอะฮ์ในการปกครองตั้งแต่ปี 2001 เช่นห้ามขายเหล้าเบียร์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ห้ามเล่นการพนัน ห้ามผู้หญิงนุ่งรัดติ้วและห้ามเต้นรำ ห้ามหญิงชายที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือไม่ได้เป็นผัวเมียอยู่กันสองต่อสองในที่ลับ มีตำรวจศาสนาคอยจับผิด การลงโทษคือถูกโบยด้วยหวายจำนวนครั้งตามความหนักเบาต่อหน้าสาธารณชนมักเป็นที่หน้าสุเหร่า

ที่ผ่านมาในจังหวัดอาเจ่ห์โดนกันไปหลายต่อหลายคนโดยเฉพาะผู้หญิงเป็นข่าวกราวเกรียวทั้งประเทศในแง่ลบต่อการใช้กฎชาริอะฮ์ จนมีคนออกมาจัดตั้งเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ตำรวจชาริอะฮ์เดินในแนวทางที่ถูกต้องตามหลักศาสนา ไม่ออกกฎที่ทำลายสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์และขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ควรใช้เวลาคิดวิธียกระดับความเป็นอยู่ของชาวมุสลิมมากกว่าคอยจับผิดเรื่องการแต่งตัวและการร้องรำทำเพลงของผู้หญิง การที่ชาวมุสลิมออกมาทักท้วงไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะกลายเป็นพวกนอกศาสนา ควรปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลามที่ว่าด้วยความความรัก ความยุติธรรม ความเท่าเทียมเสมอภาคและสันติภาพ....บางส่วนจาก KhaBar Southeast Asia 2013June18

26 ธันวาคม 2004 บนถนนสายหลักของเมืองเริ่มขวักไขว่ผู้คนในเช้าวันอาทิตย์อากาศกำลังดี หลายคนคงกำลังจิบโกปี๊ฮิตำอย่างสบายอารมณ์ หลายคนคงซาลาปันง่วนกับอาหารเช้า อีกหลายคนคงออกกำลังกายริมทะเล ทำธุระส่วนตัวและอื่นๆมากมายสุดจะคาดเดา รวมถึงแขกที่เข้าพักในโรงแรม Meuligou ซึ่งเป็นโรงแรมหนึ่งดาวดีที่สุดของเมืองพื้นที่กว้างขวางตึกสามชั้นรูปตัวแอลมีห้องพักร่วมร้อย โรงแรมซึ่งมีกำแพงด้านหลังอยู่ติดกับชายหาด เช้าวันนั้นรายงานข่าวว่าราบไปทั้งเมือง ขาดการติดต่อกับโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิงนานเป็นอาทิตย์ๆ กว่าความช่วยเหลือจะเดินทางไปถึง วิกิพีเดียอ้างตัวเลขถึง 40,000 ชีวิตที่ต้องพลัดพรากในทันทีเมื่อคลื่นลูกใหญ่เข้ากลืนกิน....in the middle of nowhere

หลังเหตุการณ์ซึนามิชั่วอายุคนและการสูญเสียไพร่พล GAM มากมายเกือบทั้งเขตอิทธิพลในอาเจ่ห์จนต้องยอมทำสัญญาสงบศึกถาวรกับทางรัฐบาลกลาง แล้วสหายนำของขบวนการและบรรดานักรบที่หลงเหลือต่างก็ผันตัวออกมาเป็นนายอำเภอผู้ปกครองเจ้าหน้าที่ในทุกองค์กรของรัฐบาลท้องถิ่นมีอำนาจควบคุมค่อนข้างเบ็ดเสร็จ ในทุกวันนี้สิบปีผ่านไปร่อยรอยยังฝากแผลเป็นให้จดจำ เมลาบอห์กำลังฟื้นฟูและกลับมาคึกคักอีกหนรถมอเตอไซต์วิ่งกันวุ่นวาย บ้านเรือนร้านค้าใหม่ๆผุดขึ้นทั่วไป ปั๊มน้ำมันธนาคารแบบทันสมัยสร้างทดแทนจนไปถึงโรงไฟฟ้าใหญ่ขนาด 200MW เร่งก่อสร้างกันเต็มที่ริมทะเลลึกคลื่นแรงห่างจากตัวเมืองยี่สิบกว่ากิโลเมตร....โรงแรมหนึ่งดาวดีที่สุดก็ปรับปรุงและเปิดให้บริการเป็นปกติอีกครั้ง

เราบางคนเข้าไปเมืองเมลาบอห์โดยนั่งเครื่องใบพัดขนาดเล็กสิบสองที่นั่งของซูซี่แอร์ร่อนไปมาเหมือนว่าวอีลุ้มต้องแรงลม ใช้นักบินวัยหนุ่มเป็นฝรั่งเสียส่วนใหญ่เข้ามาบินเอาชั่วโมง จากนั้นไม่นานหลังปิดโครงการข่าวก็ลงว่าเครื่องบินเล็กตกในกลางหุบเขาเส้นทางอาเจ่ห์-เมดาน....ซูซี่แอร์ไม่ต้องเดา บางคนไม่อยากลุ้นเสียวกับเครื่องร่อนรอเครื่องใหญ่ขึ้นมาหน่อยแบบเจ็ดสิบที่นั่งของวิงส์แอร์ บินจากเมืองใหญ่เมดานตัดข้ามเทือกเขาบาริซานมองเห็นทะเลสาบโตบ่ะบนปากปล่องภูเขาไฟยักษ์อยู่ไกลๆในเวลาไม่เกินชั่วโมงบิน และเข้าพักที่โรงแรม Meuligou ชื่อดังตึกใหญ่สามชั้นรีโนเวตใหม่สีน้ำตาลอ่อน

คนไทยทำงานพักค้างกันนานเป็นเดือนในเมืองเคร่งครัดทางศาสนาที่ห้ามดื่มเหล้าเบียร์ ห้ามส่งสายตากับคนต่างเพศในที่คับขันและเนื้อหมูเป็นของแสลง คงอึดอัดกันพอประมาณ ทีมงานหลายคนก็ทหารนักรบเจ้าถิ่นมาทั้งนั้นถึงอย่างไรก็อยู่ในวิสัยการปรับตัว ยกเว้นก็แต่ห้องพักในโรงแรมที่ทำใจลำบาก ห้องพักแบบสองเตียงนอนหน้าต่างสีชาผ้าม่านสีทึบเพดานสูงหลอดไฟสีส้มห้องน้ำกะทัดรัดแบบนั่งและตักอาบ ต่างคนต่างเจอะเจอกับตัวเองในยามค่อนคืนบ้างลิ้นชักโต๊ะสั่นบ้างเห็นยังนั่งทำงานบ้างเดินผ่านห้องน้ำที่เปิดคาไว้เดินไปเดินมา เวลานอนต้องเปิดไฟเพดานทิ้งไว้ทั้งคืน ไปถามพนักงานต้อนรับก็ตอบประสาซื่อตรงว่าโดนเต็มๆเกือบทุกห้องในสองชั้นล่าง.....ขบวนการก็ถูกปลดปล่อยหมดแล้วแต่พวกเขายังไม่รู้ตัวหรือว่ายังชอบที่จะติดอยู่ที่นั่น!!

จันทบุรี 03 กรกฎาคม 2557

หมายเลขบันทึก: 573502เขียนเมื่อ 29 กรกฎาคม 2014 18:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 กรกฎาคม 2014 18:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เป็นดินแดนที่น่าสนใจ น่าติดตามมากครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท