-^_เดินหน้าประเทศไทยวันนี้ถูกใจผู้สัมภาษณ์มาก ที่ถามว่า แล้วไม่คิดบ้างหรือครับว่าฝ่ายธุรกิจฝ่ายผู้ประกอบการเองก็ทุจริตให้สินบน ? ผมขอไม่เชื่อและกันว่าไม่มีคนให้สินบน
^_^สำหรับฉัน ปัญหาการทุจริตยากยิ่งนักที่จะขจัดให้หมดสิ้นขนาดถอนรากถอนโคนตราบเท่าที่สังคมไทยยังเป็นระบบอุปถัมภ์ ตราบเท่าที่คนในสังคมยังมีประโยชน์แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน และที่สำคัญตราบที่ยังเป็นมนุษย์ที่มีความเห็นแก่ตัวและมีความอยากได้
_^_หากเปรียบคนทุจริตเหมือนคนล้างขี้ เชื่อได้เลยว่า เมือคนตั้งใจทุจริตก็ต้องชำระสิ่งที่ตนทุจริตไว้แต่ละครั้งใหัสะอาดสุด เปรียบง่ายๆ ตอนคนขี้ในห้องน้ำไม่มีใครเห็น อาจมีคนข้างนอกได้กลิ่นเเหม็น. แต่ก่อนออกจากห้องน้ำคนที่ขี้เหม็นนั้นได้ล้างแล้วล้างอีก เช็ดแลัวเช็ดอีกให้ก้นสะอาด แถมฉีดด้วยน้ำหอมแล้วเดินออกมาอย่างหอมฟุ้ง ถามว่าที่เราสงสัยอยู่ข้างนอกหรือที่เรารู้อยู่ว่ามีกลิ่นเมื่อกี้แต่พอออกมาหอมฟุ้ง เราจะหาหลักฐานกลิ่นเหม็นไปด่าเขาได้มัยว่าขี้เหม็นก็เค้าออกจากห้องน้ำมาดัวยกลิ่นหอม เช่นกันถ้าฉันจะทุจริตฉันก็ต้องล้างขี้ให้สะอาด หาวิธีให้ตนเองบริสุทธิ
_^_ที่สำคัญมีวิธีการทุจริตก็มีวิธีเช็ดล้างการทุจริต เช่นเดียวกับชีวิตประจำวันทุกคนต้องขี้ ใครล้างสะอาดก็ไม่เหม็น ล้างไม่สะอาดก็เหม็นคนรู้ทั่วว่าล้างขี้ไม่สะอาด จุดนี้ต่างหากที่ต้องคิดว่าทำยังไงจึงจะรู้ว่าใครล้างขี้ไม่สะอาด
นักกฎหมายมือสมัครเล่นอย่างเราเคยเสนอแบบเล่นๆไปครั้งหนึ่งว่า
"การจะขจัดการคอรัปชั่นการทุจริต" นั้น ลำพังกฎหมายจะเอาผิดแต่ผู้รับสินบนคงไม่ได้หรอก
-^_สำหรับดิชั้ลเห็นว่า ถ้าคนจะทุจริตก็ทุจริตอยู่นั้นแหละ หรือถ้าตัวฉันเองจะทุจริตฉันก็ก็ทุจริตอยู่เช่นเดิม ปัญหาคือ การทุจริตจะเกิดขึ้นมิได้เพียงฝ่ายเดียวต้องเกิดขึ้นพร้อมกันและยินยอมกันสองฝ่าย ยกตัวอย่างง่ายๆ
ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับสินบน หากคนที่ถูกเรียกไม่ให้ ต่อต้านเต็มที่ และฟ้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่รับ วิธีต่อต้าน วิธีคัดค้านไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐโดยเด็ดขาด ถือว่าเป็นมาตรการที่ไดัผลกว่ากฎหมายให้ลงโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในโทษหนักกว่ายิ่งเกิดความไม่เป็นธรรมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
-^-แรงจูงใจการทุจริต นอกจากเกิดจากผู้เรียกรับแล้วยังเกิดจากการเสนอของผู้ให้เพื่ออำนวยความสะดวกแห่งประโยชน์ตน อีกทั้งการเสนอให้ผู้รับไม่เท่าเทียมกัน ผู้ใดเสนอมากคนรับก็รับไป โดยหลักความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนเห็นแก่ตัว พอถึงจุดที่สุด มนุษย์ขี้เหม็นทุกคนต้องเอาตัวรอด ดังนั้น เมือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์ก็ย่อมหาทางให้ได้ประโยชน์บ้าง อาจจะไปร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่รับสินบนเพราะรู้มาและหรือฉันก็ให้สินบนคนหนึ่งแต่ไม่มากพอ เลยมาร้องเรียนอันเนื่องจากตนต้องเสียประโยชน์เพราะแรงจูงใจของตนน้อยกว่า สุดท้ายเรื่องก็สำแดงแจ้งชัด ว่าต่างฝ่ายต่างให้-รับแรงจูงใจ
-^-ดังนั้น การแก้ปัญหาทุจริตต้องแก้ที่เหตุแรงจูงใจด้วย ไม่มีเหตุเสนอให้ จะมีผลสนองการรับหรือไม่ หรือมีเหตุเรียกรับ แต่คนถูกเรียกไม่ให้และฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ จนท.จะยังกล้ารับไม่?
ด้วยเหตุนี้การแก้ไขปัญหาทุจริต ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปและถ้าจะให้เกิดผลเพิ่มขึ้น กฎหมายต้องกำหนดโทษอย่างเท่ากันทั้งคนให้ คนรับ คนที่ใช้ให้ให้ ก็น่าจะลดปัญหาได้บ้าง แต่เมื่อไรก็ตามการแกัปัญหาด้วยการลงโทษฝ่ายเดียว มุ่งเอาผิดฝ่ายเดียว โดยที่แรงจูงใจยังมีอยู่และยังเสนอให้อยู่ เพราะกฎหมายของรัฐมีระบบควบคุมธุรกิจ กานประกอบการ และการดำเนินการ ในบางกิจกรรมต้องเคร่งครัด ขณะที่ผู้ทำกิจกรรมเคร่งครัดนั้น ก็ต้องการความสะดวกรวดเร็วเพราะผลได้เสียขาดทุนกำไรทางธุรกิจ ถูกหรือไม่?
-^-ณ จุดเริ่มต้นการปราบปรามทุจริตอย่าเพิ่งคิดว่าทำให้สิ้นซาก หรือมุ่งปรับปราบปรามเอาผิดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ปรับทุกฝ่ายทั้งทางกายภาพและกฎหมาย คือคนกระทำ จิตสำนึกแรงจูงใจทั้งคนให้ คนรับ คนใช้ให้ไปให้สินบนก่อน และต้องลงโทษทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมเสมอกัน
-^- ที่สำคัญมีวิธีการทุจริตก็มีวิธีเช็ดล้างการทุจริต เช่นเดียวกับชีวิตประจำวันทุกคนต้องขี้ ใครล้างสะอาดก็ไม่เหม็น ล้างไม่สะอาดก็เหม็น คนรู้กันทั่วว่าขี้เหม็นมาจากใคร ดังนั้น การล้างขี้ไม่สะอาดต่างหากที่ต้องคิดว่าทำยังงัย จึงจะรู้ชัดว่าใครล้างขี้ไม่สะอาด
อรนักกฎหมาๆบ้าง ในบางคราก็กลายเป็นนักกฎหมายเล่นๆ
26/7/57
ไม่มีความเห็น