คุณ อำพร โปสจา ซึ่งเขียนส่งมาเข้ามาประกวดที่ ศจย.ในปี 57 นี้ ในโครงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานของคนช่วยเลิกสุรา ยาสูบ และยาเสพติด เพื่อเสริมแรงบันดาลใจให้กับคนทำงานช่วยเลิกยาเสพติด
โดย คุณอำพร โปสจา [email protected]
นักกิจกรรมบำบัดชำนาญการ โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์
“บ้านใหญ่” คือสิ่งที่หนุ่มน้อยพูดถึงในกลุ่มเสมอว่าไม่น่าอยู่ เราก็ได้แต่เก็บข้อสงสัย จนได้คำตอบที่เฉลย จากเจ้าตัว มันหมายถึง “คุก” ที่คุมขังหรือเรือนจำนั้นเอง ศัพท์ของวัยรุ่นเน้อ ช่างสรรหามาบอกเล่า แต่นั้นคือสิ่งที่เขาเข้าใจและไม่กังวลต่อการต้องอยู่ในโรงพยาบาล เพราะคงสามารถอยู่ได้มากกว่าบ้านใหญ่
ในครั้งหนึ่งของการบำบัดผู้ที่ติดยาเสพติดด้วยกลุ่มบำบัดที่ต้องอธิบายอย่างง่ายๆ ถึงเหตุผลที่ต้องอยู่โรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วย ยาวนานถึงสี่เดือนตามคำสั่งศาลพิจารณาให้เข้ารับการบำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพตามกำหนดระยะเวลาที่สอดคล้องกับระยะฟื้นตัวของสมอง หนุ่มน้อยแสดงความเข้าใจอย่างไม่คัดค้าน ว่ามันเป็นอย่างนี้ นี่เองถึงได้นานนัก ขอลดเวลาเหลือสัก 2 สัปดาห์ก็ไม่ได้
การใช้ชีวิตในโรงพยาบาลกับกาลเวลาที่ยาวนานที่ต้องปรับตัวในทุกเรื่อง เพื่อนใหม่ บ้านหลังใหม่ที่ต่างจากบ้านใหญ่ ขณะนี้เวลาก็ไม่รอใครเช่นกัน หนุ่มน้อยเริ่มนับถอยหลังกับความหวังที่มีอยู่ในใจ จนถึงตอนนี้ หนุ่มน้อยมักบรรยายถึงความหวังต่อสิ่งที่รัก ได้เรียนรู้ว่าถ้าได้ออกจากโรงพยาบาลไปจะวางแผนทำอะไร ถ้าไม่อยากป่วยมากกว่านี้ และไม่อยากอยู่บ้านใหญ่ เขามีความคิดว่าอยากกลับมาที่นี้ในฐานะครู ผู้ที่เคยพยายามจนเลิกยาได้สำเร็จ แม้จะผ่านหลากหลายวิธี การรักษาหลายโปรแกรม การควบคุมตัวแบบนี้ไม่เข้มงวด ทำให้เขามีสติได้ทบทวน มีเวลามองสิ่งรอบตัว ช้าลง มองสิ่งที่สะท้อนความเป็นตัวตน เห็นคนที่ดีกว่า เห็นคนที่แย่กว่าหนุ่มน้อยได้ทำตามกติกาของการเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลจิตเวช อย่างไม่ต่อต้านแม้ชีวิตจะต้องดำเนินไปตามกิจกรรมประจำวันที่ถูกกำหนดไว้ อย่างมีระเบียบแบบแผน และวินัยในการดูแลตนเอง หนุ่มน้อยก็ไม่แสดงท่าทีให้เห็นว่าเขาแสนอึดอัดแค่ไหน
สิ่งที่สะท้อนผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในกลุ่มกับเพื่อนสมาชิก หนุ่มน้อยมักย้ำเสมอว่าที่ผ่านมาตลอดชีวิตคิดเสมอว่าแม่ไม่เคยรักเท่าน้องชาย เท่างานของแม่ เท่านักเรียนของแม่ เพราะเขาขาดความอบอุ่น ความเข้าใจจากครอบครัว ทั้งที่ครอบครัวพร้อมหน้าพ่อ แม่ น้องชาย ฐานะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่เขาเลือกทำประชดกับทุกสิ่งที่ต้องเผชิญ ในวันนี้หมวกสีชมพูที่แม่ถักให้ ตั้งแต่วันแรกๆ ที่มาใช่สินะ ตอนนั้นมันน่าหนาว แม่คงเป็นห่วงและรักสินะ ก็หมวกสีชมพูหวาน มีสายยาวปิดหู และยังยาวจนผูกใต้คางได้เพื่อทำให้อบอุ่นได้มากขึ้นนั้นเอง จนตอนนี้น่าร้อนหมวกของแม่ก็ยังใช้ประโยชน์ได้เพราะกลายมาเป็นกระเป๋าแสนน่ารัก ผมสะพายติดตัวตลอดสายมันยาวคล้องไหล่ได้พอดี บ่อยครั้งใช้ใส่ขนมเพื่อนๆ อยากขอเก็บไว้ ถ้าได้ออกจากโรงพยาบาล กลับบ้านต้องยกให้เพื่อนต่อ
ที่ผ่านมาหนุ่มน้อยรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่า โดยเฉพาะในสายตาของแม่แต่การอยู่ที่นี่ ผมมีโอกาสช่วยคนอื่นที่เขาแย่กว่าผม การกระทำง่ายๆ อย่างแค่ยกถาดข้าวมาให้คนที่เดินไปโรงอาหารไม่ได้ ช่วยจัดเตียง การเข้ากลุ่มเป็นประจำ เสนอวิธีการของผม ความคิดของผม ประสบการณ์ของผมให้กลุ่มเพื่อนฟังไม่มีใครขัดและแย้งอย่างที่อยู่ที่บ้าน รับฟังมัน ไม่ว่ามันจะดูร้ายแรงหรือแสนธรรมดา แต่ที่นี่ทำให้ผมรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง แม้เพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมได้ทำให้กับคนอื่นๆ บ้าง หรือจากการมีคนรับฟังสิ่งที่ผมพูด
ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองนี้ทำให้ผมคิดว่าผมจะรักษาและคงไว้ซึ่งความรู้สึกนี้ไปตลอดชีวิต เพราะทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตมีความหวัง มีเป้าหมาย ที่สำคัญผมได้เรียนรู้ว่าคุณค่าในตนเอง เราสร้างเองได้ผมจึงมุ่งมั่นที่จะกลับไปเป็นลูก เป็นพี่ชาย เพื่อน สามี และพ่อของลูก ที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทุกคนจะเห็นผมที่โตขึ้น อดทนได้มากขึ้น ทำได้มากกว่าที่เคยเห็น อยู่กับเหตุผลมากกว่าอารมณ์ และทุกคนจะเห็นคุณค่าของผม เหมือนที่ผมหามันเจอ
ทุกคนย่อมมีโอกาสกระทำผิดได้เสมอ ขอเพียงครอบครัวให้โอกาสใหม่อีกครั้ง จะเป็นแรงผลักดันให้เค้ามีชีวิตใหม่ต่อไป
16 มิ.ย.57
รติกร เพมบริดจ [email protected]
กาช่วยทำให้ผู้เสพติดรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองได้ย่อมนำไปสู่การรักสุขภาพของตัวเองได้ในที่สุด
ขอเป็นกำลังใจให้ครับ