Positive Deviance (PD): เครื่องมือพัฒนาองค์กรยุคใหม่
โดยดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์
วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
บทนำ
ในบทความนี้ผู้เขียนได้นำเสนอเครื่องมือใหม่ที่ใช้สำหรับการพัฒนาองค์กร (Organization Development) ที่เรียกว่า Positive Deviance (PD) ซึ่งเป็นกระบวนการค้นหาบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรม ความสามารถ หรือกลยุทธ์ที่ทำให้ตนเองสามารถแก้ปัญหาบางประการได้ ทั้งๆที่คนในองค์กรส่วนใหญ่ทำไม่ได้ เมื่อค้นพบแล้วองค์กรสามารถถอดแบบความสำเร็จ เพื่อนำมาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กร หรือสังคมได้อย่างได้ผล อย่างยั่งยืนโดยลดการพึ่งพิงจากผู้เชี่ยวชาญภายนอก เนื่องจาก PD มีสมมติฐานว่าในทุกชุมชม ทุกองค์กร สมาชิกมีความรู้ มีความสามารถที่จะสามารถแก้ปัญหาของตนเองได้ดีอยู่แล้ว PD จึงเป็นเครื่องมือที่เป็นทางเลือกในการพัฒนาองค์กรที่น่าสนใจมากเครื่องมือหนึ่ง โดยสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสาขาวิชาใดๆ ก็ได้ไม่ว่าจะเป็นสายบริหาร วิศวกรรม วิทยาศาสตร์สุขภาพ การศึกษา เกษตรกรรม
Abstract
In the article, the authors presents a new tool for organization development called, Positive Deviance (PD). PD is a process for identifying a unique indivdual or group of people who have strategy in dealing with a particular problem, whereas most of people in that communiy are not capable of. Once identified, such startegy can be learned and duplicated by others. This reduces organization's dependency on external expertises. PD is based on the assumption thar every community, organization, their members already have their own excellent solution. Therefore PD is an alternative tool. It can be allplied to diveres fields such as management, engineering, health sciences, education or agriculture.
Keywords
Positive Deviance, PD, Positive Deviants, พัฒนาองค์กร, Organization Development
นิยามและความเป็นมาของ Positive Deviance
Positive Deviance (PD)คือวิธีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือสังคม โดยอาศัยการสังเกตว่าในชุมชนใดๆ จะมีคนคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง (เรียกว่า Positive Deviants) ซึ่งมีความแตกต่างจากคนอื่น เนื่องจากมีพฤติกรรม หรือกลยุทธ์ที่ทำให้พวกเขามีทางแก้ปัญหาที่ดีกว่าคนอื่นๆ ทั้งๆที่บุคคลนั้นๆ หรือกลุ่มคนนั้นๆ ล้วนแล้วได้รับทรัพยากรจากแหล่งเดียวกันที่อาจขาดแคลนเช่นกัน หรือเผชิญความท้าทาย หรืออุปสรรคเช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่กลับประสบความสำเร็จ ในขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ PD ถือกำเนิดขึ้นเมื่อทศวรรษ 90 โดยเจอรี่ย์และโมนิค สเตอร์นิน โดยทั้งสองได้เข้ามาช่วยประเทศเวียดนามแก้ปัญหาภาวะทุพโภชนาการ ตามโครงการ Save the Children in Vietnam ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยองค์กรสหประชาชาติ ในครั้งแรกก็ได้ให้ความช่วยเหลือแบบที่ทำกันมาเช่นการรับบริจาค การศึกษา การฝึกอบรม แต่ภาวะทุพโภชนการก็ยังสูงถึง 64% ตอนโครงการจบลง เมื่อไม่มีงบประมาณ และต้องจบโครงการ โดยก่อนสิ้นสุดโครงการไม่นาน ทั้งสองได้ตั้งข้อสังเกต เห็นว่า มีครอบครัวบางครอบครัวในชุมชน ที่แม้ยากจนเหมือนกัน แต่ลูกๆกลับไม่มีภาวะขาดสารอาหาร เมื่อทำการสืบสาวต่อก็พบว่าครอบครัวสองสามครอบครัวดังกล่าวมีพฤติกรรมที่ต่างจากครอบครัวอื่น
เมื่อเข้าไปตรวจสอบโดยละเอียดก็พบว่าครอบครัวดังกล่าวแทนที่จะป้อนข้าวลูกเพียงสองมื้อเหมือนครอบครัวชาวเวียดนามอื่นๆ ทำกัน ครอบครัวนี้ป้อนข้าวลูกสามสี่มื้อต่อวัน โดยมีการเสริมอาหารเด็กด้วยมันหวาน กุ้งและปู ซึ่งชาวเวียดนามมองว่าไม่ค่อยเหมาะสม หลังค้นพบ มีการเอาเรื่องราวนี้คณะผู้วิจัยมิได้เอาไปเล่าต่อเท่านั้น หากแต่มีการจัดโครงการเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเชิญคุณแม่ในพื้นที่เป้าหมาย โดยให้นำวัตถุดิบคือมันหวาน กุ้งและปูมาด้วย จากนั้นคณะนักวิจัยจะพาคุณแม่ทั้งหมด ปรุงอาหารแล้วพากันป้อนเด็กตรงนั้นเลย ภายในสองปี ในพื้นที่ทดลอง แนวคิดนี้เผยแพร่ออกไป ภาวะทุพภโภชนการลดลงถึง 85% โดยเมื่อออกจากพื้นที่นี้ไปแล้ว พฤติกรรมการให้อาหารเด็กแบบใหม่นี้ยังคงอยู่ และกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ในที่สุด
(ที่มา: http://www.oxygenpf.com.au/vietnam-trek/)
PD เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่เน้นจุดแข็งเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับพฤติกรรมและสังคม วิธีการนี้ช่วยให้ชุมชนค้นพบคำตอบสำหรับปัญหาที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นคำตอบที่มีอยู่แล้ว วิธีการแบบ PD แตกต่างจากการแก้ปัญหาแบบเดิมๆ เพราะไม่ได้เน้นที่การดึงทรัพยากรจากภายนอกมาช่วยมากนัก โดยตัวกระบวนการเองจะเน้นที่การเชื้อเชิญให้ชุมชน ร่วมกันค้นหาคำตอบจากชุมชนเอง ซึ่งอาจยั่งยืนและสร้างสรรค์กว่า ปัจจุบันได้มีการใช้ PD แก้ปัญหาในหลายวงการไม่ว่าจะเป็นภาวะทุพโภชนการในเด็ก การแก้ปัญหาเด็กออกจากโรงเรียนก่อนวัยอันควร การติดเชื้อในโรงพยาบาล
PD มีสมมติฐานดังต่อไปนี้
กระบวนการการวิจัยแบบ Positive Deviance
กรณีศึกษา Positive Deviance ที่โรงพยาบาลป่าติ้ว จังหวัดยโสธร
ที่โรงพยาบาลป่าติ้วจังหวัดยโสธร มีการพัฒนาโครงการวิจัยจากงานประจำ (Umboon S., Lakornwong N., Ruangchaivut E. And Rattanaphan P. (2012) เกี่ยวกับโรคกลัวเข็มฉีดยาขึ้นมาก ถือเป็นตัวอย่างการทำ Positive Deviance ได้เป็นอย่างดี โดยดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
(ที่มา: www.aithailand.org)
สรุป
Positive Deviance (PD) คือวิธีการค้นหาบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่มีทักษะ ความสามารถ หรือกลยุทธ์ที่พิเศษ ที่สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนของชุมชน หรือองค์กรได้ภายใต้เงื่อนไข อุปสรรคแบบเดียวกันกับคนอื่น แต่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถแก้ปัญหานั้นได้ PD ถือเป็นทางเลือกใหม่ในการพัฒนาองค์กร ชุมชน หรือแม้กระทั่งการวิจัยแนวอื่นๆ องค์ประกอบสำคัญของการทำ PD คือการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน หรือองค์กรที่เข้ามาค้นหาปัญหา และร่วมรับผิดชอบโครงการตั้งแต่ต้นจนจบ โดยร่วมค้นหาบุคคลหรือกลุ่มบุคคลพิเศษที่สามารถแก้ปัญหาที่คนอื่นแก้ไม่ได้ จากนั้นร่วมกันนำมาขยายผลโดยไม่เน้นที่การเล่ากรณีศึกษาความสำเร็จ แต่เน้นการเปลี่ยนแปลงโดยการปฏิบัติจริง ซึ่งสร้างความสำเร็จและความยั่งยืนให้กับโครงการมากกว่า
เอกสารอ้างอิง:
Tuhus-Dubrow, R. The Power of Positive Deviants: A promising new tactic for changing communities from the inside. Boston Globe. November 29, 2009
Umboon S., Lakornwong N., Ruangchaivut E. and Rattanaphan P. (2012). Appreciative R2R. Proceeding in the 2012 AI Summit in Bankok.
มีการพัฒนาองค์กรหลายเรื่องเลยนะครับ
ชอบใจๆๆ
ตอนนี้ผมลงมือปฏิบัติแล้วครับ