ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้ เป็นขณะที่กำลังดูรายการชิงช้าสวรรค์ และเป็นสัปดาห์ของการตัดสินว่าใครจะเป็นผู้เข้ารอบ ๔ ทีมสุดท้าย ทางพิธีกรรายการบอกให้ทราบว่า รอบนี้ที่สำคัญมาก เพราะหากเข้ารอบนี้ได้ก็หมายความว่ามีโอกาสที่จะก้าวเป็นอันดับสาม สอง และหนึ่งอย่างแน่นอน เมื่อทั้งสองโรงเรียนร้องเพลงจบ คณะกรรมการ ๓ ท่านพิจารณาแล้วว่า สุดยอดทั้งสองทีม สุดยอดและสุดยอด แต่แล้วความตื่นเต้นสำหรับผู้หวังความชนะทีมใดทีมหนึ่งก็ดับลง ความลิงโลดของทีมชนะผุดโพล่งขึ้นมา เมื่อพิธีกรบอกว่าทีมนี้คือผู้ชนะ ซึ่งทีมนี้จะต้องเข้าไปแข่งขันกับทีมอื่นอีก และทุกทีมต้องการ "หมายเลขหนึ่ง" อันเป็นความฝันของเส้นทางนี้และพื้นที่แห่งนี้
ขณะที่เขียนมาถึงตรงนี้ ผมนึกถึงเพลงความฝันอันสูงสุด เพลงนี้เป็นที่ชื่นชอบของผมอีกเพลงหนึ่ง เสียงร้องที่ลุงสันติร้องไว้นั้นช่างลึกและเต็มไปด้วยพลังแห่งความกล้าหาญ เกี่ยวกับความฝันนั้น ผมเชื่อว่า ในชีวิตของคนทุกคนนั้นล้วนแต่เดินตามฝัน และฝันนี้ที่ผลิดอกออกผลแล้วก็จะมีฝันอื่นตามมาอีก ความฝันนี้เองที่ทำให้คนเรามีชีวิตชีวาและอยากที่จะมีชีวิตต่อไป ลองสังเกตดูคนแก่เฒ่าที่มีแต่จะตายวันตายพรุ่ง หากความฝันของท่านยุติลง ท่านก็จะยุติชีวิตลงเช่นกัน แต่ถ้าท่านยังมีความฝัน ใฝ่ฝันที่จะเอื้อมถึงอะไรสักอย่าง ชีวิตของท่านยังจะยังอยู่ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เรากำลังเดินไปสู่ "ฝัน" ที่ฝันใฝ่ เมื่อเรายังไปไม่ถึง เราก็จะมองว่า "ฝัน" นั้น ช่างเด่น ดูดี สวยงาม สมบูรณ์พร้อม เจิดจ้า หลายคนไปสู่ฝันแล้วลิงโลด "ฉันชนะแล้ว" "ฉันชนะแล้ว " ฉันชนะแล้ว" เสียงตะโกนก้องในห้วงหัวใจแปรงสภาพเป็นยิ้มร่า หน้าตาสดใส เบิกบาน เปรมปรีด์ "ฉันทำสำเร็จแล้ว" แต่มีบางคนเมื่อถึงฝันนั้นแล้ว กลับนิ่งเฉยและมองว่า "ไม่มีอะไรเลย"
ไม่มีความเห็น