น้ำยาล้างจาน


ลดมนภาวะ ยืดอายุ ด้วยการลดการใช้สารเคมี


เลิกใช้น้ำยาล้างจานกันเถอะ

"แสบ และเจ็บมือจัง" นี่เป็นคำพูดของแม่บ้านที่ต้องล้างจานทุก ๆ วัน สารเคมีที่ผสมอยู่ในน้ำยาล้างจานจะมีผลต่อผิวหนังมาก และหากใช้น้ำยาในปริมาณมากในการล้างจานแต่ละครั้ง จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำที่จะใช้ในการล้างจาน แม้หากท่านประหยัดน้ำ(มักพบเสมอตามร้านอาหารที่ล้างจาน-ชามด้วยน้ำปริมาณ น้อยและใช้ซ้ำกันหลายครั้ง)ในการล้างจานแล้ว สารเคมีที่มีอยู่ก็จะยังอยู่บนผิวจาน แต่ไม่มีสีที่เราจะมองเห็นได้ เมื่อนำไปใช้งาน เราก็จะบริโภคสารเคมีที่มีพิษต่อร่างกายเข้าไปสะสมไว้ แล้วเมื่อมีปริฒาณมากพอก็จะทำให้สุขภาพเราเสียสมดุลย์ไป เช่น อยู่ ๆ วันหนึ่ง หวัดก็มาเยือนโดยไม่ทราบสาเหตุ เพราะภูมิคุ้มกันของเราเสียสมดุลย์ไปจากการได้รับสารเคมีที่มีโทษทุก ๆ วัน อาจมาจากหลาย ๆ แหล่ง เช่น พืชผักที่ผลิตโดยอาศัยสารเคมีในการป้องกันโรคแมลง สารเคมีที่เดรือบอยู่ตามผิวของภาชนะที่บรรจุอาหาร ฯลฯ แล้วเราจะไม่หลีกเลี่ยงสารเคมีเหล่านี้รึ? อย่างน้อยในที่นี้จะขอนำเสนอการหลีกหนีสารเคมีที่เครือบผิวภาชนะบรรจุอาหาร ไม่ว่าจะเป็นหม้อไหจานชามต่าง ๆ ด้วยการเลิกใช้น้ำยาล้างจานหากผงซักฟอกใด ๆ ในการล้างหม้อไหจานชามต่าง ๆ เอ้า..แล้วมันจะสอาดอย่างไรล่ะ? ตามผมมานะครับ นี่คือเหตุผลว่า เราสามารถล้างอุปกรณ์เหล่านี้ได้โดยไม่ต้องพึงน้ำยาล้างจานเลยจริง ๆ ดังนี้

1. อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบอาหารและรับประทานอาหารทั้งหมดนั้น ผลิตขึ้นมาให้มีคุณสมบัติที่แข็งและผิวเรียบ เศษอาหารหรือคราบน้ำมันไม่สามารถฝังลึกลงไปในเนื้อของอุปกรณ์เหล่านี้ได้ ผิดกับเสื้อผ้าที่ คราบสกปรกฝังลึกลงไปในเนื้อผ้าได้ ดังนั้นการล้างอุปกรณ์เหล่านี้ด้วยน้ำเปล่าธรรมดานี่แหละก็สะอาดได้อยู่แล้ว เดี๋ยวมีเสื้อผ้าที่ผลิตด้วยนาโนเทคโนโลยี ทำให้คราบสกปรกไม่ฝังลึกลงไปในเนื้อผ้า จึงไม่จำเป็นต้องใช้ผงซักฟอก เพียงซักด้วยน้ำธรรมดาก็สะอาดแล้ว หากท่านยังสงสัยหรือยังไม่เชื่อ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวท่านเองครับ มีผ้าผืนเล็กราคาประมาณ 50 บาท ใช้สำหรับเช็คอุปกรณ์ที่มีคราบสกปรกจากอาหาร แล้วซักด้วยน้ำธรรมดาจะไม่คราบน้ำมันหรือเศษอาหารติดอยู่เลยครับ เสื้อนาโนก็เช่นเดี๋ยวกัน เมื่อซักแล้วไม่ความสกปรกหลงเหลืออยู่และไม่มีกลิ่นอับด้วย
2. การทำความสะอาดอุปกรณ์ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อย ดังนี้
* เมื่อประกอบอาหารหรือทานอาหารเสร็จแล้ว ให้ทำความสะอาดทันทีก่อนที่คราบจะแห้งติดอุปกรณ์(หากแห็งแล้วจะทำความสะอาด ยากขึ้น) ด้วยการใช้ผ้า หรือ กระดาษ หรือ ใบตอง หรือเศษผักที่ใช้ประกอบอาหาร ทำการเช็ดเศษอาหารที่ติดอยู่กับอุปกรณ์เหล่นนั้นออกไปเสียก่อน(จะเหลือเพียง แต่คราบอาหารติดผิวอยู่หรือเหลือเพียงคราบน้ำมันเท่านั้น)
* ล้างอุปกรณ์เหล่านั้นด้วยอุปกรณ์สำหรับล้างจาน เช่น ใยบวบ ใยมะพร้าว เศษผ้าล้างจาน(ผมแอบใช้แปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้ว มันซอกแซกได้ดีมาก) ฯลฯ ด้วยการเช็ดถูหลาย ๆ รอบบนน้ำไหลพอเหมาะจนแลดูว่าสะอาด แล้ววางไว้(เมื่อเสร็จขั้นนี้ สังเกตดูจะเห็นว่าอุปกรณ์จะสะอาด น้ำจะไหลจากขอบที่สูงมารวมอยู่ในบริเวณที่ต่ำ)
* ต้มน้ำให้เดือดในปริมาณที่เหมาะกับปริมาณของอุปกรณ์ที่ล้างแล้ว นำ อุปกรณ์ที่ล้างแล้วลงไปแช่ประมาณ 10-15 วินาทีแล้วยกขึ้นมาวางในชั้นวางอุปกรณ์ และเช็คด้วยผ้าที่สะอาดก่อนเก็บก็ได้(สำหรับคนใจร้อน) ในขั้นนี้อาจใช้วิธีนำอุปกรณ์ไปต้มเลยก็ได้

จากขั้นตอนทั้งหมดนั้น ไม่ต้องใช้สารเคมีเข้ามาใช้เลยครับ รับรองสะอาดแน่ ๆ ได้ทดลองทำแล้วและชอบใจจริง ๆ ประหยัดเงินค่าน้ำยาล้างจานและผิวมือไม่เสียด้วย ใช้อุปกรณ์ได้สนิทใจด้วย รักษาสิ่งแวดล้อมด้วย ประหยัดน้ำกว่าเดิมมาก เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้าง ทำให้หวนกลับไปนึกถึงสมัยเด็ก ๆ ที่ยังไม่มีน้ำยาล้างจานออกมาขายนั้น แม่ให้ช่วยล้างจานชามเป็นประจำ โดยสมัยนั้นไม่มีเตาแก็ส มีแต่เตาถ่าน การล้างอุปกรณ์เหล่านี้ก็อาศัยขี้เถาจากเตานั้นแหละครับ คราบสักปรกแค่ไหนก็หลุดออกหมด ไม่ว่าจะเป็นคราบควันไฟบนก้นหม้อหุงข้าว กาบมะพร้าวกับขี้เถานี้แหละครับสะอาดใสแจ่มจริง ให้ดิ้นตายสิ......

สมุนไพรไทยเป็นแนวทางที่ถูกต้องต่อสุขอนามัย

สังคมไทยเป็นสังคมที่อ่อนไหวมาก ชอบเลียนแบบชาติที่มีความเจริญทางวัตถุอย่างชาวตะวันตก ดังนั้นหากฝรั่งตาน้ำข้าวใช้อะไรก็นำมาใช้ตาม โดยขาดการใคร่ครวญไตรตรองให้รอบครอบก่อน แต่เมือเขาเลิกใช้กลับไม่ยอมเลิกตาม เพราะไปติดในเวทนาของสิ่งนั้น เช่น ฟองในสบู่ น้ำยาล้างจาน ฯลฯ ซึ่งเจ้าสารเคมีที่ทำให้เกิดฟองนั้นไม่เป็นประโยชน์ใด ๆ ต่อผลิตภัณฑ์นั้นเลย แต่กลับจะมีโทษมากกว่า เช่น ฟองในน้ำยาล้างจาน ตอนนี้ที่อเมริกาเขาเลิกใช้กันแล้ว เพราะมีการวิจัยว่าน่าจะเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง แต่บ้านเรายังตะบี้ตะบันใช้กันอยู่ทุกยี่ห้อเลย เวลาไปทานอาหารนอกบ้าน ท่านสังเกตให้ดีนะครับ ภาชนะที่ใส่อาหารมาให้ท่านรับประทานนั้นล้างสารเคมี(สารให้เกิดฟอง)หมดจด หรือไม่ ลองทำง่าย ๆ อย่างนี้นะครับ นำอุปกรณ์ไปล้างด้วยน้ำจากขวดน้ำดื่ม เขย่าแล้วเอามือลูปไปให้ทั่ว ท่านจะเห็นว่ามีคราบสารเคมีลอยเหนือน้ำ หากมีมากก็จะเป็นฟองขึ้นมาอีก เพราะลูกจ้างที่ล้างจานนนั้นทำงานหนักมาก จึงล้างอุปกรณ์ด้วยน้ำนิ่ง(ในกะละมัง)อุปกรณ์ที่ล้างตอนท้าย ๆ จะไม่ปราศจากสารเคมีเลย เพราะความเข้มข้นของสารเคมีในน้ำกับบนผิวของอุปกรณ์มันเท่ากัน จึงละลายออกมาไม่ได้ หากเราบริโภคเข้าไปทุกวัน ๆ ก็จะสะสมในร่างกายสิบปียี่สิบปี่ก็จะแสดงผลออกมา แล้วเราจะยังคงใช้สารเคมีเหล่านี้อยู่หรือ? เลี่ยงมาใช้สมุนไพรไทยดีกว่าครับ ทำไม่ยากเลย ไม่เสียตังค์มากด้วย เราทำอาหารประจำวันจะมีเศษผักเหลืออยู่เสมอ ให้ล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก หมักด้วยน้ำที่ละลายน้ำตาลไว้แล้วทิ้งไว้หนึ่งถึงสามเดือน แล้วนำมาใช้แทนน้ำยาล้างจาน ใช้ขบวนการล้างจานจากตอนที่แล้ว รับรองจานชามของท่านจะสะอาดปราศจากสารเคมีใด ๆ

บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย อาจารย์ลุง

หมายเลขบันทึก: 568843เขียนเมื่อ 20 พฤษภาคม 2014 18:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม 2014 18:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

0จริงด้วยครับอาจารนย์ลุง

ที่บ้านทำเอง

ประหยัด ปลอดภัยครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท