สิทธิมนุษยชน หมายถึง สิทธิที่มีติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่กำเนิด เป็นสิทธิทางกายภาพ ซึ่งไม่สามารถจำหน่าย แจก จ่าย โอน หรือบังคับให้กับผู้หนึ่งผู้ใดได้ สิทธิดังกล่าวนี้มีความเป็นสากลและเป็นนิรันดร์ ได้รับรองในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 1 กล่าวว่า มนุษย์ทั้งหลายทั้งหลายเกิดมามีอิสระเสรี เท่าเทียมกันทั้งศักดิ์ศรีและสิทธิ ทุกคนได้รับการประสิทธิ์ประสาทเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันอย่างฉันพี่น้อง[1]
หนึ่งในศาลสิทธิมนุษยชนที่น่าสนใจ ศาลหนึ่งที่มีมีความสำคัญเป็นอย่างมากและถือเป็นต้นแบบศาลสิทธิมนุษยชนแห่งอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (The European Court of Human Right-ECHR) เรามาดูกันดีกว่าว่า ศาลนี้มีที่มาอย่างไร แล้วหน้าที่ของศาลนี้ต้องทำอะไรบ้าง
ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (The European Court of Human Rights-ECHR) ตั้งอยู่ที่เมืองสตราส์บูร์ก (Strasbourg) ประเทศฝรั่งเศส ตามหลักการในอนุสัญญายุโรปว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชน ปี 1950 (The European Convention on Human Rights) เพื่อดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติตามอนุสัญญาของประเทศสมาชิก ซึ่งอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า อนุสัญญาเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน (Convention for the Protection of Human Rights and Fundamental Freedoms) ซึ่งเป็นหนึ่งในอนุสัญญาที่สำคัญที่สุด ที่สภายุโรป (The Council of Europe) ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกของสภายุโรป ทั้ง 47 ประเทศได้เข้าเป็นภาคีและรับหลักการของอนุสัญญาฯ หลักสำคัญของอนุสัญญาสรุปได้ดังต่อไปนี้
1.สิทธิในการดำรงชีวิต
2.สิทธิในการที่จะได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมทั้งในทางแพ่งและอาญา
3.สิทธิที่จะได้รับการคำนึงถึงชีวิตส่วนตัวและครอบครัวของบุคคล
4.เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
5.เสรีภาพทางความคิด จิตสำนึกและศาสนา
6.สิทธิในการที่จะได้รับการเยียวยาที่ดี
7.สิทธิในการครอบครองทรัพย์สินอย่างสุขสงบ
สิทธิในการเลือกตั้งและการรับเลือกตั้งผู้ที่จะตกจำเลยหรือเป็นโจทย์นั่น การนำคดีขึ้นสู่ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป จะสามารถทำได้โดยรัฐบาลคู่กรณีหรือบุคคลธรรมดาหรือองค์กรพัฒนาเอกชน (non-Government organization )เพื่อฟ้องร้องรัฐบาลของรัฐภาคีทั้ง 47 ประเทศหากเกิดการละเมิดในสิทธิมนุษยชนโดยรัฐ ทั้งนี้ คำพิพากษาของศาลมีผลผูกพันต่อรัฐคู่กรณีที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาล และแนวทางการพิจารณาคดียึดถือตามคำพิพากษาที่ได้พิพากษาไปแล้วเป็นหลัก (Case law)
เมื่อรัฐใดรัฐหนึ่งตกเป็นจำเลย ระหว่างการดำเนินคดีในกระบวนการพิจารณานั้น มีหน้าที่ต้องให้ความร่วมมือกับศาลในการให้ข้อมูล ตลอดจนเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นในการประกอบการพิจารณา และศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปสามารถที่จะลงโทษโดยให้รัฐผู้กระทำละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ปัจเจกชนได้ด้วย
กรณีตัวอย่างการพิจารณาของศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป เช่น ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปมีคำตัดสินว่าการจำคุกอดีตนายกรัฐมนตรียูลิยา ทีโมเชนโกของยูเครน เป็นการละเมิดสิทธิในชีวิตและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของเธอ โดยมีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ก่อนหน้านี้นางทีโมเชนโก แกนนำเรียกร้องประชาธิปไตย ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ในความผิดฐานใช้อำนาจโดยมิชอบขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีลงนามข้อตกลงนำเข้าก๊าซจากรัสเซีย โดยเธอเรียกร้องว่ารัฐบาลจำคุกเธอเพื่อกีดกันให้พ้นจากการเมือง และเป็นการละเมิดสิทธิ เพื่อให้เธอไม่มีสิทธิในการเลือกตั้งรัฐสภา รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้มีการลดหย่อนโทษของเธอแต่ประการใด
จะเห็นว่า ECHR นั้นมีบทบาทอย่างมากไม่ใช้เพียงแต่เป็นศาลที่คุ้มครองสิทธิในยุโรปเท่านั้นแต่ถือว่าเป็นองค์กรที่พิทักษ์สิทธิมนุษยชนทั่วโลกไม่ว่าผู้ถูกละเมิดจะมีสัญชาติในรัฐภาคีหรือไม่ นี้ถือว่าเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า เป็นที่สบายใจสำหรับมวลมนุษยชน เพื่อป้องกันและเป็นเครื่องมือทวงสิทธ์ในความเป็นมนุษย์ของตนได้
ที่มา
ไม่มีความเห็น