“ถ้าฉันสามารถมองได้ไกล นั่นก็เพราะฉันยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์”

“ถ้าฉันสามารถมองได้ไกล นั่นก็เพราะฉันยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์”

“If I have seen further it is by standing on the shoulders of giants.”

Sir Isaac Newton

---

เริ่มต้นปฐมบทของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยคำคมของนักวิทยาศาสตร์ท่านนี้ นั้นคือ เซอร์ไอแซค นิวตันซึ่งเป็นผู้ที่พลิกโลกให้เข้าสู่โลกสมัยใหม่ เครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆที่พบในปัจจุบันล้วนแล้วแต่มีรากฐานมาจากแนวความคิดของนักวิทยาศาสตร์ท่านนี้ ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อนเป็นอย่างมาก หากจะกล่าวไป นิวตันเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีความสามารถในการสังเกตเป็นอย่างมาก ...ทำไมถึงกล่าวเช่นนั้น ท่านผู้อ่านหลายท่านคงเคยได้เรียนเกี่ยวกับกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน หรือ เรื่องแรงดึงดูดของโลก ที่นิวตันสามารถพิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นในความจริงในจุดนี้ เขาสามารถสังเกตเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเขาและนำมาเปรียบเทียบกันกับสิ่งที่กำลังค้นหา เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ชายที่นั่งใต้ต้นแอปเปิ้ล ท่านคงเคยได้ยินมาบ่อยครั้งแล้วใช้ไหมครับ ..... ซึ่งผมก็คาดว่าจะเป็นเช่นนั้น ซึ่งคำกล่าวของนิวตันในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความอ่อนน้อม ถ่อมตนของนักวิทยาศาสตร์ท่านนี้อย่างชัดเจน ที่ได้กล่าวเป็นนัยยะ ว่า การทดลองหรือการสังเกต ทางวิทยาศาสตร์ของเขานั้น ล้วนแล้วแต่มีรากฐานที่สำคัญมาจากนักวิทยาศาสตร์รุ่นก่อนที่ได้ ปูทางความคิดให้กับ

คนรุ่นหลังไว้สืบทอดได้เป็นอย่างดี หากจะกล่าวไปนั้น ยักษ์ที่ นิวตันกล่าวถึง คงจะหมายถึงนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ก็เป็นได้ ฉะนั้นการที่จะประสบกับความสำเร็จได้นั้น จะต้องมีที่มา และที่ไปอย่างหลีกหนีไม่ได้ คงไม่ได้ใครกล้าที่จะกล่าวว่าการประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น สามารถทำได้แต่เพียงผู้เดียวโดยไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ จะว่าไปแล้วนั้นชีวิตของใครหลายคนก็ประสบความสำเร็จในรูปแบบที่แตกต่างกันตามความต้องการ บางคนต้องการที่จะร่ำรวยเป็นเศรษฐีพันล้าน หมื่นล้านแตกเคยคิดบางหรือไม่ว่า การประสบกับความสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยปัจจัยภายนอกที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก แล้วอะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้คนประสบความสำเร็จ จะว่าไปแล้ว ก็มีนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอีกท่านที่เคยกล่าวไว้เป็นวิวาทะที่โลกไม่มีวันลืมอย่างแน่นนอน ซึ่งจะได้กล่าวในบทถัดไป หากจะกล่าวไปนั้นคำกล่าวของนิวตันในครั้งนี้ ถ้าใครได้อ่านต้องเกิดแรงบันดาลใจในการทำงานหรืออะไรหลายๆอย่าง อย่างแน่นอนแต่จะว่าไป คำกล่าวของนิวตันก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าถึงแม้เขาจะพบความจริงของธรรมชาติในขณะนั้น เขาก็ไม่ได้นำมันมาใช้ในการสร้างเป็นเครื่องมือใน

การโจมตีแนวความคิดของคนรุ่นหลังที่ผิด แต่เขากลับแสดงความนอบน้อมซึ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดสำหรับของทำงานในทุกระดับ ทุกองค์กรที่ไม่ควรลืมไปหาก่อนที่จะมามีจุดยืนในวันนี้ต้องผ่านความทุ่มเทของใครบ้างที่เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างสรรค์องค์กร สรุปคือการรังสรรค์งานที่ยิ่งใหญ่ได้นั้นจะต้องมีองค์ประกอบหลายๆอย่างมาหลอมรวมกันแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความนอบน้อมเหมือนเมล็ดข้าวที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ก็มักโค้งลงสู่ดิน กลับแตกต่างจาก เมล็ดข้าวที่มีลำต้นที่สมบรูณ์ที่เมล็ดไม่สมบรูณ์ก็จะไม่มีน้ำหนัก และมีคุณค่าทางอาหารและโภชนาการน้อย มักจะชูชี้ช่อขึ้นสู่ท้องฟ้า แม้ดูภายนอกจะสูงสง่าสวยงาม แต่ก็ไม่มีชาวนาคนไหนที่ต้องการเมล็ดข้าวแบบนี้......