จากกรณีศึกษาของน้องนิก หรือนายนิวัฒน์ จันทร์คำ อายุราว 19ปี ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งยังไม่ได้รับการรับรองสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรของรัฐใดเลย น้องนิกจึงเป็นคนไร้รัฐโดยสิ้นเชิง น้องนิกเข้ามาในประเทศไทยเมื่ออายุประมาณ 3-4 ขวบ มารดาของน้องนิกเป็นคนไทยลื้อไร้รัฐไร้สัญชาติ ในเวลาที่เดินทางเข้าประเทศไทย บิดามารดาและน้องนิกไม่มีหนังสือเดินทางหรือได้รับการตรวจลงตราใดๆทั้งสิ้น จึงเป็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่สามารถดำเนินคดีกับน้องนิกได้ เนื่องจากน้องนิกยังไม่มีเจตนาในการเข้าเมืองผิดกฎหมาย เนื่องจากอายุเพียง3-4 ปีเท่านั้น ได้แต่เพียงติดสอยห้อยตามพ่อแม่เท่านั้น ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสิทธิที่น้องนิกจะได้รับจากรัฐไทย โดยเฉพาะสิทธิในการศึกษา เนื่องจากน้องนิกต้องการที่จะศึกษาต่อในประเทศไทย
เมื่อศึกษาเพิ่มเติมกรณีคนไร้รัฐและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะมีชื่อและสัญชาติใดสัญชาติหนึ่ง การจดทะเบียนเกิดช่วยให้เด็กได้รับสิทธิทางการศึกษา การรักษาพยาบาล การบริการทางกฎหมาย
ขั้นตอนในการจดทะเบียนการเกิดที่ถูกต้องและสมบูรณ์ |
1.พ่อหรือแม่ของเด็กต้1องขอหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.๑/๑) จากโรงพยาบาล สถานีอนามัย หรือคลินิกที่เด็กเกิดทั้งของรัฐและเอกชน 2.นำสำเนาทะเบียนบ้านที่จะเพิ่มชื่อเด็กที่เกิด บัตรประจำตัวของผู้ที่แจ้งเกิด (พ่อหรือแม่) หนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.๑/๑) ไปแจ้งเกิดที่อำเภอ หรือเทศบาลในพื้นที่ที่เด็กเกิด ภายใน ๑๕ วัน หากอยู่ไกลจากอำเภอหรือเทศบาล สามารถไปแจ้งเกิดต่อผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันก่อน เพื่อไม่ให้เกินกำหนด ๑๕ วัน แล้วค่อยนำ ใบรับแจ้งการเกิด (ท.ร. ๑ ตอนหน้า) ที่ได้จากผู้ใหญ่หรือกำนัน ไปแจ้งเกิดที่อำเภอหรือเทศบาล 3.เมื่อนายทะเบียนรับแจ้งการเกิดแล้วจะออกสูติบัตร ท.ร.๑ หรือ ท.ร. ๒ กรณีเด็กได้สัญชาติไทย ถ้าเด็กเป็นบุตรของบุคคลต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว จะได้รับสูติบัตร ท.ร.๓ ถ้าเป็นบุตรของแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนและมีใบอนุญาตทำงานถูกต้อง จะได้รับสูติบัตร ท.ร. ๐๓ และถ้าเป็นบุตรของบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต จะได้รับสูติบัตร ท.ร. ๐๓๑ |
และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 26 (1)4 [2] บัญญัติว่า
“ทุกคนมีสิทธิในการศึกษา การศึกษาจะต้องให้เปล่าอย่างน้อยในขั้นประถมศึกษาและขั้นพื้นฐาน การศึกษาระดับประถมจะต้องเป็นภาคบังคับ การศึกษาด้านวิชาการและวิชาชีพจะต้องเปิดเป็นการทั่วไป และการศึกษาระดับสูงขึ้นไปจะต้องเข้าถึงได้อย่างเสมอภาคสําหรับทุกคนบนพื้นฐานของคุณสมบัติความเหมาะสม”
แม้ว่าเขาไม่มีรัฐ ไม่มีสัญชาติใดๆ เขาก็สามารถเข้าถึงสิทธิในการศึกษาได้ นอกจากปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นกฎฆมายระหว่างประเทศแล้ว กฎหมายภายในประเทศก็ยังรับรองสิทธิในการศึกษาด้วยเช่นกันดังที่บัญญัติไว้ใน ม.10 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 25525 [3]
“การจัดการศึกษา ต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ”
ผู้ทรงสิทธิตามพรบ.นี้เป็นบุคคล ใครก็ตามที่เป็นมนุษย์ก็ย่อมเป็นผู้ทรงสิทธิตามพรบ.นี้ ไม่ว่าจะมีรัฐมีสัญชาติหรือไม่ก็ตาม ดังนั้น ไม่ว่าน้องนิกจะไร้รัฐไร้สัญชาติหรือไม่ ผู้อำนวยการสถานศึกษาก็ต้องจัดให้น้องนิกได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี โดยให้ครูจัดทำเอกสารแสดงตนให้ ถ้าผู้อำนวยการสถานศึกษาไม่ยอมรับน้องนิกเข้าศึกษา ผู้อำนวยการอาจถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต ตามม.157 ประมวลกฎหมายอาญาได้
ดังนั้น ไม่ว่าคนเข้าเมืองผิดกฎหมายหรือคนต่างด้าวก็ตาม ไม่ว่าจะมีรัฐหรือไม่มีรัฐ มีสัญชาติหรือไม่ก็ตาม เขาก็ต้องได้รับสิทธิในการศึกษาตามที่กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎหมายภายในของประเทศนั้นบัญญัติรับรองไว้ เพื่อให้เขาเหล่านั้นที่ได้ใช้สิทธิต่างๆ ได้พัฒนาคุณภาพชีวิตของตนและครอบครัว และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมหรือบนโลกได้อย่างเท่าเทียม
อ้างอิง
[1] เอื้ออาทร ร่วมคุ้มครองเด็ก (ออนไลน์). http://www.factsforlifethai.cf.mahidol.ac.th/prote... พฤษภาคม 2557)
[2] "ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน." (ออนไลน์). http://www.mfa.go.th/humanrights/images/stories/book.pdf
(สืบค้นวันที่13 พฤษภาคม 2557)
[3] พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2525 (ออนไลน์). http://www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538975427&Ntype=19 (สืบค้นวันที่13 พฤษภาคม 2557)
ไม่มีความเห็น