ขั้นต้นควรให้มีสัมมาทิฏฐิก่อน
ด้วยการค่อย ๆ พิจารณาด้วยใจอย่างใคร่ครวญก่อนว่า
ชีวิตเรา คือ อะไร ? เราเกิดมาทำไม ?
ดังแนวคิดที่เขียนไว้ในบันทึก
.
.
.
.
ดั่งตัวอย่างในคลิปข้างต้น
ด้วยความหลงตนเอง
จึงถูกกิเลส (โลภ โกรธ หลง) นำพาใจ
ยังโชคดีที่สิ่งที่มาขวางทางนั้น เป็น เสาเหล็ก
แต่ถ้าเป็นเพื่อน เป็น ญาติ คงไปกันใหญ่
และโชคดีที่ไม่ได้ติดเครื่องมือหนักมาด้วย เช่น เลื่อย ปีน ยศ ตำแหน่ง ที่มีอำนาจมาก ๆ มาด้วย
คงไปกันใหญ่ หนอ
.
ถ้าเล่นเกมส์ 20 คำถาม
ถามตนเองไปเรื่อย ๆ ประมาณว่า ชีวิตเรา คือ อะไร
เราเกิดมาทำไม ?
เป้าหมายชีวิต หรือ ความสำเร็จของชีวิตที่เราต้องการคืออะไรกันแน่
ถามตอบ ค่อย ๆ พิจารณาไปสักปี สองปี
คงได้คำตอบตามทฤษฎีดังภาพข้างล่างนี้ครับ
.
.
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ Maslow ไม่ได้ศึกษาปกิบัติตามพุทธศาสนา
สิ่งที่เขาศึกษาและนำเสนอมาตลอดชีวิตนั้น
มันเป็นความรู้สูงสุดของเหรียญเพียงด้านเดียว
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้น เขาไม่สามารถเห็นได้
แต่มีบางคนบอกว่า เขาก่อนที่ที่เขาจะเสียชีวิต หนอ
https://www.facebook.com/LeaderQuote/posts/6627565...
.
.
.
ในบทที่ 2 นี้
เมื่อเกิดสัมมาทิฏฐิแล้ว มีศรัทธาเพียงพอแล้ว
คำถามต่อมา คือ เราจะเดินต่อไปอย่างไร เราจะปฏิบัติตนอย่างไร ?
หลายคน จะบอกว่า ต้องทำมาหากิน วันเวลาว่างแทบไม่มี
จะปฏิบัติธรรมได้อย่างไร ?
.
.
.
เมื่อเริ่มเดินบนเส้นทางธรรมแล้ว
ทางธรรม กับ ทางโลก ที่แต่เดิมเราเห็นเป็นคนละทางนั้น
จะเริ่มหันเข้าหากัน จนวันหนึ่งเราจะมีปัญญาเห็นว่า
ทางธรรมกับทางโลกนั้น เป็นทางเดียวกัน หนอ