กิริยามารยาทในสมัยก่อน ดูเหมือนจะเป็นเกราะป้องกันตัวและเป็นเสน่ห์ในตัวไปด้วย..ด้วยเหตุนี้คำว่า มารยาทไทย จึงดูมีความน่ารัก อ่อนหวานในการแสดงออกของคนไทย จนทำให้ชาวต่างชาติชื่นชมว่า งดงาม มีเสน่ห์ เป็นมิตรภาพที่ดีต่อผู้พบเห็น ทั้งนี้ก็มาจากบรรพบุรุษไทยได้แสดงสอน อบรมไว้นั่นเอง
วันนี้ขอพูดถึงกิริยาอันเป็นที่รักของคนทั่วไปที่ผู้ดี ผู้เจริญด้านจิตใจ มีวัฒนธรรม ที่แสดงออกด้วย ๓ ทางคือ กายกรรม วาทกรรรม และจิตกรรม ดังนี้
๑) ทางกายกิริยา ควรแสดงออกดังนี้
-ไม่ควรยืน เมื่อคนอื่นนั่ง ไม่ควรนั่งกับพื้นในเวลาคนอื่นเดินสัญจร
-ไม่ควรไปนั่งแช่นานที่บ้านของคนอื่น
-ไม่ควรทำกิริยาร่าเริง เมื่อคนอื่นเป็นทุกข์ และในทางกลับกัน
-เมื่อต้อนรับแขกไม่ควรทำกิริยาบึกบึนหรือเฉยเมยต่อแขกบ้าน
-รู้จักการแต่งตัวให้สุภาพเมื่ออยู่กับคนอื่น
-ไม่ควรยกมือ ยกเท้า ลุก ยืน บ่อยต่อหน้าแขกด้วยกิริยาหุนหัน
๒) ทางวาทกรรม ที่ควรแสดงออกดังนี้
-ไม่ควรไปตำหนิ ติเตียน สิ่งของที่เจ้าบ้านวางหรือแต่ง ตั้งไว้ด้วยวิสาสะ
-ไม่ควรพูดให้เพื่อน คนอื่นให้เก้อเขิน กระดากจนเกินไป
-ไม่ควรพูดเปรียบเปรยสตรี/บุรุษในที่กลางชุมชน
-ไม่ควรทักด้วยกิริยาร้ายหรือคำไม่ดีจนคนอื่นตกใจ
-ไม่ควรเอาเรื่องน่าอาย น่ากระดากมาเล่าให้แขกฟัง
-ไม่ควรกล่าวเรื่องอัปมงคลในงานมงคล
๓) จิตกรรม ที่ควรแสดงออกดังนี้
-ย่อมรู้จักเกรงใจคนอื่น
-รู้จักรักเด็ก เมตตาคนชราหรือคนที่น่าสงสาร
-ควรเป็นผู้สุภาพอ่อนโยนต่อบุคคลที่เจรจาด้วย
-รู้จักคำว่า อดทน อดกลั้น ในเวลากระทบสิ่งไม่ดีงาม
-รู้จักวางใจ ให้นุ่มนวล นิ่งสงบ น่าเกรงใจ
-น้ำขุ่นอยู่ใน น้ำใสอยู่นอก ยิ้มแย้มแต้มหน้าให้น่ามอง
อย่างไรก็ตาม กิริยามารยาทเหล่านี้ อาจจะดูขัดแย้งกับพฤติกรรมในสังคมสมัยใหม่ก็ตาม..หากนำไปปรับใช้ก็น่าจะเป็นคุณ เป็นประโยชน์ต่อเราได้ ขอเพียงเรารู้ไว้ใส่ใจบ้าง ดีกว่าไม่รู้กิริยาอะไรเลย มิใช่แสดงอย่างไรก็ไม่รู้ เหมือนเด็กยุคใหม่นั่นแหละ พวกเขาคงปฏิบัติต่อมือถือไปหมดแล้ว...ก้มหน้าเคารพ นบนอบตอบสนองกับน้องสมาร์ตโฟนอย่างเดียว..
๒๕/๒/๕๗
-สวัสดีครับ
-สังคมดี...สังคมแบบไทย ๆ .น่าอยู่...
-ขอบคุณครับ