การตรวจสุขภาพ คือการตรวจหาภาวะอันเป็นสุข แต่ที่ผ่านมาเราใช้วิธีตรวจหาปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค (ซึ่งอาจเป็นพฤติกรรม)โดยแนวทางการตรวจสุขภาพประจำปีบุคลากรบำราศฯที่ผ่านมาเราใช้แนวทางผู้ที่มีสิทธิเบิกได้จากกรมบัญชีกลางซึ่งแยกเป็นกลุ่มอายุที่ต่ำกว่า 35 และมากกว่า 35 ปี แต่เราตัดรายการตรวจที่ไม่จำเป็น เช่น BUN, SGOT, ALK ในผู้ที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงออกไป
ซึ่งมีคำถามจากเจ้าหน้าที่บางท่านเรื่องการตรวจคัดกรองภาวะไขมันในเลือดสูง ว่าน่าจะตรวจ LDL มากกว่า total cholesteral และ HDL ซึ่งปกติในรายการตรวจของกลุ่มอายุ>35ปีจะมีตรวจ cholesteral และ triglyceride อยู่แล้ว(ตามเกณฑ์) แต่ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงด้านMetabolic เราให้ตรวจ HDLเพิ่มเนื่องจากเป็นกลุ่มที่เฝ้าระวังอยู่ ส่วน LDL นั้นเราใช้สูตรคำนวน(ไม่ได้ตรวจ) ยกเว้น triglyceride >400 จึงจะตรวจ LDL เพิ่มค่ะ นอกจากนี้ฐานข้อมูล 3 ปีย้อนหลังพบว่ากลุ่มที่มีปัญหาไขมันในเลือดสูงส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำให้ปรับพฤติกรรมการกินและออกกำลังกาย ก่อนเป็นอันดับแรก และนัดตรวจ LDL อีก3-6 เดือนถัดมา หรือถ้ากรณี total cholesteral และ triglyceride สูงมาก ๆก็สามารถตรวจ LDL ได้เลยในช่วงสัปดาห์นั้นโดยไม่ต้องเจ็บตัวเจาะเลือดใหม่เพราะห้องLABจะเก็บเลือดไว้ 1 สัปดาห์ คณะทำงานฯคิดว่าถ้าตรวจคัดกรองปัจจัยเสี่ยง เราน่าจะเลือกนางเอกHDL แต่ถ้าต้องรักษา(โดยการให้ยา) อาจจะต้องดูนางร้ายLDL เพราะเราถูกกำหนดด้วย Unit cost ค่ะ
ติดตามตอนที่แล้วได้ที่ ตรวจสุขภาพประจำปี(3)
ปิ่งใช้มาตรฐานมาเป็นตัวกำหนดก็น่าจะดีค่ะและสามารถอธิบายได้ตามหลักวิชาการ
ตอนนี้นางร้ายของพี่ปิ่งน่าสนใจจริงๆค่ะ..หนูเริ่มซึ้งแล้วว่าบัญญัติสิบประการไม่ใช่เรื่องล้อเล่นตอนนี้กำลังทำโปรแกรมดัดนิสัยนางร้ายช่วยนางเอกของพี่ปิ่งเอ้ย!ของตัวเองอยู่..