ลำไย การราดสารฯ ทางดิน ควบคู่ไปกับการพ่นสารฯ ทางใบ


"ไนเตรท" อาจตกค้างในผลลำไย ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิด "โรคมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร" เนื่องจากไนเตรทจะไปทำปฏิกิริยากับสารอามีน (ซึ่งได้จากการรับประทานอาหารทั่วไป) โดยจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาซึ่งจะเปลี่ยนไปเป็น "ไนไตรท" ซึ่งเป็นสารตัวหนึ่งที่นำพาให้เกิดมะเร็งได้

ลำไย : ชุมชนคนสนใจเรื่องลำไย ถามตอบ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

https://www.facebook.com/groups/www.longankipqew/

หรือ

http://www.gotoknow.org/dashboard/home/#/posts/545415/edit

สาวน้อยใจดี นู๋ยุ้ยแก้มตุ่ย

https://www.facebook.com/profile.php?id=100000397078840


moondo

IP: xxx.4.250.57

เขียนเมื่อ 5 วันที่แล้ว

โอ้..คุณยุ๊ยเข้ามาตอบให้แล้วขอบคุณมากๆครับ

งั้นขอถามต่อครับพอดีจะทำลำไยต่อเป็นปีที่2 (ปีแรกนี้จะเก็บผลผลิตปลายเดือนกุมภานี้ ปีแรกใช้การราดสาร ได้ผลพอใช้เมื่อเทียบกับการลองทำแบบมั่วๆ แต่ราคาสารค่อนข้างแพง)

ผมเลยอยากจะเปลี่ยนมาใช้สารพ่นแทน เลยอยากทราบปริมาณการใช้สารโปรแตสเชี่ยมครอเรตที่ถูกต้อง ต่อน้ำ200ลิตร ว่าควรใช้ปริมาณเท่าไหร่ อย่างไร ควรฉีดพ่นกี่ครั้งครับสำหรับทำลำไยนอกฤดูครับ และอยากรู้ข้อดี ข้อเสียของการใช้สารโปรแตสเซี่ยมครอเรต แบบราดและแบบฉีดพ่น ว่าดีเสียแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ

รบกวนสอบถามเป็นความรู้ให้กับเกษตรกรมือใหม่แบบผมด้วยครับ

ขอบคุณครับ...

Ico48
สาวน้อยใจดี นู๋ยุ้ยแก้มตุ่ย

ประมาณหนึ่งนาทีที่แล้ว

สวัสดีค่ะ คุณ moondo

ลำไยในปีแรกส่วนมากไม่ค่อยมีปัญหา ลูกดก สวย เพราะต้นลำไยสะสมสารอาหารมาไว้นาน เมื่อถึงภาวะที่เหมาะสมตามธรรมชาติ (ลำไยในฤดู) ได้รับอุณหภูมิหนาวเย็นต่อเนื่องยาวนาน ก็สามารถให้ผลผลิตได้ตากธรรมชาติ แต่เมื่อต้องการให้ออกนอกฤดู ก็ต้องใช้วิธีการทรมาณต้นไม้ ด้วยการให้อดน้ำ โดยการทำลายรากฝอย ด้วยวิธีการราดสาร จะทำให้รากไม่สามารถดูดสารขึ้นไปใช้ได้

แต่ในปีที่ 2 ของการทำลำไย ต้นลำไยควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ในเรื่องของการบำรุงต้นลำไยหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตขาย ด้วยธาตุอาหาร หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า "ปุ๋ย" โดยมีปุ๋ยที่จำเป็นดังต่อไปนี้

1. ปุ๋ยอินทรีย์ จะใช้เพื่อเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่สูญเสียไปจากการราดสารโพแทสเซี่ยมคลอเรต (สารราดลำไย) ซึ่งต้วที่เข้าไปทำลายราก หรือรบกวนการดูน้ำ และธาตุอาหารของลำไย คือ "คลอเรต"

ส่วนโพแทสเซียม จะทำหน้าที่ในการนำพาธาตุอาหารขึ้นสู่ปลายยอด และนำพาสารอาหาร หรือสารอินทรีย์ที่ปลายยอดสร้างขึ้น นำกลับไปยังส่วนต่างๆ ของพืช และนำพากรดอมิโนที่สังเคราะห์ที่ปลายยอด ให้กลับไปยังรากด้วย

2. ปุ๋ย 25-7-7 หรือเลือกผสมเองจาก 46-0-0 (่ยูเรีย) + 15-15-15 อัตราส่วน 1:1 ซึ่งจะได้อัตราส่วนแต่ละตัวใกล้เคียงกัน ใช้สำหรับการบำรุงราก ลำต้น และใบ ของลำไย

3. จุลินชีพชีวภาพ สำหรับ การล้างสารพิษตกค้าง ซึ่งสารตกค้างในที่นี้หมายถึง "สารโพแทสเซียมคลอเรต" ที่ใช้ในการราดสารลำไย เนื่องจากฤทธิ์ของสารนี้ จะไปรบกวนการดูดซึมของรากลำไย ทำให้รากลำไยไม่สามารถดูดน้ำ และธาตุอาหารได้โดยสะดวก

4. ปุ๋ยเคมี 8-24-24 ที่จะใช้บำรุงต้นลำไย ในช่วง 1 เดือนสุดท้าย ก่อนการราดสารลำไย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ต้นลำไยมีการสะสมสารอาหาร ให้พร้อมที่จะออกตาดอกในปีถัดๆ ไป

การใช้วิธีัการพ่นสารทางใบ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เกษตรกรนิยมใช้ ทั้งนี้โดยหลักการทางทฤษฎี จะใช้สารเคมีเป็นตัวกระตุ้นให้ส่วนปลายยอดลำไยได้สารอย่างรวดเร็ว และสม่ำเสมอ พร้อมๆ กันทุกๆ ยอด ปุ๋ยที่นิยมใช้ในการพ่นส่วนปลายยอดคือ ปุ๋ย "โพแทสเซียมไนเตรท" (13-0-46)

"ไนเตรท" จะไปกระตุ้นให้ปลายยอดสร้างสารอินทรีย์ ในรูปแบบของ "กรดอมิโน"

"โพแทสเซียม" จะแตกตัว เป็น "โพแทสเซียมไอออน" แลกเปลี่ยนถ่ายเทอิเลคตรอน ซึ่งจะช่วยนำพากรดอมิโนที่สังเคราะห์ได้ กลับลงไปสู่ปลายราก กรดอมิโนจะช่วยกระตุ้นให้รากฝอย แตกรากเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้กระบวนการที่กล่าวไว้ข้างต้น ต้นลำไยสามารถดำเนินการได้แม้จะมีน้ำเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่พืชก็ยังสามารถเขียวสดใสอยู่เหมือนได้รับน้ำ หรือความชื้นตามสภาพปกติ

ข้อดีในการราดสาร

กระตุ้นรากให้ทำการดูสารโพแทสเซียม ไปยังปลายยอด ตามธรรมชาติของการนำพาธาตุอาหารของลำไย

ทำต่อเนื่องมายาวนาน เห็นผลชัดเจน

ข้อเสียของการราดสาร

เปลืองสารที่จะใช้ในการราด

ราคาแพง

ราดไม่เป็น ก็ต้องเสียค่าจ้างราดสาร ซึ่งคิดราคาตามจำนวน ซีซี ซึ่งถือว่าแพงมาก

ข้อดีในการพ่นสาร

การส่งสารโพแทสเซียม ไปยังปลายยอด เป็นการลัดขั้นตอนในกระบวนการทางธรรมชาติของการนำพาธาตุอาหารของลำไย

กิ่งลำไยทุกยอดได้รับสารแน่นอน ซึ่งจะทำให้ทุกๆ ยอด มีโอกาสติดดอกสูง

ประหยัดสารราดลำไย

สามารถพ่นพร้อมการให้ยากำจัดแมลงได้

ข้อเสียของการพ่นสาร

อันตรายต่อตัวผู้พ่นสาร หากไม่สวมหน้ากากสำหรับพ่นสาร โดยเฉพาะโรคในระบบทางเดินหายใจ

ปุ๋ย "โพแทสเซียมไนเตรท" มีราคาแพง เกษตรกรจึงนิยมใช้ "โพแทสเซียมคลอเรต" นำมาละลายน้ำ และนำมาพ่นยอดลำไยแทน

จะมีสารตกค้างอยู่ตามใบ และกิ่งก้าน เป็นจำนวนมาก

"ไนเตรท" อาจตกค้างในผลลำไย ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิด "โรคมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร" เนื่องจากไนเตรทจะไปทำปฏิกิริยากับสารอามีน (ซึ่งได้จากการรับประทานอาหารทั่วไป) โดยจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาซึ่งจะเปลี่ยนไปเป็น "ไนไตรท" ซึ่งเป็นสารตัวหนึ่งที่นำพาให้เกิดมะเร็งได้

อัตราส่วนการผสมเพื่อการพ่นสารทางใบ ให้เกษตรกรใช้โพแทสเซียมคลอเรต หรือโพแทสเซียมไนเตรท เพียง 10-20 % ของน้ำหนักสารที่ใช้สำหรับราดสารลำไยทางดิน เช่นเคยใช้ 30-50 กิโลกรัม/น้ำ 200 ลิตร สำหรับราดสารทางดิน

3 วันต่อมา ให้เกษตรกรใช้สารตัวเีดียวกัน แต่ให้ชั่้งน้ำหนัก เพื่อจะใช้สารเพียง 30-50 กรัม (3-5 ขีด) ผสมน้ำ 20 ลิตร (หรืออัตราส่วน 300-500 กรัม/น้ำ 200 ลิตร) ฉีดพ่นทางใบ หลังจากที่เกษตรกรได้ราดสารทางดินไปแล้ว 3 วัน จากนั้นให้ใช้สารในอัตราส่วนเท่าเดิม เพื่อที่จะทำการฉีดพ่นทางใบอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้พ่นสารทางใบไปแล้วในครัึ้งแรก โดยมีระยะห่างกัน 7 วัน

ข้อควรคำนึง

ควรสวมชุดเสื้อผ้าให้มิดชิด ควรมีหน้ากาก แว่นตา แ่ละสวมถุงมือทุกๆ ครั้งในการพ่นยาทุกประเภท

การพ่นสารต้องเน้นพ่นใต้ใบลำไย เพราะปากใบอยู่ใต้ใบลำไย

การราดสาร และการพ่นสารต้องกระทำในวันฟ้าเปิด มีแสงแดดจัด มีลมพัดเบาๆ พอสมควร จะช่วยให้เกิดการถ่ายเทอากาศได้ดี

และพื้นดินควรชุ่มชื้น แต่ไม่ถึงกับเฉอะแฉะ น้ำท่วมขัง

อย่างไรก็ตาม วิธีการราด และพ่นสารทางใบในอัตราส่วนผสมนี้ จะะต้องใช้ทั้งการราดสารทางดิน และพ่นทางใบ ควบคู่กัน...ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 560882เขียนเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2014 01:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มกราคม 2015 04:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

...บางที..ก็..อยาก..ถามๆๆๆ..ว่า..สิ่งที่ได้มา..นั้นคุ้มหรือเปล่า..กับสิ่งที่ทำไป..."กำไร..คือ..ขาดทุน"..รึเปล่า...อ้ะะ

ตอบคุณยายธี

อันที่จริงถามว่ามีกำไรหรือไม่นั้น กำไรก็คงไ่่ม่มากหรอกค่ะ

แต่ที่ยังทำอยู่นั้น เพราะก่อให้เกิดความสุข เป็นความสุขที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่า "ตนเองยังมีหน้าที่ ที่จะต้องตื่นไปทำสวน ทำไร่ แสดงว่า ตนเองยังมีชีวิตอยู่"...ค่ะ

การทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้แรงงาน แม้ว่างานนั้นจะเหนื่อยมากก็ตามที แต่หลังจากทำงานออกกำลังแล้ว จะรู้สึกผ่อนคลาย มีความสุขหลังจากที่ได้ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน

ทั้งนี้เพราะร่างกายจะหลั่งสารกระตุ้นประสาทบางชนิดออกมา สารตัวนี้จะช่วยกระตุ้นให้ประสาทสั่งการให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ รู้สึกผ่อนคลาย จึงมีความสุขแบบล้าๆ

ยิ่งถ้าหลังจากได้อาบน้ำ และรับประทานอาหารอิ่มๆ ด้วยแล้ว จะนอนหลับสบาย บางคนเขาบอกว่า "การได้ออกกำลังกายแล้ว สบายเหมือนได้เสพยาวิเศษ"...ค่ะ ดังคำกล่าวที่ว่า "กีฬา คือยาวิเศษ"

การทำงาน ก็คงคล้ายๆ การได้เล่นกีฬา....แหละค่ะ

ผู้ใหญ่บางคน ท่านบอกว่า "การที่คนเราได้ตื่นขึ้นมา แล้วออกไปทำงาน ทำสวน หรือทำไร่ หรือแม้แต่จะได้ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ภายในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงวัย จะทำให้ท่านรู้สึกว่า ตนเองนั้น ยังมีคุณค่า มีประโยชน์ต่อครอบครัวอยู่" ทั้งนี้ ก็เป็นความภาคภูมิใจส่วนบุคคล... ในยามสภาพร่างกายโรยรา....ค่ะ

แต่้บางคนก็ับอกว่า ที่ตนเอง รีบๆ ตื่นๆ และออกไปทำงานแต่เช้าทุกๆ วัน นั้น ไม่ใช่เพราะขยันอะไรมากมายหรอก...ค่ะ แต่เป็นเพราะว่า "ไม่อยากอยู่บ้าน ฟังแม่บ้านบ่นทั้งวัน...ค่ะ "มันรำคาญ"

ความเห็นสุดท้ัายนี้ มาจาก คุณพ่อของยุ้ยเอง...ค่ะ 555

เห็นด้วยกับนู๋ยุ้ยแก้มตุ่ย ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ทำสวนเป็นงานอดิเรก วันไหนเป็นวันหยุดก็จะเข้าสวนเป็นประจำ ได้เข้าสวนแล้วรู้สึกผ่อนคลาย สะบายใจ มีความสุข

ชอบปลูกป่า หลายคนถามว่าปลูกทำไม

น่าถามย้อนกลับนะคะ ว่า " แล้วคุณล่ะ ทำไม ไม่ปลูก"

ไม่กล้าถามย้อนกลับด้วยหลายคนปลูกเพราะจะเอาประโยชน์ในระยะเวลาอันใกล้ แต่ที่ปลูกเพราะจะนำไว้ให้ลูกหลาน

เคยเห็นคนที่ปลูกเงาะ ทุเรียน แล้วมอบให้ลูก ลูกทำตายหมด การปลูกป่าปลูกทิ้งไปเลยไม่สนใจ แต่เมื่อต้นไม้ใหญ่ เขาคงเอาประโยชน์ได้

แสดงว่าสารไนเตรทที่มีอยู่ในลำไย มาจากการพ่นปุ๋ยโพแทสเซียมไนเตรท และโพแทสเซียมคลอเรต ใช้ป่าวครับ

ถ้าลำไยเริ่มแทงช่อออกมานิดนึงเราจะพ่นสารทางใบได้มั้ยค่ะ (ไม่รุ้ว่าช่อดอกหรือว่าช่อใบ)ช่วยตอบหน่อยนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท