ครูในศตวรรษที่21


สังคมไทยในอดีตที่ผ่านมา บุคคลที่มีความรู้ มีประสบการณ์ที่ได้จากการสั่งสมตลอดชีวิต จะทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้โดยไม่เน้นการตอบแทนหรือผลประโยชน์ ดังนั้น ผู้ที่ถ่ายทอดให้บุคคลนั้นเรียนว่า "ครู" คือบุคคลที่มีความรู้ ประสบการณ์ ที่ถ่ายทอดในสังคม มีหลากหลายสาขา เช่น ผู้ที่ถ่ายทอดดนตรี ก็จะถูกเรียกว่า "ครูดนตรี" ผู้ที่ถ่ายทอดศิลปะป้องกันตัว ก็จะถูกเรียกว่า "ครูมวย" เป็นต้น ต่อมามีการพัฒนาระบบการศึกษามากขึ้น ทำให้เกิดอาชีพครู มีค่าตอบแทน มีสถานที่ถ่ายทอดความรู้ จึงมีคนนิยมมาประกอบอาชีพนี้มากขึ้น มีสถานที่ฝึกหัดครูเพื่อทำหน้าที่คัดคนที่เก่ง คนดี มาทำการฝึกหัดเพื่อออกไปทำอาชีพครู รูปแบบการคัดเลือกก็คือการคัดคนที่เรียนดีที่สุด ดีที่สุด ต่อมาผู้คนที่ต้องการศึกษาขึ้น จึงมีการออกกฎหมายให้มีการศึกษาภาคบังคับ ดังนั้นจึงมีความต้องการครูมากขึ้นเป็นเงาตามตัว จึงมีการเร่งผลิตครูจำนวนมาก มีนักเรียนที่เลือกเรียนครูและเรียนจบมาแล้วเกินความจำเป็นเป็นจำนวนมากทั้งที่สองแข่งขันบรรจุเข้าทำงานเป็นครูได้ก็มีและสอบไม่ได้ก็มีมาก                                                                                                                                                                                                   

               ดังนั่นครูในศตวรรษที่21ตามความคิดของผมหน้าจะเป็นครูที่มีความสามารถในหลายๆด้านและมีความสามารถที่รอบรู้และทันกับโลกที่มีการพัฒนาและครูในศตวรรษที่21หน้าจะมีการจัดการเรียนการสอนที่มีความชัดเจนมาขึ้นในด้านของITและมีการจัดการเรียนการสอนที่ใหม่ๆมาให้กลับผู้เรียนและมีอีกอย่างหนึงที่อย่ากจะบอกและอย่ากให้เห็นเป็นข้อๆที่ใด้หามาจะผู้ที่ใด้เขียนไวนะครับ

 

                อีก 7  ประการ สำหรับโลกยุคหน้า คือ

1.       ผู้เรียนเป็นผู้จัดการเรื่องการเรียนรู้ของตนเอง

2.       การเรียนรู้จะใช้ระบบเครือข่าย

3.       หลักสูตรจะถูกจัดแยกเป็นประเภท(catalogue curriculum) ผู้เรียนมีโอกาสเลือกเรียนหลักสูตรที่หลากหลายมากขึ้น เช่น สามารถเลือกได้ว่าจะเรียนเต็มเวลาในสถานศึกษาทั้งหลักสูตร(full time) หรือจะเรียนที่บ้านทั้งหมด หรือจะเลือกเรียนที่บ้านและเรียนที่     โรงเรียนบางเวลาก็ได้ (flexi– time schooling plan)

4.       มีแผนการเรียนรู้เป็นรายบุคคล (personal learning plan)

5.       การเรียนรู้จากคอมพิวเตอร์จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

6.       ครูมีบทบาทในฐานะเป็นตัวแทนของการเรียนรู้ (learning agent)

7.       ระบบการประเมินจะหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้วัดเฉพาะความรู้ในแบบทดสอบเท่านั้น เช่น การสอบวิชาดนตรี จะไม่สอบเฉพาะภาคทฤษฎี ผู้เรียนต้องสอบภาคปฏิบัติด้วย เพราะผู้ที่ทำข้อสอบได้หมด อาจจะเล่นดนตรีไม่ได้เลย

 

ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น  รวมทั้งจากผลการวิจัยจำนวนมาก   ในระยะไม่กี่สิบปีมานี้ ทำให้ทุกประเทศตื่นตัว และตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องปฏิรูประบบการเรียนรู้ ในสถานศึกษาทุกระดับ เพื่อให้พลเมืองในประเทศของตนสามารถแข่งขันในเวทีโลก และก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของโลก อย่างไรก็ตาม  ความพยายามในการปฏิรูปการศึกษาจะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลยหากไม่ได้รับความร่วมมือจากครูและผู้บริหารสถานศึกษาโดยผู้บริหารต้องให้การสนับสนุนในทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดการเรียนการสอนส่วนตัวครูเองนั้นก็ต้องเปลี่ยนแปลงบทบาทและต้องเรียนรู้วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ ๆ ด้วย หากครูหรือผู้สอนยังคงใช้วิธีการเดิม ๆ

หรือมีความเชื่อแบบเดิม ๆ ในการสอน ก็จะทำให้นักศึกษาหรือผู้เรียนไม่สามารถปรับตัวได้เมื่อออกจากสถานศึกษาไปแล้วทั้งนี้เนื่องจากโลกอนาคตนั้นจะมีงานที่ท้าทายผู้เรียนเป็นจำนวนมากและยังมีปัญหาอีกมากมายที่ผู้เรียนต้องออกไปค้นหาบูรณาการสังเคราะห์ข้อมูลต่างๆ และมองหาวิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างไปจากเดิม นอกจากนี้ยังต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง  และต้องรู้จักร่วมมือในการทำงานกับผู้อื่น  ซึ่งการที่จะผลิตคนให้มีคุณลักษณะข้างต้น

ได้อย่างครบถ้วน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  ผู้เขียนจึงหวังว่า หลักการต่าง ๆ ที่ได้นำเสนอไปแล้วข้างต้น คงจะช่วยให้ผู้อ่านที่เป็นครูในสถานศึกษาหรือเป็นผู้สอนในสถาบันการศึกษาแต่ละแห่งจะสามารถนำหลักการเหล่านี้ไปปรับใช้ในการพัฒนายุทธศาสตร์การเรียนการสอนของตนเองได้ไม่มากก็น้อย

หมายเลขบันทึก: 560621เขียนเมื่อ 31 มกราคม 2014 01:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 มกราคม 2014 01:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

-สวัสดีครับ

-ตามมาอ่านเรื่องของ"ครู"ครับ

-ครูดี..เป็นตัวอย่างที่ดี...

-ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท