เช้าที่สองในค่ายลูกเสือชุ่มจิตต์ เช้านี้อากาศหนาวมาก มองไปทางไหนก็เห็นแต่หมอกทั้งนั้นเลย ...
เด็ก ๆ ตื่นมาออกกำลังกานแต่เช้าเลย หลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้ว ก็เริ่มภาระกิจแรกของวันนี้ทันที นั่นคือการทำอาหารเช้าของวันนี้ และเหมือนเดิม คือ ต้องนำไปส่งให้วิทยากรชิมเพื่อให้คะแนน
ทำอาหารเสร็จแล้ว ก็นั่งล้อมวงทานอาหารกันดีกว่า ดูซิว่าฝีตัวเองอร่อยแค่ไหน อิอิ (ดูน่ากินเหมือนกันน่ะค่ะเนี่ย)
เอ๊ะ! ลูกเสือกลุ่มนี้หลังจากทำอาหารเสร็จแล้ว ไฟยังเหลือ เมื่อวานลงน้ำรองเท้าเปียกน้ำ (คุ้มค่าจริง ๆ)
ทำอาหารเสร็จแล้ว....หน้าที่ต่อไปก็เป็นของวิทยากรแล้ว ที่ต้องชิมและให้คะแนน
หลังจากลูกเสือ-เนตรนารี ทำอาหารและทานเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการรับความรู้ในช่วงเช้าจาก หน่วยกู้ภัย เทสบาลตำบลเจดีย์แม่ครัว เป็นการให้ความรู้ในเรื่องการปฐมพยาบาล
ความสนุกในช่วงบ่ายกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากที่ลูกเสือ-เนตรนารี ได้รับความรู้ในช่วงเช้ากันแล้ว
ช่วงบ่ายก็เริ่มกิจกรรมเข้าฐานต่าง ๆ กันเลย ฉันและเพื่อนได้ดูแลเด็ก ๆ ในการเข้าฐาน และเป็นฝ่ายบริการน้ำดื่มให้กับวิทยากรในแต่ละฐาน
เมื่อไปถึงแต่ละฐาน ลูกเสือ-เนตรนารีทุกนาย ต้องร้องเพลงประจำหมู่และเต้นประกอบท่าทาง
และเริ่มกิจกรรมในแต่ละฐานทันที ระยะเวลาฐานละ 15-20 นาที
เป็นเนตรนารีแต่ก็ใจสู้มากค่ะ เก่งมากเลย
ทำกิจกรรมมาหลายฐานแล้ว ฐานนี้ลงน้ำแก้ร้อนซักหน่อย ^^ เป็นฐานที่ต้องใช้ความสามัคคีและวางแผนแบ่งหน้าที่กันให้ดี
ถึงจะเป็นเด็กไทยหรือเด็กฝรั่ง ทุกคนก็พร้อมที่จะทำกิจกรรมอย่างเต็มที่ พร้อมลุย พร้อมเละ ไปด้วยกัน ไม่เพียงเท่านี้ ลูกเสือ-เนตร-นารี ที่ลอดผ่านอุโมงค์จะต้องช่วยกันร้องเพลงประจำหมู่ คนกว่าทุกคนในหมู่ของตัวเองจะลอดอุโมงค์ครบ
เมื่อลูกเสือ-เนตรนารี ได้ทำกิจกรรมครบทุกฐานแล้ว วิทยากรก็ปล่อยให้พักผ่อนตามอัธยาศัย และเตรียมทำอาหารในมื้อเย็นของวันนี้ แต่เสียดายที่ฉันไม่ได้ไปเก็บภาพการทำอาหารของลูกเสือ-เนตรนารี เพราะต้องมานั่งทำมาลัยคล้องคอให้กับประธาน และคณาจารย์ที่จะมาร่วมกิจกรรมรองกองไฟในค่ำคืนนี้
และเมื่อตะวันลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเริ่มมืดลงกิจกรรมรอบกองไฟที่เด็ก ๆ ตั้งตารอก็เริ่มขึ้น
เด็ก ๆ โชว์การแสดงที่ได้เตรียมไว้ อย่างเต็มที่.... เด็กทุกคนมีความกล้าแสดงออก และทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้
สำหรับกิจกรรมทั้งหมดในวันนี้
ทุก ๆ กิจกรรม ทุก ๆ ฐาน ที่เด็ก ๆ ร่วมกันปฏิบัติล้วนแต่สร้างความสามัคคี ปรองดอง สร้างสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน ทำให้เด็ก ๆ รู้จักรักและสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
และเมื่อมาถึงคืนที่ 2 ของการอยู่ค่ายกับเด็ก ๆ ทำให้ฉันเริ่มเห็นข้อแตกต่าง ได้และคำตอบที่ฉันสงสัยจากคำพูดของครูพี่เลี้ยงที่เคยได้พูดกับฉันไว้
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในอนาคตไม่ว่าฉันจะได้เป็นครูรัฐบาล หรือครูเอกชน สิ่งที่ฉันจะต้องทำให้ได้ และทำให้ดีที่สุด คือ การอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดีต่อตนเอง ต่อผู้มีพระคุณ ต่อสังคม และนำความรู้ที่ได้รับไปใช้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว
สุภรัตน์ รัตนงาม
28/01/57
...มาให้กำลังใจ ครูใหม่ค่ะ .... กิจกรรมดีมากๆค่ะ