จบศึกมอต้นซะที
19 มกราคม 2557 วันนี้พวกเราไปประชุมผู้ปกครองของนักเรียนมอสาม สาระสำคัญก็ให้น้ำหนักกับการเรียนต่อในโรงเรียนดังหรือจะต่อที่เดิม ซึ่งวันนี้ท่านรองฯ ธีรพงษ์ รับผิดชอบด้านวิชาการเป็นคนกล่าวต้อนรับและได้อธิบายรายละเอียดต่างๆ ของเกณฑ์การผ่านเข้าเรียนมอสี่ที่โรงเรียนเดิมว่าจะต้องอะไรอย่างไรนะ เราฟังเราก็เข้าใจและก็โล่งใจไปนะว่า อ้อ..สามารถเรียนที่เดิมได้นะเจ้าน้องหยก ..ก็ดีใจด้วย
ในส่วนของการปรารถนาจะให้ไปเรียนต่อในโรงเรียนเตรียมอุดมฯที่กรุงเทพฯนั้น เราคงตัดสินใจให้ไปสอบนะ หากสอบไม่ได้ก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย แต่ถ้าสอบได้ก็คงไม่ได้รับอนุญาตให้ไปหรอก เหตุผลตัวชี้ขาดก็คือเรื่องของความอบอุ่นภายในครอบครัวนั่นเอง พิจิตรกับกรุงเทพฯนั้นใช้เวลามากกว่าเดิม 3 เท่าตัว อยู่ที่นครสวรรค์เนี่ยเราเดินทางมาหาใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษๆ ตรงนี้เราสามารถมาหาได้ทุกวันแต่ก็ยังไม่ได้ไปเลย ถ้าเป็นกรุงเทพฯ น่าจะเดือนละครั้งแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ความเสี่ยงในการพราดโอกาสแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างเรียนตลอดระยะเวลา 3 ปี
ช่วงมอสี่ถึงมอหกเรามีเวลาในการเรียนก็ห้าเทอมเอง การเสียเวลาในเรื่องนอกการเรียนนั้นไม่ควรเกิดขึ้น เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเจาะกำแพงมหาวิทยาลัยดีกว่า ใช้เวลาในการค้นหาตัวเองกับอาชีพที่เหมาะสมดีกว่า ครั้งนี้เด็กๆก็เตรียมจะต้องแยกย้ายกันไปเรียนที่อื่นกันแล้ว ทางกลุ่มผู้ปกครองก็ได้จัดพาเที่ยวเชิงอนุรักษ์ขึ้น ผู้ใหญ่ 7 คน เด็กก็ประมาณ 40 คนคือไปกันเกือบทั้งห้องมอสามทับหนึ่งเลยนั้นแหละ เขาไปปลูกป่าชายเลนกันที่จังหวัดสมุทรสงคราม บ้านไม้ชายเลนเด็กๆ เขาได้สนุกกับกีฬาที่ผจญภัย อาทิ พายเรือคายัค , สกี ,โดดหอ, ลุยโคนปลูกป่า,ชมลิง เป็นต้น พวกเขาค้างหนึ่งคืน ตลอดระยะเวลาสองวันก็ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุข สนุกสนาน ผ่อนคลายจากการเคร่งครัดวินัยในการเรียนอย่างหนักที่ทำมาตลอดห้าเทอม วันรุ่งขึ้นก็เดินทางกลับพร้อมกับประสบการณ์อันประทับใจในช่วงมอต้น และเตรียมตัวให้พร้อม สำหรับการสู้ศึกมอปลายต่อไป
ความเห็น (1)
กีฬา พาสุขภาพ กาย สุขภาพจิตใจ สดชื่น นะคะ ขอบคุณค่ะ