ปรัชญาการศึกษาลัทธินิรันตรวาท (Perennialism):
จุดมุ่งหมายการศึกษาของลัทธินิรันตรวาท
เนื่องจากปรัชญาการศึกษาของลัทธินิรันตรวาท (Perennialism) ได้รับอิทธิพลจากนักคิดที่เกี่ยวกับศาสนาก็คือ โทมัส อะไควนัส ดังนั้น แนวคิดหลักของลัทธินิรันตรวาท จึงมีด้วยกันอยู่สองลักษณะคือ
(๑) เป็นเรื่องของการเน้นเหตุผล สติปัญญา ไม่เกี่ยวกับศาสนาโดยตรง
(๒) เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาแต่เป็นในลักษณะที่เรียกว่า ศาสนาเข้ากันได้กับเหตุผล
อย่างที่ โธมัส อะไควนัส เชื่อว่า เราอาจทำให้เหตุผลกับศาสนากลมกลืนกันได้ แต่ก็เชื่อว่าความลี้ลับแห่งศรัทธาบางอย่าง อยู่เหนือการให้เหตุผลจะยึดถือได้
ตามทรรศนะของ โธมัส อะไควนัส เห็นว่าศรัทธาเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความรู้ ที่จะเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้าได้ดีกว่าการให้เหตุผล อย่างที่เคยเป็นมา เพราะเหตุผลไม่สามารถเข้าถึงพุทธิปัญญา หรือ บรรลุสัจธรรมได้ สอดคล้องกับเดกาตซ์ที่ว่า ท่านกำลัง “สถาปนา” มิใช่เพียง “สันนิษฐาน” ความสมเหตุสมผลของศาสนาและศีลธรรมกับวิทยาศาสตร์ เพราะเพียงแต่การให้เหตุผล ก็เท่ากับเป็นการสันนิษฐานตามหลักการเท่านั้น ซึ่งที่สุดแล้วหากขาดเสียซึ่งศรัทธา ก็ไม่สามารถที่จะได้รับสัจธรรมอันแท้จริงได้ เพราะมนุษย์เป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างเท่านั้น
ดังนั้น จุดมุ่งหมายของการศึกษาต้องมีการปลูกฝังศรัทธา ต่อผู้เรียนให้เกิดขึ้นพร้อมกับให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ และมีความจำวิชาการต่างๆ ของคนในสมัยก่อนเป็นการนำพาผู้เรียนไปสู่พรมแดนแห่งความสมบูรณ์หรือมุ่งให้ผู้เรียนเข้าถึงสัจจะ หรือความจริงแท้ ที่ไม่เปลี่ยนแปลง มิได้สอนให้ปรับตัวเข้ากับสังคม เพราะสิ่งที่ผ่านมานั้น ได้ผ่านการค้นคว้าพิสูจน์ มาเป็นอย่างดีแล้ว และธรรมชาติของมนุษย์จะเหมือนกันในทุกแห่งหน ที่จะได้รับอมตแห่งความเป็นนิรันดร เพราะฉะนั้น การศึกษาควรจะเป็นแบบอย่างเดียวกันสำหรับทุกๆ คน
Robert M Hutchins กล่าวว่า “หน้าที่ของคนในสังคมหนึ่งย่อมแตกต่างไปจากอีกสังคมหนึ่ง แต่หน้าที่ของคนในฐานะที่เป็นคนย่อมจะเหมือนกันในทุกๆ วัยและในทุกๆ สังคมในเมื่อหน้าที่ของมนุษย์นั้นก็คือผลที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติของมนุษย์นั่นเองดังนั้นจุดมุ่งหมายของระบบการศึกษาไม่ว่าจะเป็นการศึกษาสำหรับวัยใดหรือในสังคมใดก็ย่อมจะเหมือนกันนั่นคือเพื่อพัฒนาคนให้เป็นคน”
จะเห็นได้ว่า แนวคิดของลัทธินิรันตรวาท เป็นการนำเอาเหตุผลกับศรัทธามาใช้ เพื่อสนับสนุนหลักการทางศาสนาคริสต์ เพื่อให้การเรียนการสอน ให้ผู้เรียนได้บรรลุผลสูงสุด เพราะเชื่อว่าศาสนาได้สอนสิ่งที่ดีไว้แล้ว การศึกษาอย่างอื่นก็ไม่ได้สอนแตกต่างไปจากศาสนา คือมีเป้าหมายสูงสุด เพื่อให้คนอยู่กันอย่างมีความสุข การศึกษาที่เกิดประโยชน์จึงต้องหาทางที่จะช่วยให้ผู้เรียนแต่ละคนปรับตัวให้เข้ากับความจริง มิใช่สอนเพื่อให้คนปรับตัวเข้ากับสังคม ซึ่งการบรรลุความจริงนั้นได้ก็โดยการปฏิบัติตามหลักธรรมทางคริสตศาสนา เพราะการศึกษาของสังคมมิได้ให้ความจริงแก่ชีวิต หรือบรรลุจุดมุ่งหมายของชีวิตอย่างสูงสุดจริงๆ
ด้วยเมตตาธรรม
พระอาจารย์ครับ..........
ตกลง...ปรัชญาการศึกษาของลัทธินิรันตรวาท (Perennialism) ได้รับอิทธิพลจากนักคิดที่เกี่ยวกับศาสนาก็คือ โทมัส อะไควนัส ที่ให้เกณฑ์ไว้....
ในข้อที่ 1 ว่า เป็นเรื่องของการเน้นเหตุผล สติปัญญา ไม่เกี่ยวกับศาสนาโดยตรง....มีการเรื่มใช้แต่ยังมิตรงเป้า.........
ในข้อที่ 2 ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาแต่เป็นในลักษณะที่เรียกว่า ศาสนาเข้ากันได้กับเหตุผล..ขณะเข้ากระบวนการ
ในข้อที่ 3 ว่าเป็นเรื่องการมีศรัทธานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่นำมาซึ่งความรู้ ที่จะเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้าได้ดีกว่าการให้เหตุผล คือความสามารถทางศักยภาพแห่งมนุษย์ ศรัทธาในตนเพื่อการรู้ถึงแก่นปรัชญาลัทธินิรันตรวาท (Perennialism) อันอยู่ในส่วนนิเวศน์แห่งจิตนิยม Idealism การยึดถืออุดมการณ์ อุดมคตินิยม และแม้กระทั่งความเพื้อฝันอันมี Elic von ได้กล่าวถึงธรรมชาติของมนุษย์จะเหมือนกันในทุกแห่งหนในด้านสรีระและที่มา Ethnoecological
เป็นเครื่องประมาณเหตุผล สติปัญญาเล็งเห็นต่อเป้าหมาย
หน้าที่ของคนในสังคมหนึ่งย่อมแตกต่างไปจากอีกสังคมหนึ่ง Robert M Hutchins กล่าวไว้ ...แต่หน้าที่ของคนในฐานะที่เป็นคนย่อมจะเหมือนกันในทุกๆระยะวัยและในทุกๆ สังคมในเมื่อหน้าที่ของมนุษย์...นั้นก็คือผลที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติของมนุษย์นั่นเอง..ดังนั้นจุดมุ่งหมายของระบบการศึกษาไม่ว่าจะเป็นการศึกษาสำหรับวัยใด หรือในสังคมใดก็ย่อมจะเหมือนกันนั่นแหละ แม้ธรรมชาติยังได้สร้างต้นไม้ ลำธาร นุษย์ สัตว์ สรรพสิ่งสาร ไว้อีกด้านโลกแต่อีกด้านโลกนั้นย่อมมีเช่นกัน...เพียงแต่บริบทธรรมชาติได้เคลือบสร้างให้..
เป็นการนำเอาเหตุผลกับศรัทธามาใช้รวมสภาพ.......กลายเป็นความเชื่อมั่น... เป็นทักษะทางปัญญาของลัทธินิรันตรวาท
Perennialism ของหลักการทางศาสนาคริสต์...อันมี ความเมตตตา ความเสียสละ ตวามสามัคคี และความยุติธรรม.......เป็นศูนย์รวมสมาชิกเพื่อให้มนุษย์ชนอยู่กันอย่างมีความสุขโดยมิประสงค์ให้อยู่กับสิ่งชี้นำที่เป็นสังคมนั้นอันมิใช่ความจริง
ผิดถูกอยางไร...ชี้แนะด้วย...ขอบคุณครับพระอาจารย์
อนุโมทนา..ในการติดตาม..(ทุกท่่าน)..
ส่วนตนเห็นว่า สิ่งที่กล่าวถึงอะไรและอย่างไรนั้น อาจเป็นด้วยความคิดส่วนตน ตามความเข้าใจได้
เห็นด้วยว่า สิ่งต่่างนั้นไม่ว่าจะอย่างไร... ความเมตตา เอื้ออ่ารี อย่างปรารถนาอย่างเข้าใจและพยายามเรียนรู้ถึง สิ่งต่าง...ในโลกใบนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่จะนำไปพัฒนาตน...
..ชีวิตบางครั้งดูเหมือนว่า..ตัวของเราย่อมเเสวงหาความสุข สงบ สันติ แก่ตนเอง ด้วย กายกรรม วจีกรรมและมโนกรรม
ส่วนตนเห็นว่า การแบ่งปันความคิด ความเห็น นั้นพยายามจะที่เรียนรู้ดัวยคติดังกล่าว...
กัลยาณมิตรเป็นรุ่งอรุณในการอยู่ร่วมกัน...ด้วย
..
ด้วยเมตตาจิต.