หายเหนื่อย


 

ไม่มีเรื่องอื่นใดในวันนี้ นอกจากกิจกรรม "ปรับพฤติกรรม เปลี่ยนความคิด นำชีวิต พิชิตเบาหวาน"

งานเริ่มเวลา 16.30 น.ค่ะ ป้าประยงค์มาเป็นคนแรกเลย

หลังจากนั้นก็ทยอยกันมาเรื่อยๆ จนถึงเวลาเริ่มงานมีผู้มาเข้าร่วมอยู่ 7 คน

พวกเราใจตุ๊มๆต่อมๆ เพราะว่าถ้าคนมาน้อย กิจกรรมของเราก็อันต้องพับไปหรือทำใหม่ ไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่ควรมากกว่า 20%

สักพักนึง คุณลุงคุณป้าก็เริ่มมามากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้าย ตอนประตูกำลังจะปิด ก็มีจักรยานปั่นเข้ามาอีก 3 คัน

ระหว่างเวลาในกิจกรรมช่วงแรก ก็มีคนทยอยมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ

จนสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 30% ของกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดค่ะ

จากห้องโล่งๆ กลายเป็นอบอุ่นคึกคักไปในถนัดตา ดีใจ :)

ของที่ระลึกสำหรับกิจกรรมในวันนี้ ได้แก่ พัดปิงปอง 7 สี

 

ด้านหน้าจะเป็นระดับน้ำตาลในเลือดเรียงตามกลุ่มสีปิงปอง รวมทั้งวิธีการดูแลตนเองในแต่ละกลุ่มสี

ด้านหลังจะเป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับคนในแต่ละกลุ่มสีปิงปอง นับว่าเป็นประโยชน์มากเลยนะคะ

ใช้พัดแก้ร้อน ใช้ทำตามแก้เบาหวาน ใช้ดูแก้คิดถึง

และมียาสีฟัน/แปรงสีฟันจากกลุ่มงานทันตกรรม รพ.พระปกเกล้า อีกด้วยค่ะ

 

กิจกรรมในวันนี้ เริ่มด้วยกิจกรรมแรกพบ เป็นการปาหี่ ทำฮาๆ เล่นเกม ละลายพฤติกรรม ซึ่งวันนี้ก็สนุกสนานมากทีเดียว

ทุกท่านให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อยากให้ตอบก็ตอบ อยากให้เต้นก็เต้น อยากให้ทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องเก๊ก ไม่ต้องอาย

 

หลังจากนั้น ก็เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับเบาหวาน โดยอ้างอิงจากข้อที่คนตอบผิดบ่อยในแบบสอบถาม

มีการตอบคำถามชิงรางวัล รวมทั้งมีการให้ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรพื้นบ้านด้วย

 

ต่อมา เป็นกิจกรรมนิทานเรื่อง "รถไฟฟ้าเบาหวานนะเธอ"

คือเป็นเรื่องของรถไฟฟ้าที่จะวิ่งผ่านเมือง 4 เมือง คือ เมืองอ่อนหวาน เมืองหวานเกิ๊น เมืองหวานเย็น และเมืองหวานตาหวานใจ

เมืองอ่อนหวาน เป็นเมืองรักสุขภาพ ตาม 3อ 2ส คนในเมืองนี้มีสุขภาพดี จิตแจ่มใส มีแต่ความสงบสุข

เมืองหวานเกิ๊น คนเมืองนี้ยังมีสุขภาพแข็งแรง เลยมักชะล่าใจ กินผิดๆ ไม่ออกกำลังกาย พอร่างกายทรุดโทรมลงก็จะถูกโจมตีได้ง่าย

จากกองทัพเบาหวาน เจ้าเมืองต้องการรักษาเมืองนี้ไว้ จึงต้องอพยพคนไปอยู่อีกเมืองหนึ่ง แต่คนในเมืองนี้ ถ้าดูแลสุขภาพดีๆ

ก็กลับไปอยู่เมืองอ่อนหวานได้ เมืองนี้เปรียบเสมือนกลุ่มเสี่ยง 

เมืองหวานเย็น ชาวเมืองนี้คือผู้ที่อพยพมาจากเมืองหวานเกิ๊น ชาวเมืองสามารถกลับไปบ้านเมืองเดิมของตนได้

หากดูแลสุขภาพของตนได้ดี แต่ชาวเมืองส่วนใหญ่มักนิ่งเฉย เย็นใจ ไม่พยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ

พอร่างกายอ่อนแอมากๆ ก็จะถูกกองทัพเบาหวานจับตัวไปอยู่ในเมืองร้าง

เมืองหวานตาหวานใจ ฟังชื่อดูเหมือนรื่นรมย์ แต่แท้จริงแล้ว ผู้คนในเมืองนี้ต่างระทมทุกข์ หน้าตาอิดโรย เพราะถูกทรมาน

จากกองทัพเบาหวาน บางคนเสียตา บางคนเสียแขนเสียขา บางคนนึกย้อนอยากกลับไปอยู่ในเมืองเดิม แต่ก็ทำไม่ได้อีกต่อไป

อย่างที่เห็น มีนักแสดงจำเป็นมาสวมบทบาทต่างๆได้อย่างเข้มข้น สนุก เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากชาวบ้านได้มากหลายนัก

จากการสังเกตของพิธีกร ตอนเริ่มเข้าเรื่อง คุณป้าคุณลุงยังหน้างงๆ เรียบๆ เฉยๆ

แต่พอเข้าเมืองที่สาม เมืองที่สี่ ทุกคนดูมีส่วนร่วม มีอินเนอร์ มีความเข้าใจเรื่องมากขึ้น

ที่สำคัญ มีรอยยิ้มมุมปากมากขึ้นทุกคนเลยค่ะ

แค่หมอออกมา ป้าก็ฮาแล้ว

 

กิจกรรมต่อมาคือกิจกรรม "ทบทวนตนเอง" กุ้งได้พูดให้ชาวบ้านทบทวนตนเองในใจ อยู่กับตัวเอง รู้จักตัวเองมากขึ้น

ให้พินิจดูว่า อะไรที่เป็นปัญหาพฤติกรรมสุขภาพของเรา ที่อาจทำให้เราไปถึงขั้นมีภาวะแทรกซ้อน

เพิ่มแรงจูงใจทั้งทางบวกและทางลบ ให้ชาวบ้านตระหนักว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรทำอีกต่อไป

เพื่อนำเข้าสู่กิจกรรม "ปณิธานชีวิต" ซึ่งให้คุณลุงคุณป้าคิดปณิธานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ที่อยากทำได้ใน 3 วัน

พอคิดได้แล้ว ก็ให้เขียนใส่กระดาษ ยัดลงในขวดแก้ว อีกสามวันค่อยมาเจอกันใหม่ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกัน

กลุ่มนิสิตแพทย์เอง ก็ต้องตั้งปณิธานของตัวเองด้วย

ทำตัวเสมือนเป็นสมาชิกในกลุ่มของกลุ่มเป้าหมาย

ที่ยากหน่อยคือ ถ้าทำไม่สำเร็จ อาจจะเกิดความอายได้

เพราะฉะนั้น ยังไง ยังไง ก็ต้องสำเร็จให้จงได้

 

จนจบงาน รู้สึกเหมือนความสนิทเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนไม่เคยเต้น บางคนไม่ยอมเต้นในช่วงแรกๆ

แต่พอถึงช่วงท้ายๆของรายการ ทุกคนเหมือนถูกละลายพฤติกรรม ออกมาเต้นกันอย่างสนุกสนาน

รู้สึกสนิทกันมากขึ้นจริงๆนะ เหมือนจัดงานปาร์ตี้ไม่มีผิด แต่เป็นปาร์ตี้ที่ให้กลุ่มได้ข้อคิดดีๆกลับไป

ไม่มีช่วงแป้กเลย ทุกอย่างไหลลื่นไปได้ตลอด ทุกคนช่วยกันทำงานมากๆ ตั้งแต่ตอนเตรียมงานเลย

จนสุดท้าย ระหว่างพลอยกำลัง Cool down,, เฟิร์นบอกว่า พี่คนนึงในงานเดินมาแล้วยกนิ้วให้

"ความรู้สึกตอนนั้น มันน้ำตาจะไหลจริงๆนะ" นางว่ามาอย่างนั้น

แต่ฉันก็เชื่อนะ สำหรับตัวฉันเอง แค่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ระหว่างก่อนและหลังงาน

มันก็ฟินจนไม่รู้จะบรรยายยังไงถูกแล้ว อบอุ่นมากจริงๆ ราบรื่น สนุก ประสบความสำเร็จ

ณ จุดนี้ ไม่มีอะไรจะพูด นอกจากคำว่า "ดีใจ" "ภูมิใจ" และ "หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง"

"Salty canal"

 

หมายเลขบันทึก: 559041เขียนเมื่อ 14 มกราคม 2014 02:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มกราคม 2014 16:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ปลื้มใจ ที่หมอได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์

และได้เรียนรู้ไปกับสิ่งต่างๆที่วนเวียนเข้ามา

ชอบที่นิสิตให้เขียนปณิธานใส่ขวด
โดยตัวเองต้องเขียนด้วยครับ 555

ตอนนำเสนอ

pack ความคิดวิธีการ เรียบเรียงออกมาดีๆนะครับ

เพื่อนจะได้เรียนรู้ รูปแบบนี้ด้วย

พวกเราไม่อยากให้คุณลุงคุณป้ารู้สึกว่าพวกเราเป็นคนควบคุมหรืออยู่เหนือกว่าค่ะ แต่อยากให้รู้สึกว่าเราต้องช่วยกันทำให้สำเร็จ หนูช่วยป้า ป้าก็ต้องช่วยหนูเหมือนกัน (รากแห่งความเท่าเทียมค่ะ) แล้วปณิธานก็ทำให้พวกเราก็ได้เกิดการพัฒนาตนเองด้วยค่ะ :)

พวกเราจะพยายามทำงานให้หนักค่ะ ขอบพระคุณค่ะ อาจารย์ ^__________^

คุณป้าไลน์คุยกับ นสพ. ให้กำลังใจกัน

อืมมมม อาจารย์หมอมุ่ยมีไลน์รึยังคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท