อาหารทะเลชิวๆ 10 ม.ค. 57


หลังจากสัมผัสบรรยากาศการทำงานร่วมกันเป็นทีมระหว่างพวกเรากับพี่ๆอสม.กันไปแล้ว เวลาก็ล่วงลับมาจนถึง 17.30 น. (เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปเร็วจริงๆ) ฟ้าก็เริ่มไร้ซึ่งแสงสีทองผ่องอำไพของพระอาทิตย์ นกก็เริ่มบินกลับรัง และผู้คนเริ่มกลับจากการทำงาน

ณ เวลาที่ล่วงเลยมาขนาดนี้แล้ว ตลาดคงไม่มีของสดให้พวกเราเลือกกลับมาทำอาหารกันแล้ว ดังนั้นพวกเราก็เลยคิดว่าจะออกไปกินข้าวข้างนอกกัน ที่จะไปเป็นร้านอาหารริมทะเลที่พี่เรณูแนะนำ ร้านที่จะไปก็คือ

ร้านอาหารป้าชบาชายหาดแหลมสิงห์นั่นเองครับ เป็นร้านอาหารทะเลอารมณ์ชิวๆ มีลมทะเลพัดมาเย็นสบาย มีริมทะเลให้ไปเดินเล่นกันด้วย พวกเราเลยถ่ายรูปมาหลายรูปเลยให้ผู้อ่านทุกคนได้ชมบรรยากาศกัน นานๆทีจะได้มาเล่นที่ทะเลแบบนี้ที ในช่วงเวลาที่ฟ้ายังพอมีแสงให้เห็นชายหาดและทะเลได้ก็ขอถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆเลยครับ

 

 

(พวกเราจะจดจำความทรงจำดีๆแบบนี้ไว้ในใจตลอดไป)

พออาหารมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ทุกคนก็กรูกันกลับมา ท้องคงร้องดังมากๆเลยสินะครับ หิวกันมากละ lol อาหารเย็นในวันนี้หลักๆก็เป็นอาหารทะเล ไม่ว่าจะเป็นกุ้งทอด หอยจ๊อ ต้มยำกุ้งน้ำข้น ปูนิ่มผัดผงกระหรี่ ทอดมันปลา ปลาทอดสามรส ฯลฯ เอาว่ามื้อนี้อิ่มแน่อ่ะครับ บรรยากาศชิวๆ อาหารอร่อย ลมเย็นสบาย นั่งคุยเพลินๆ เวลาพักผ่อนแบบนี้แหล่ะที่พวกเรายากที่จะสัมผัสได้ เหตุการณ์ที่ประทับใจพวกเรามากในช่วงนี้คือ การที่ผู้ใหญ่บ้านจ่ายค่าอาหารให้เรา!!! O_O!! ตอนแรกก็ไม่คิดว่าผู้ใหญ่จะทำถึงขั้นนี้นะครับ คือรู้ว่าท่านเป็นคนที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีงานของหมู่บ้านอะไรท่านก็มักจะไปเข้าร่วมเสมอ แต่พวกเราที่มาอยู่กันได้แค่ 1 สัปดาห์ มีใจกว้างถึงขั้นจ่ายเงินค่าอาหารให้พวกเราเลย เป็นสิ่งที่พวกเราประทับใจมากและรู้สึกว่าต้องหาอะไรมาตอบแทนท่านซะแล้ว ราคาอาหารมื้อนี้คงไม่ใช่ถูกๆแน่ๆครับ

พอกลับถึงบ้านก็เห็นผู้ใหญ่บ้านนั่งอยู่ที่ศาลาข้างหน้าบ้าน พวกเราก็กล่าวขอบคุณเป็นการใหญ่เลย (ขอบคุณมากๆครับ _/|\_) ท่านบอกว่า “เห็นทำงานกันเหนื่อยเพื่อขุมขนแห่งนี้มาทุกวัน ก็เลยอยากเลี้ยงตอบแทนให้ คราวก่อนที่ไปกิน New ทิวสนถ้ารู้ก็คงจะจ่ายให้เหมือนกัน” เป็นคำพูดที่สร้างความประทับใจแก่พวกเรามากๆเลยครับ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของท่านไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในกระดาษอีกต่อไป เพราะท่านแสดงให้พวกเราได้เห็นแล้ว ไม่แปลกเลยที่ท่านได้รับเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้านประจำหมู่บ้านปากน้ำแหลมสิงห์ครับ เหตุการณ์นี้จะเป็นความประทับใจที่ตราตึงไว้ในใจพวกเราตลอดไป จะนำคุณลักษณะที่ดีของท่านเป็นแบบอย่างไปใช้ในชีวิตประจำวันของพวกเราครับ พวกเราจะต้องตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ของท่านให้สมน้ำสมเนื้อแน่นอนครับ

 

พอกลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำ เก็บข้าวของ แล้วขึ้นห้องมาทำงานต่อ งานในวันนี้จะเป็นงานแบ่งแยกผู้ป่วยออกตาม Stage of change ที่มีอยู่ 5+1 ขั้น คือ เมินเฉย ลังเล เตรียมการ กระทำ คงสภาพ และกลับไปทำใหม่ โดยแบ่งกันทำ 6 คน ที่เหลือก็ทำงานที่คั่งค้างของตัวเองไปเรื่อยๆให้เสร็จ การจัดตาม Stage of change แบบนี้จะช่วยทำให้เราเข้าถึงคนไข้ได้ง่าย และให้กิจกรรมกับพวกเขาได้อย่างเหมาะสม เช่น ถ้าอยู่ในขั้นเมินเฉย ก็อาจทำได้แค่ให้เขาเกิดความตระหนัก ความจริงแค่จะมาร่วมงานก็ไม่รู้ว่าจะมาร่วมหรือเปล่าเลย ส่วนถ้าอยู่ในขั้นเตรียมการหรือกระทำ เราก็แค่ผลักดันพวกเขาเบาๆ ให้เกิดการลงมือจนกลายเป็นการคงสภาพด้วยการให้กำลังใจ ส่งเสริม สนับสนุน และอาจไปถึงขั้นจัดตั้งชมรมเพื่อคนในชุมชนจะได้ช่วยเหลือกันเอง พัฒนาพฤติกรรมสุขภาพในชุมชนให้ดีขึ้น เป็นต้น ทำงานกันหลังสู้ฟ้าหน้าสู้คอมและกระดาษกันเลยทีเดียวครับ =w= เพราะแบบสอบถามคนไข้ที่ทำกันค่อนข้างเยอะ กิจกรรมที่พวกเราจะใส่ให้ที่วางแผนกันไว้น่าจะเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการให้ทบทวนตนเอง และจัดแผนร่วมกันครับ การทบทวนตนเองว่ามีปัจจัยหรือวงจรความเคยชินอะไรที่ทำให้พฤติกรรมสุขภาพของพวกเขาไม่ดีนั้นเป็นก้าวแรกที่จะเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุชภาพให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น พอรับรู้วงจรของตนเองแล้วก็หาแรงจูงใจและจัดทำแผนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดำเนินการตามแผนพร้อมประเมินตนเองไปพร้อมๆกัน พอถึงขั้นนี้ ชุมชนจะมีส่วนร่วมอย่างมากในการทำให้พฤติกรรมใหม่ๆของพวกเขาคงสภาพอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆจนเกิดเป็นพฤติกรรมสุขภาพที่ดี ซึ่งเราจะฝากหน้าที่นี้ในโครงการของพวกเรากับพี่ๆอสม. ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีก็จะดำเนินการจัดตั้งเป็นชมรมเพื่อช่วยเหลือคนไข้ด้วยกันเอง ทำให้สุขภาพของประชาชนในชุมชนนี้ดีขึ้น ดังที่กล่าวมานี้เป็นแผนการที่คิดไว้คร่าวๆของพวกเรา ผลลัพธ์จะออกมาดีหรือไม่นั้นไม่มีใครรู้ อยู่ที่การกระทำ ณ ขณะนั้นของพวกเรา

สำหรับคืนนี้มีเรื่องให้มาเล่าสู่กันฟังเพียงเท่านี้ครับ พรุ่งนี้เป็นวันเด็กแห่งชาติ ถ้ามีเด็กๆมาอ่านใน blog นี้ก็ขอให้มีความสุขในวันเด็กมากๆนะครับ เป็นเด็กดีของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์และเพื่อนๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรง คำขวัญวันเด็กอะไรนั้นผู้เขียนก็จำไม่ได้เลยสักปี รู้แค่วนๆอยู่กับเรื่องเรียนเก่ง เด็กดี มีวินัย มีคุณธรรมอะไรนี่แหล่ะครับ พวกเราเหลือเวลากันไม่มากแล้ว แต่พวกเราจะสู้ไปเรื่อยๆจนกว่าเวลาของพวกเราจะหมดลง อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันนะครับ =w=b
「วันเด็กแห่งชาติจะมีเด็กๆมาวิ่งเล่นแถวบ้านกันมั้ยน้า~」

by Kiba-kun

หมายเลขบันทึก: 558994เขียนเมื่อ 13 มกราคม 2014 13:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มกราคม 2014 14:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ครบ 10 วันแล้ว

เหมือนมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย ได้ทำอะไรไปก็เยอะ

หาช่วงเวลาทบทวนสิ่งที่ได้ทำและได้เรียนรู้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท