อาจารย์ จิรพร สุเมธีประสิทธิ์
ในอดีต ความสำเร็จของการประกอบการต่าง ๆ ที่มุ่งแสวงหากำไร หรือ Bottom Line คือ ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ (Economic Performance) ทำให้กิจการต่าง ๆ สนใจที่ตัวเลขทางบัญชี ให้ความสำคัญกับบัญชีบริหาร เพื่อที่จะบริหารรายการที่เป็นตัวเลขสำคัญในทางบัญชี
แต่เมื่อเกิดแนวคิดใหม่เกี่ยวกับกิจกรรม CSR หรือกิจกรรมที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมของกิจการ ระบบการประเมินผลประกอบการของกิจการจึงเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
คำว่า Bottom Lines ที่ใช้มาก่อนหน้าที่จะเกิดการประเมินผลการดำเนินกิจกรรม CSR หมายถึง ผลกำไรสุทธิ ที่คำนวณจากรายได้หักด้วยรายจ่ายของกิจการที่ปรากฏในบรรทัดสุดท้ายของงบกำไรขาดทุนของกิจการ ซึ่งจะมีผลประกอบการที่ดีเมื่อ
1) ผลตอบแทนทางการเงินจากการลงทุนเป็นบวก
2) การบริหารต้นทุนของเงินทุนให้อยู่ต่ำกว่าเพดานที่ยอมรับได้ ซึ่งจะทำให้กิจการมีกำไรหลังจากรวมต้นทุนทางการเงินกับต้นทุนดำเนินงานแล้ว
3) การบริหารต้นทุนดำเนินงาน ที่ประกอบด้วย ต้นทุนการผลิตหรือต้นทุนขาย ต้นทุนการขาย และต้นทุนการบริหาร
ส่วนคำว่า Triple Bottom Lines หมายถึง เกณฑ์การประเมินผลประกอบกี่ของกิจการที่พิจารณาในมุมมองอย่างกว้าง ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 ส่วน
การพิจารณาผลประกอบการจะนำเอาทั้ง 3 ส่วน มาพิจารณาประกอบกัน ไม่ได้พิจารณาองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งเพียงด้านเดียว
องค์ประกอบที่ 1 |
ผลประกอบการที่เป็นผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ ที่เกิดกับกิจการ ซึ่งรวมทั้งผลประกอบการที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน ที่อยู่ในรายการค้างรับค้างจ่าย แต่สามารถนับมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ได้
|
องค์ประกอบที่ 2 |
ผลประกอบการของกิจการที่ก่อให้เกิดผลตอบแทนหรือประโยชน์ทางสังคม โดยเฉพาะการทำให้ 1) ความเป็นอยู่ของคนที่เป็นอยู่ในปัจจุบันในสังคมดีขึ้น ในส่วนของตัวบุคคลในสังคม ซึ่งบุคคลที่ว่านี้รวมทั้งความเป็นอยู่ของบุคคลที่เป็นพนักงานและลูกจ้างของกิจการเองด้วย 2) สภาพสังคมที่เป็นบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของคนในปัจจุบันในสังคมให้ดีขึ้น 3) สภาพแวดล้อมทางสังคมที่สร้างไว้รอท่าเพื่อหวังว่าจะทำให้คนรุ่นต่อ ๆ ไป (Next Generation) ดีขึ้นและได้ประโยชน์มากขึ้น 4) ภาระค่าใช้จ่ายของคนในสังคมในส่วนที่ต้องจ่ายได้ลดลงไป ซึ่งอาจจะเป็นรายจ่ายจากการกระทำที่สร้างผลทางลบของบุคคลนั้นเอง หรือรายจ่ายที่บุคคลที่ได้รับผลกระทบทางลบต้องมีภาระจ่ายลดลงไป อันเนื่องมาจากการกระทำของบุคคลอื่น |
องค์ประกอบที่ 3 |
ผลประกอบการของกิจการ ที่ไปมีส่วนในการก่อให้เกิดผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ 1) สิ่งแวดล้อมที่เป็นพื้นดิน 2) สิ่งแวดล้อมที่เป็นอากาศ 3) สิ่งแวดล้อมที่เป็นน้ำกินน้ำใช้ 4) สิ่งแวดล้อมที่เป็นพืช สัตว์ในธรรมชาติ 5) สิ่งแวดล้อมที่เป็นภูมิทัศน์ |
ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์
การวัดและแสดงผลประกอบการของกิจการ ที่เป็นผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ตามองค์ประกอบที่สามารถดำเนินการได้ง่ายที่สุด และผลการวัดค่าค่อนข้างถูกต้อง แม่นยำมากที่สุด เพราะมาตรฐานการบัญชีได้พัฒนามารองรับแล้วเป็นส่วนใหญ่
ตั้งแต่ส่วนที่เป็นทรัพยากรหรือปัจจัยนำเข้า ไปถึงเงินสดที่ไหลเข้า-ออกจากกิจการ สินทรัพย์ทางการเงิน สินทรัพย์หมุนเวียนจากการดำเนินงาน และสินทรัพย์ถาวร ตลอดจนหนี้สินแต่ละประเภท
ผลประกอบการของกกิจการทางเศรษฐศาสตร์จึงเน้นทูลค่าที่วัดเป็นตัวเงินได้ และกำหนดสิ่งที่เรียกว่า “Net Worth” ของกิจการ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
ผลตอบแทนทางสังคม
การวัดและแสดงผลประกอบการของกิจการที่เป็นผลตอบแทนทางสังคม จะมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากกว่าการวัดผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ เพราะ
1) ต้องนิยามคำว่าผลตอบแทนทางสังคมให้ชัดเจน
2) ต้องระบุเกณฑ์และวิธีการในการวัดผลตอบแทนทางสังคมที่เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับได้
อย่างไรก็ตาม มีการกำหนดนิยามของผลตอบแทนทางสังคมว่าควรจะครอบคลุมถึง
1) การไม่มีอุบัติเหตุ หรืออันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับบุคลากรภายในกิจการและภายนอกกิจการ
2) การชดเชย เยียวยา ฟื้นฟูสภาพของบุคลากรภายในกิจการ และบุคคลภายนอกกิจการที่ประสบอุบัติเหตุ หรือได้รับอันตรายจากกิจการอย่างเหมาะสม
3) การจัด ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในระหว่างการปฏิบัติงาน และระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว
4) การบูรณาการ ฟื้นฟู ปรับปรุง สภาพแวดล้อมจนมาตรฐานการดำรงชีวิต ความเป็นอยู่ของบุคคลดีขึ้น
5) ความมั่งคั่ง การเพิ่มพูนของทรัพย์สินของบุคลากรในกิการและภายนอกกิจการ
6) ความสุข ความพอใจที่เพิ่มขึ้นของบุคลากรภายในกิจการและภายนอกกิจการ
ผลตอบแทนด้านสิ่งแวดล้อม
เป็นการวัดผลประกอบการของกิจการ ที่พยายามมีส่วนร่วมในการ
1) อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
2) เยียวยา ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
3) ดูแล รักษา ทะนุบำรุงสิ่งแวดล้อม
4) ลดขนาดของผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมจนเป็น 0
การดำเนินการในส่วนนี้ จะเน้นการวัดว่ากิจการได้พิจารณาวงจรการดำเนินกิจการของตนเอง ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างครบถ้วนและครอบคลุม เพื่อดูว่าสินค้าและบริการมีผลต่อสิ่งแวดล้อมในทางลบอย่างไรบ้าง และกิจการได้กิจกรรม CSR ใดบ้างที่เกี่ยวข้อง
การยอมรับการแสดงผลประกอบการของกิจการบนหลักการ Triple Bottom Lines ทำให้กิจการสามารถยืนยันแก่สังคมได้ว่า ปรัชญาและแนวทางการดำเนินงานของกิจการเป็นแบบกว้างขวาง มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบผลที่เกิดขึ้นได้ทั้งในระดับผลตอบแทนทางสังคมและผลตอบแทนด้านสิ่งแวดล้อม
และที่สำคัญ ผลประโยชน์ทางธุรกิจไม่ได้ขัดแย้งแต่อย่างใดกับผลประโยชน์ทางสังคม และผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม และผลประโยชน์ทั้ง 3 ด้านนี้อยู่ในกระบวนการคิดและวางแผนกลยุทธ์ของกิจการทั้งหมด
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่แบ่งปันความรู้เรื่องนี้ไว้ใน go to know ค่ะ ผู้ที่เริ่มศึกษาอ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย นำไปเป็นแนวทางได้ ขอบพระคุณอย่างสูงจริงๆ ค่ะ