ปัญญานิยม หรือ พุทธินิยม (Cognitivism)
ปัญญานิยมอยู่บนฐานของกระบวนการคิดก่อน แสดงพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมที่จะถูกสังเกต สิ่งเหล่านั้น มันก็เป็นเพียงแต่การบ่งชี้ว่าสิ่งนี้ กำลังดำเนินต่อไปในสมองของผู้เรียน เท่านั้น ทักษะใหม่ๆ ที่จะทำ การสะท้อนส่งออกมา กระบวนการประมวลผลข้อมูลสารสนเทศทางปัญญา
- ทฤษฎีเกสตัลท์ 1 การเรียนรู้เกิดจากกระบวนการทางความคิด
2 บุคคลจะเกิดการเรียนรู้จากสิ่งเร้าที่เป็นส่วนรวมได้ดีกว่าส่วนย่อย
3 กาเรียนรู้เกิดขึ้นได้ 2 ลักษณะ - การรับรู้ - การหยั่งเห็น
4 กฏการจัดระเบียบการรับรู้ - กฏการรับรู้ส่วนรวมและส่วนย่อย
- กฏแห่งความคล้ายคลึง
- กฏแห่งความใกล้เคียง
- กฏแห่งความสมบูรณ์
- กฏแห่งความต่อเนื่อง
- บุคคลมักมีความคงที่ในความหมายของสิ่งที่รับรู้ตามความเป็นจริง
- การรับรู้ของบุคคลอาจผิดพลาด บิดเบือน ไปจากความจริงได้
5 การเรียนรู้แบบอย่างเห็น
-ทฤษฎีสนาม (Field Theory ) โดย เคิร์ท เลวิน
1 พฤติกรรมของคนมีพลังและทิศทาง สิ่งที่อยู่ในความสนใจและความต้องการของตนจะมีพลังเป็นบวก ที่นอกเหนือความสนใจจะมีพลังงานเป็นลบ
2 การเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีแรงจูงใจหรือแรงขับที่จะกระทำให้ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ตนต้องการ
- ทฤษฎีเครื่องหมาย (Sign Theory ) โดย ทอลแมน ( Tolman )
1 ในการเรียนรู้ ผู้เรียนมีการคาดหมายรางวัล
2 ขณะที่พยายามจะไปให้ถึงจุดหมายที่ต้องการ ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้เครื่องหมาย และสิ่งอื่น ๆ ที่เป็นเครื่องชี้ทางตามไปด้วย
3 ผู้เรียนมีความสามารถที่จะปรับการเรียนรู้ของตนไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
4 การเรียนรู้ที่เกิดขึ้น บางครั้งจะไม่แสดงออกทันที
-ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของ เพียเจต์
พัฒนาการทางสติปัญญาของบุคคลเป็นไปตามวัยต่าง ๆ เป็นลำดับขั้น ดังนี้
ขั้นประสาทรับรู้และการเคลื่อนไหว (Sensori-Motor Stage)
ขั้นนี้เริ่มตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 2 ปี พฤติกรรมของเด็กในวัยนี้ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวเป็นส่วนใหญ่
ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด (Preoperational Stage) ขั้นนี้เริ่มตั้งแต่อายุ 2-7 ปี แบ่งออกเป็นขั้นย่อยอีก 2 ขั้น คือ
-- ขั้นก่อนเกิดสังกัป (Preconceptual Thought) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็กอายุ 2-4 ปี เป็นช่วงที่เด็กเริ่มมีเหตุผลเบื้องต้น สามารถจะโยงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ หรือมากกว่ามาเป็นเหตุผลเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน
-- ขั้นการคิดแบบญาณหยั่งรู้ นึกออกเองโดยไม่ใช้เหตุผล (Intuitive Thought) เป็นขั้นพัฒนาการของเด็ก อายุ 4-7 ปี ขั้นนี้เด็กจะเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รวมตัวดีขึ้น รู้จักแยกประเภทและแยกชิ้นส่วนของวัตถุ เข้าใจความหมายของจำนวนเลข
--ขั้นปฏิบัติการคิดด้านรูปธรรม (Concrete Operation Stage) ขั้นนี้จะเริ่มจากอายุ 7-11 ปี พัฒนาการทางด้านสติปัญญาและความคิดของเด็กวัยนี้สามารถสร้างกฎเกณฑ์และตั้งเกณฑ์ในการแบ่งสิ่งแวดล้อมออกเป็นหมวดหมู่ได้
--ขั้นปฏิบัติการคิดด้วยนามธรรม (Formal Operational Stage) นี้จะเริ่มจากอายุ 11-15 ปี ในขั้นนี้พัฒนาการทางสติปัญญาและความคิดของเด็กวัยนี้เป็นขั้นสุดยอด คือเด็กในวัยนี้จะเริ่มคิดแบบผู้ใหญ่ ความคิดแบบเด็กจะสิ้นสุดลง เด็กจะสามารถที่จะคิดหาเหตุผลนอกเหนือไปจากข้อมูลที่มีอยู่ สามารถที่จะคิดแบบนักวิทยาศาสตร์
ซึ่งเพียเจต์ ได้ศึกษาไว้เป็นประสบการณ์ สำคัญที่เด็กควรได้รับการส่งเสริม มี 6 ขั้น ได้แก่
1. ขั้นความรู้แตกต่าง (Absolute Differences) เด็กเริ่มรับรู้ในความแตกต่างของสิ่งของที่มองเห็น2. ขั้นรู้สิ่งตรงกันข้าม (Opposition) ขั้นนี้เด็กรู้ว่าของต่างๆ มีลักษณะตรงกันข้ามเป็น
2 ด้าน เช่น มี-ไม่มี หรือ เล็ก-ใหญ่
3. ขั้นรู้หลายระดับ (Discrete Degree) เด็กเริ่มรู้จักคิดสิ่งที่เกี่ยวกับลักษณะที่อยู่ตรงกลางระหว่างปลายสุดสองปลาย เช่น ปานกลาง น้อย
4. ขั้นความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง (Variation) เด็กสามารถเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่น บอกถึงความเจริญเติบโตของต้นไม้
5. ขั้นรู้ผลของการกระทำ (Function) ในขั้นนี้เด็กจะเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลง
6. ขั้นการทดแทนอย่างลงตัว (Exact Compensation) เด็กจะรู้ว่าการกระทำให้ของสิ่งหนึ่งเปลี่ยนแปลงย่อมมีผลต่ออีกสิ่งหนึ่งอย่างทัดเทียมกันภาษาและกระบวนการคิดของเด็กแตกต่างจากผู้ใหญ่กระบวนการทางสติปัญญา
น่าสนใจกว่าระบอบสุขนิยม ที่นักบวชไทย ใส่เข้าในสมองพี่น้อง ลูกหลานไทยเยอะเลย จะตามต่อนะ
นาสนใจกว่า วรรณกรรม บนบอร์ดที่แต่งกันไปตามมายาคติตนเอง. มิได้มุ่งหวังในการใช้บั่นทอนชั่ว บั่นทอนพยากรณ์ ส่งเสริมความดี ฟื้นฟูความดี ความกตัญญู และความจริง
พอพบว่าใครกล่าวเตือน ก็ลบทิ้งเสีย หรือไม่ก็แปรสารที่มีเจตนารมณ์ ตักเตือน ไปเป็นด่าทอ จาบจ้วง ลบหลู่ เสียที่เราพบเห็นกัน