ตระหนก...ใจตก กับข่าวเด็กหาย(ไปจากโลกนี้)


ข่าวเด็กหายน้องการ์ตูนย์เด็กหญิงวัย 6 ขวบที่หายไป เหตุตามข่าวที่ทราบ คือที่พ่อนั้นพาไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน ลูกง่วงเลยพาลูกมานอนที่รถ และกลับไปดูคอนเสิร์ตต่อ กลับมาเด็กหายตัวไป ติดตามและพบว่าเด็กถูกล่อลวงไปกระทำชำเราโดยคนงานสร้างเวทีคอนเสิร์ตนั้นเอง ลูกนั้นเสียชีวิต ด้วยความประมาทของผู้เป็นพ่อ หากใครอยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ต้องไปติดตามอ่านกันเอนะ ค้นดูข่าววันนี้ 16 ธ.ค.56

ขออนุญาติแบ่งปันเรื่องนี้...อันที่จริง ข่าวนี้เป็นข่าวที่ได้ทราบตั้งแต่เมื่อวาน พอได้อ่าน ๆ ความคิดเห็น ได้ฟังความคิดเห็นมา ก็รู้สึกว่าอยากแบ่งปันเรื่องนี้บ้างจริง ๆ จากความคิดเห็นส่วนตัว  เวลาเสพข่าวใด หรือได้รับรู้ข้อมูลอะไร สิ่งที่ตัวเองพยายามจะเตือนตนให้คิดพิจารณาอย่าด่วนสรุปตัดสินใคร บางทีข้อมูลที่เราได้มาอาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ใช้หลักพิจารณาก่อนจะนำมาแบ่งปันเนอะ   ต้องคิดก่อน คือ
1. เรื่องนี้เป็นเรื่องดีหรือไม่ เพราะเราควรเลือกเสพสิ่งดี ๆ เนอะ
2. หากพิจารณาว่าเรื่องนี้ไม่ดี  พิจารณาอีกทีว่าเรื่องนี้มีประโยชน์ไหม
หากเป็นเรื่องไม่ดี แล้วไม่มีประโยชน์ ก็ไม่นำมาส่งต่อเนอะ พิจารณาเห็นแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่ดี แต่มีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นอย่างยิ่ง

ครั้งแรกที่ได้ทราบข่าวว่าเด็กที่หายตัวไปเสียชีวิตโดยสาเหตุใด รู้สึกสลดใจ เศร้าใจ สงสาร เมื่อตระหนกแล้วต้องตระหนัก "จุดตะเกียงดีกว่าด่าความมืด" จำประโยคนี้ได้ไหมค่ะ แม่ดาวพยายามจำใส่ใจเลย มันช่วยเราได้มากจริง ๆ เรื่องที่สลดหดหู่ประมาณนี้ เป็นอุทาหรณ์ให้เตือนตนและคนอื่น ๆ ได้ดี ยิ่งเกิดบ่อย ยิ่งต้องระวัง(ไม่ใช่ระแวงเนอะ) ยิ่งต้องคอยสอนลูก ย้ำเตือนกันเรื่องนี้

ฟังรายการโลมาลัลลา FM 105 เป็นคลื่นสีขาวจริง ๆ นำเสนอเรื่องนี้อย่างไม่ใส่อคติ ไม่คิดแทนใคร ไม่ตัดพ้อต่อว่าผู้ใด จดมาฝากจากใจ อาจเป็นเรื่องที่หลายคนรู้แล้ว รู้แล้ว ทำหรือยัง เหล่านี้ลองถามตัวเองกันเนอะ พร้อมแล้วไปจุดตะเกียงพร้อมกัน

เราควรสอนลูกดังนี้ (แนวทางเนอะ)
1. ไม่รับขนม ของกิน ของเล่น สิ่งของต่าง ๆ จากคนแปลกหน้า อันที่จริงจากคนที่ไม่แปลกหน้า บางรายก็ควรระวังเหมือนกัน อันนี้คงต้องสอนหลักให้เขาพิจารณาสักนิด
2. ต้องขออนุญาติผุ้ปกครองทุกครั้งก่อนจะไปที่ใด
3. เวลาออกไปนอกบ้านควรอยู่ในสายตาพ่อแม่ อยู่ใกล้พ่อแม่ หากเป็นเด็กเล็กผู้ปกครองควรจูงมือเด็กไว้ อย่าปล่อยให้คลาดสายตาเด็ดขาด

สถานที่เสียงที่เด็กมักหาย
1. บ้าน ด้วยเราคิดว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย จึงไว้ใจมากปล่อยให้ลูกวิ่งเล่นได้ตามลำพัง และพวกลักพาตัวเด็ก ก็มักรู้จุดอ่อนของเราเรื่องนี้ น่ากลัวจริง ๆ
2. ห้างสรรพสินค้า จุดที่ควรระวัง ที่พ่อแม่มักเผลอเรอ คือ สวนสนุก บ้านบอล มักปล่อยให้ลูกเล่นเองลำพัง ตัวเองนั่งกดโทรศัพท์ไม่ทันระวัง ไม่ได้ดู บางทีก็ไปซื้อของปล่อยให้ลูกเล่นโดยฝากกับคนดูแลไว้ ข้อนี้โดนมากเลยค่ะ แม่ดาวเองเคยทำด้วย แต่ไม่ได้บ่อย เพราะโดยส่วนตัวจะค่อนข้างเป็นห่วงลูกมาก แต่มีบางทีก็เห็นแก่ความสุขส่วนตัวไปร้านหนังสือใกล้ ๆ แล้วก็กลับมารับ ถึงร้านหนังสือจะอยู่ใกล้กัน จะไม่ทำอีกแล้วค่า กลัว
3. สวนสนุก
4. ตลาดสด
5. งานวัด
6. สวนสาธารณะ
7. งานแสดงสินค้าต่าง ๆ

ฝากไว้ ๆ "จุดตะเกียงดีกว่าด่าความมืด" ดีกว่านะ หรือคิดว่าไงหนอ

***หากดูข่าวจะเห็นเลยว่าพ่อแม่เขาก็สำนึกและรุ้สึกผิดมากแล้วจริง ๆ อยากให้เราเมตตากัน เมตตาธรรมค้ำจุนโลกนะ อย่างน้อยที่สุดก็ค้ำใจเรา ไม่ให้ไฟเผาใจเนอะ

หมายเลขบันทึก: 556605เขียนเมื่อ 16 ธันวาคม 2013 23:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม 2013 23:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

จากการติดตามข่าวที่ผ่านมาสลดใจมากค่ะ และบันทึกนี้ก็มีประโยชน์มากสำหรับพ่อแม่ที่มีลูกในวัยเด็ก แต่เสียดายว่า ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำคงไม่มีโอกาสได้อ่าน

คุณแม่ดีดีเคยสอนลูกดูทีวีไหมคะ ฝากบันทึกนี้ที่ http://www.gotoknow.org/posts/556414 ด้วยนะคะ

ขอบพระคุณอาจารย์แม่ที่เข้ามาให้กำลังใจและแบ่งปันความรู้ค่ะ เสียดายเช่นกัน คิดเหมือนกันว่า อันที่จริงเรื่องราวดี ๆ เหล่านี้น่าจะช่วยกันส่งต่อไปให้ทั่วถึง คนที่จะได้ความรู้เหล่านี้ จากที่ประสบการณ์คุย ๆ ที่พบ ส่วนมากคือ เขาก็มีแนวคิด มีความรู้ดีเป็นพื้นฐาน กลุ่มชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ เขาก็จะมีวิถีชีวิต มีแนวคิดอีกแบบหนึ่ง แต่เชื่อว่ามีหลายรายที่ก็อยากจะรู้ แต่ไม่รู้ และไม่รู้วิธีการที่จะทำให้ตัวเองรู้ ไม่นับประเภทที่ไม่สนใจไม่ใส่ใจเพราะไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องรู้ ส่วนตัวแล้วพยายามแบ่งปันพวกแนวคิด วิธีการที่เรารู้มา หรือใช้แล้วเห็นผล ไปสู่คนใกล้ตัวเท่าที่จะทำได้ไม่นับสังคมออนไลน์ที่พยายามทำ

มีครอบครัวหนึ่ง ที่ช่วยแบ่งปันความรู้ เป็นครอบครัวหาเช้ากินค่ำ เขาเป็นชาวดอยที่ลงมาจากดอยเพื่อมาทำงานในกทม.เดินขายนมยี่ห้อหนึ่งในกทม. เริ่มต้นที่พูดคุยดูเขาจะใส่ใจในวิธีการเลี้ยงลูกมาก เพียงแต่ไม่รู้วิธีการที่เหมาะสม เรามักแบ่งปันวิธีการเลี้ยงดูลูกด้วยกันหากมีโอกาส เราทั้ง 2 นับถือศาสนาต่างกัน แม่ดาวพุทธ เขาคริสต์ ตอนแรกเขาก็ออกจะต่อต้านว่าเราเลี้ยงแนววิถีพุทธ แต่ก็บอกเขาไปว่าไม่ว่าจะศาสนาใด ก็สอนให้คนเป็นคนดีเหมือนกัน วิธีการต่าง ๆที่สอนนั้นไม่ได้ยึดว่าเฉพาะชาวพุทธเท่านั้นถึงจะปฏิบัติได้ จากนั้นเขาก็เริ่มนำไปใช้รู้จักกันตั้งแต่ลูกเขา 3 ขวบปัจจุบันลูกเขา 6 ขวบ เขาก็มาขอบคุณและบอกกับเราว่า วิธีการที่ได้แนะนำไปใช้ได้ผลดี ชีวิตเขาดีขึ้น เครียดน้อยลงจากการเลี้ยงลูก เพราะเมื่อก่อนจะตวาด ดุ ตี ใช้คำพูดแรง ๆ กับลูก อันที่จริงเรื่องนี้เขาต้องขอบคุณตัวเองให้มาก ๆ หากเราถ่ายทอดไป แต่เขาไม่สนใจ ไม่นำไปใช้ก็ไม่เกิดผล

แต่โดยปกติส่วนมากชีวิตส่วนตัวแล้วจะพบปะผู้คนน้อยมากค่ะ ด้วยเป็นแม่บ้านแบบทำทุกอย่างด้วยตนเองหมด จะได้เจอผู้คนจริง ๆ ไม่ใช่สังคมออนไลน์ส่วนใหญ่ก็เป็นการไปส่ง-รับลูกที่โรงเรียน ผู้ปกครองในปัจจุบันรู้สึกต่างไปจากสมัยก่อนจริง ๆ อาจด้วยสังคมเมือง ไม่ค่อยจะสบตามองหน้า พูดคุยกันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ที่เห็นก็นั่งจิ้มจอรอลูก ตัวแม่ดาวเองก็พยายามห่าง ๆ จากจอสี่เหลี่ยม จะเตือนตนว่าใช้เพื่อประโยชน์มากกว่าเพื่อความสุขสนุกสนาน

ยาวเลย ลืมตอบคำถามอาจารย์แม่ ที่ถามเรื่องสอนลูกดูทีวี แม่ดาวเองไม่ขัดข้องในเรื่องการดูทีวีค่ะ ดูได้ แต่ต้องดูเป็น และดูในเวลาที่เหมาะสม สอนลูกไหม เรียกว่าแอบสอนมากกว่า เป็นคุณแม่คนหนึ่งที่ไม่ได้เห็นด้วยกับการให้เด็กเล็กดูทีวี หมายถึงก่อนวัยเข้าเรียน อยากให้เขาเรียนรู้จากสิ่งรอบตัว เรียนรู้จากประสาทสัมผัสที่เขามีให้ครบทุกด้าน แม่ดาวให้ลูกดูทีวีน้อยมาก หากเทียบกับปัจจุบันที่เข้าเรียนแล้ว การดูทีวีของที่บ้านก็มีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้นฮ่าๆๆๆ แต่ก่อนไม่ได้ตระหนักมากเท่าปัจจุบัน ลดการดูทีวีช่องฟรีทีวีปกติ แต่ยังคงดูช่อง thai PBS เพราะเห็นว่าเป็นช่องที่ดีมีความรู้ เห็นด้วยตามที่ได้ตามไปอ่านความคิดเห็นของอาจารย์แม่ โฆษณาจากช่องต่าง ๆ ไม่เหมาะสมกับเด็กเลยค่ะ เป็นสิ่งเร้ากิเลสมากมาย ปัจจุบันอาการอยากได้ของลูกลดลง พองดช่องฮิตเสาร์อาทิตย์ที่ส่วนใหญ่เราให้ลูกดูกัน ลดสิ่งเร้าเนอะ เลี้ยงลูกในสังคมปัจจุบันเหนื่อยค่ะฮ่าๆๆๆ ขอบคุณสังคมออนไลน์ กลุ่มคนดี ๆ ที่มีการแบ่งปันความรู้ให้พ่อแม่อย่างเราได้เก็บเกี่ยวความรู้ไปใช้กัน

เพิ่มเติมนิดนึงค่ะแม่ดาว เคยมีเคสนึงจำไม่ได้ว่าเด็กคนไหน โดนลักพาตัวไปโดยคนร้ายหลอกจะพาไปเที่ยว เด็กบอกจะไปขออนุญาตพ่อแม่ก่อน แต่คนร้ายบอกว่าถ้าขอก็ไม่ได้ไปสิ เด็กจึงไปกับคนร้าย

ส่วนตัวจะสอนลูกให้ปฏิเสธเลย ว่า "ไม่ไปครับ เดี๋ยวแม่พาไปเอง " แล้วเดินหนีมาเลยตัดบท เป็นการปิดโอกาสไม่ให้คนร้ายพูดจาเกลี้ยกล่อมค่ะ บางทีคนร้ายอาจจะบอกว่าแม่ไม่รู้จักหรอก ก็จะสอนลูกว่าถ้าไม่รู้จักเราหาจากแผนที่ได้ครับ พยายามสอนดักทางหมดเลยค่ะ ดูข่าวมากๆแล้วก็มาเครียดเอง T_T

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท