หลากมุมมองกับนันทภพ... -เลียนแบบ...ทางลัดสู่ความสำเร็จ-


หลากมุมมองกับนันทภพ...

 

 

 

-เลียนแบบ...ทางลัดสู่ควาสำเร็จ-


ช่วงเดือนที่ผ่านมาผมครึ้มอกครึ้กใจยังไงไม่รู้ ซื้อหนังสือ HOW TO มาวางไว้ในชั้นหนังสือที่บ้านเกือบ 10 เล่ม ทั้งที่รู้ดีว่าอ่านหนังสือ HOW TO มายี่สิบปีนี่จะรู้ว่าหลายเรื่องก็เขียนซ้ำๆกัน และพอหลังๆ ผมมาเจาะลึกเรื่องวิชาชีพกฎหมายมากขึ้นก็ยิ่งทำให้ห่างไปใหญ่ อีกทั้งหลังๆจะเจาะลึกอะไรที่เป็นวิชาชีพเฉพาะมากขึ้นก็เลยอ่านหนังสือที่เน้นวิธีการหรือกระบวนการเป็นขั้นเป็นตอนมากกว่า
ผมเคยเล่าให้ท่านฟังว่า ผมซื้อหนังสือแปลเป็นไทยชื่อ “กินกบตัวนั้นซ่ะ!” ซึ่งเขียนโดยไบรอัน เทรซี่ ซึ่งตอนแรกก็คิดว่างั้นๆแหละ แต่พอมาปรับนิสัยตัวเองตามหนังสือเล่มนี้ชีวิตก็ดีขึ้นบ้าง ก็เลยมีกำลังใจ เลยซื้อเรื่องอื่นๆมาเพิ่มเติม เช่น NLP ซึ่งผมรู้จักเรื่องนี้มานานแต่ไม่ได้เจาะลึก เพราะคิดว่าหนังสือเล่มใหญ่ๆที่แอนโทนี่ ร๊อบบิ้น เขียน คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการจัดคอร์สฝึกอบรมโดยพาคนลุยไฟเท่านั้นเอง ตอนนี้ผมฟื้นเจาะลึกใหม่หมดครับ เพราะอยากประสบความสำเร็จ...555
ภาษิตไทยบอกว่า “ถ้าจะปรึกษาเรื่องครอบครัว ให้ปรึกษาคนที่มีครอบครัว” อันนี้จริงครับ ผมปรึกษาเรื่องความรักกับเพื่อนที่มีเมียมีลูกแล้วมักจะได้ความลึกซึ้งมากกว่าคนที่ยังโสดหรือ มีแล้วเลิกหรือเลิกแล้วเลิกอีกครับ(ไม่ได้ว่าใครน่ะครับ) เพราะคนที่เขาประคองครอบครัวได้ตลอดรอดฝั่งนี่ คำแนะนำของเขาจะแผงไปด้วยความอดทนและอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเป็นมวยก็เป็นมวยเชิงชกสวยงาม มีรุกมีรับประมาณนั้น ส่วนคำแนะนำประเภทเชิงชกไฟเตอร์ เฮียสั่งลุยนี่ ถ้ายังไม่เลิกกัน ยังไงก็ต้องเลิกครับ เพราะท่านจะกลับไปคิดมาก ระแวง สุดท้ายก็ต้องเลิกกันอยู่ดีครับ แต่เพราะท่านเป็นสาเหตุน่ะไม่ใช่อีกฝ่าย อิ อิ
ร่ายซะยาว จั่วหัวขึ้นมาแบบนี้จะเปรียบเปรยว่าหนังสือ HOW TO ฝรั่งรวมถึงคนไทยเขียนอย่างคุณบัณฑิต อึ่งรังษี นี่จะมีหนึ่งบทที่เหมือนกันและเป็นบทเริ่มคือ “อยากประสบความสำเร็จเหมือนใคร ให้เลียนแบบคนนั้น” ง่ายนิดเดียว ผมจึงเชื่อมเข้าสู่เรื่องครอบครัวไงครับ ถ้าอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น ก็ให้ปรึกษาคนที่มีครอบครัวแล้ว ดังนั้นเรื่องชีวิตส่วนตัวของผมในปัจจุบันผมจึงระวังมากในด้านคำปรึกษาและจะปรึกษาเฉพาะเพื่อนที่มีลูกมีเมียแล้วเท่านั้น เพื่อจะได้เลียนแบบวิธีการหาทางหนีทีไล่แบบพวกมัน คริ คริ 
ประเทศญี่ปุ่นตอนเขาเริ่มฟื้นตัวจากสงครามโลกครั้งที่สองหน่ะ พลเอกแม็คอาเธอร์ได้ระดมนักวิทยาศาสตร์ระดับมันสมองสุดยอดของอเมริกามาร่วมกันสร้างญี่ปุ่นใหม่ โดยถือหลักการที่มั่นคงว่า “อะไรที่ดีที่สุดของอเมริกา ให้ลอกมาใส่ไวที่ญี่ปุ่น” ปัจจุบันคนญี่ปุ่นจึงเลียนแบบเก่งไงครับ เลียนแบบแล้วออกมาดีกว่าจนต้นฉบับอายหน่ะ และปัจจุบันญี่ปุ่นก็เป็นเจ้าโลกเรื่องยานยนต์ท่านว่าไหมไม่เชื่อผม ท่านลองไปค้นดูสิครับ ว่ารถยนต์ฟอร์ดปัจจุบันใครเป็นเข้าของ เชฟโรเลตใครเป็นเจ้าของ
หน่วยรบพิเศษของอเมริกา ปัจจุบันมีวิธีการฝึกภาวะผู้นำ(Leadership) ระดับหัวหน้าหน่วย โดยให้ไปเดินตามผู้บริหารระดับสูงในองค์กรเอกชนเป็นเวลาหลายเดือน ไม่ต้องทำอะไรคอยเดินตามไปไหนไปด้วยและคอยถือกระเป๋าให้เท่านั้น ผลปรากฎว่าภาพรวมในเรื่องภาวะผู้นำของหน่วยรบดีขึ้นมากเลย
ไบรอัน เทรซี่ ปรมาจารย์ด้านการพัฒนาตนเองระดับโลก บอกว่า เขาเป็นคนที่เรียนโง่มาก ชีวิตดักดานเอาดีไม่ได้ อดมือกินมื้ออยู่ตลอดช่วงวัยรุ่น พอดีไปเจอโค้ชดีบอกเขาว่า “ถ้าเธออยากประสบความสำเร็จ ง่ายนิดเดียว หาต้นแบบและเลียนแบบเขาซะ” โอ้โหประโยคนี้ทำให้ไบรอัน เทรซี่กลายเป็น Top Sale และเป็นคนที่ประสบความสำเร็จสูงสุด มาจนตราบเท่าทุกวันนี้
ผมจะเลียนแบบบ้าง..ชีวิตนี้มีคนให้ผมเลียนแบบเยอะแยะ
ผมอยากประสบความสำเร็จเหมือนคุณอนันต์ อัศวโภคิน เมื่อสักปี 45 ผมเป็น Sale ขายบ้านมือสองและตอนนั้นมีการสัมมนาที่ Central ลาดพร้าว และเชิญวิทยากรซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ 5 บริษัทมานั้นด้วยกัน ท่านเอ๋ย ตัวเป็นๆคนพวกนี้ทำไมสง่าราศรีเขาดูผุดผ่อง ออร่าเปล่งประกายเจริศจรัศแสงจัง
คุณอนันต์ บอกว่าความคิดดีๆ มัก “ปิ้งแว๊บ” ขึ้นตอนจิตแจ่มใส ฉะนั้นท่านจะมีวิธีการทำให้มันปิ้งแว๊บคือ การนั่งสมาธิตอนเช้าทุกเช้าและต่อด้วยการอธิษฐานจิตทุกวัน ท่านว่าเพราะการปฏิบัติสมาธิตอนเช้าทุกวันนี่แหละที่ทำให้บริษัทของท่านซึ่งติดหนี้เป็นหมื่นล้านเมื่อปี 2542 กลายเป็นเศรษบีหุ้นอันดับหนึ่งของเมืองไทยในปัจจุบัน ไอเดียดีๆอย่าง บ้านสร้างเสร็จก่อนขาย หรือโฮมโปร ก็ผุดขึ้นหลังปฏิบัติสมาธิ
คิดไม่ออกก็อย่าพึ่งไปคิด หนีจากมันไปสักพัก..ท่านบอก 
เอาหละจากนี้ไป..ผมจะปฏิบัติสมาธิทุกเช้าเสร็จแล้วก็จะออกกำลังกาย คริ คริ
ทนายความหล่ะผมอยากเลียนแบบใคร ต้นแบบผมคือ คุณวิชัย ทองแตงครับ ซึ่งปัจจุบันรวยหุ้นมากกว่าคุณอนันต์ เสียอีก (ไม่ใช่ว่าผมชอบแต่คนรวยๆน่ะครับ) ผมชอบคุณวิชัยท่านทำคดีครับ ท่านบอกว่า ท่านเป็นคนละเอียดถามซอกถามแซกลูกความของตัวเองทุกมุม และศึกษารายละเอียดขั้นตอนข้อกฎหมายอย่างลึกซึ้ง ทำอย่างนี้ทุกคดี ผมก็เลียนแบบบ้าง อย่างเช่นคดีขอแรง (หมายถึงคดีที่ศาลแต่งตั้งทนายความให้กับจำเลยในคดีอาญา) เราจะไม่เห็นหน้าลูกความก่อนศาลจะส่งเพียงสำเนาคำฟ้องและหนังสือขอแรงมาให้
ผมนี่ศึกษาเจาะลึกค้นกฎหมายและคำพิพากษาอย่างเมามัน จนเพื่อนทนายความของผมมันบอกว่า เอ๊ย! จริงจังอะไรมากมาย ถ้าเป็นเรา เราจะคุยกับลูกความก่อนแล้วค่อยมาดูว่าจะไปทางไหน ผมบอกว่า เฮ๊ย! ไม่เป็นไรมันเป็นสไตล์หว๊ะ!
แล้วเราจะเลียนแบบใครและเอาข้อมูลเขามาจากไหน ?
หนังสือ วีดีโอ หัวหน้างาน เจ้านาย พ่อแม่ ฮีโร่ เยอะน่ะ..

เรามาเป็นนักเลียนแบบกันเถอะครับ......

หมายเลขบันทึก: 555547เขียนเมื่อ 6 ธันวาคม 2013 12:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม 2013 12:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท