หลากมุมมองกับนันทภพ - ** กินกบตัวนั้นซะ !**




นานแล้วที่ผมไม่ได้แลกเปลี่ยนอะไรกับทุกท่านด้วยบทความ นอกจากจะแค่สรรหา Quote ดีๆมาแปะหน้าเพจ พอที่จะได้เสริมแง่คิดของทุกท่านบ้างในบางเรื่อง เรียนตามตรงครับ ผมก็ไป copy มาจากหน้า page อื่นๆนั่นและ ซึ่งท่านที่ทำขึ้นมาก็คงได้หวงอะไร มุมมองดีๆ แง่คิดดีๆ ยิ่งแจกยิ่งเพิ่มว่าไหมครับ
ในตอนนี้ก็ขอขอบคุณหลายๆสำนักฝึกอบรมที่ได้ติดต่อขอประวัติของผมไปวางไว้ในทำเนียบขององค์กร ถามว่าได้ทราบประวัติผมมาจากไหน ท่านก็บอกว่าได้มาจาก Facebook นี่แหละ @@@@!!!!!
เอาเป็นว่าท่านที่เข้ามากด Like ใน Fan Page ของผมทุกท่านคือเพื่อนที่ผมมีหน้าที่จะต้องหาอะไรดีๆมาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนมุมองดีกับทุกท่านเสมอ คนน้อยไม่เป็นไรครับผมไม่รีบ เอาเป็นว่าจะน้อยจะมากก็ขอให้ได้รับประโยชน์จากการแบ่งปันกันก็เป็นพอ
เมื่อต้นปี ผมถามตัวเองว่า ถ้าจะเริ่มเขียนหนังสือสักเล่มง่ายๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการพูดในที่ชุมชน หรือหนังสือที่เกี่ยวข้องกับตัวบทกฎหมายต่างๆ เนื่องเพราะสองเรื่องนี้เป็นวิชาชีพของผมอยู่แล้ว ผมจะเขียนหัวข้ออะไรดี และเมื่อวิเคราะห์จากจุดด้อยของตนเองว่ามีจุดไหนที่เราควรจะเน้นหนักปรับปรุงและพัฒนาตนเองไปพลาง เขียนมันไปพลางก็น่าจะเหมาะ เขียนมันออกมาง่ายๆเป็นขั้นป็นตอนได้ด้วย 
ผ่านไปสักเดือนสองเดือน ประมาณนี้แหละครับ คำตอบ...ก็โผล่ เขียนเรื่อง “การจัดลำดับความสำคัญ”..สิด้วยเพราะผมเป็นคนที่ทำอะไรหลายอย่าง แค่วิชาชีพก็โลภมีตั้ง 3 วิชาชีพ คือ ทนายความ วิทยากร ในขณะที่ยังทำงานด้าน HR อยู่และอยู่ในช่วงเริ่มต้นเกือบทุกวิชาชีพด้วย (ส่วนมากทำฟรีครับ ได้ค่าน้ำมันรถก็เอาแล้ว 55555)
ไอ้ความที่อยากทำโน่นทำนี่หลาย อันนั้นก็รักอันนี้ก็ชอบ มันก็เลยสาระวนบางอย่างก็เสร็จบางอย่าง ก็ลวกๆ เฮ้อ..! 
ไปสัมมนาที่ PMAT เมื่อต้นปี ได้ฟังหัวข้อที่ CEO หญิงเก่งของไทคม ศุภจี สุธรรมพันธุ์ (ซึ่งประวัติท่านผมไม่ขอกล่าวในที่นี้ เชื่อว่าท่านคงไปค้นอ่านได้ไม่ยาก) ท่านบอกว่าคติพจน์ หรือ Motto ในการดำรงชีวิตของท่าน คือ Priorities – Focus – Execute แปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือว่า การทำอะไรทุกอย่างต้องเริ่มจัดลำดับความสำคัญก่อน เสร็จแล้วก็ลงลึกกับมัน จากนั้นก็ดำเนินการโดยกระจายให้ทุกคนในองค์กรมีส่วนในการทำงานนี้ นี่เป็นเคล็ดลับของผู้หญิงไทยคนเก่งที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ 
ผมก็เลยปวารณากับตัวเองว่า สาธุ ! ถ้าจะพาชีวิตน้อยๆของตัวเองเดินทางไปไกลจากความเหลวแหลกทั้งหลายของชีวิต (ผมใช้คำว่า –เหลวแหลก- นะครับ ไม่ใช้คำว่า –ล้มเหลว- เพราะคำว่าเหลวแหลกคือการปล่อยปะละเลยชีวิต ไปตามสายลม และไม่ตั้งใจดีกับตัวเองเท่าที่ควร) ก็ขอยืมคำเดียวจากคุณศุภจีมาใช้ก่อน คือ คำว่า “Priorities” คือ การลำดับความสำคัญก่อนหลังนี่แหละ..! 
ก็ศึกษามาเรื่อย ก็ลองมาเรื่อยแหละครับ...
แต่มันเปรี้ยง ! โป๊เชะ..จริงๆ ก็ตอนที่เมื่อต้นเดือนนี้ ผมไปซื้อหนังสือเล่มหนึ่งที่ร้านนายอินทร์ (ซึ่งปกติผมจะซื้อหนังสือไม่ต่ำกว่าเดือนละ 5 เล่มต่อเดือน อยู่แล้ว) ของไบรอัน เทรซี่ ชื่อ “กินกบตัวนั้นซะ!” คำตอบก็คือ หนังสือเล่มนี้เธอมากับคำว่าใช่!
ผมรู้จัก ไบรอัน เทรซี่ จากแผงหนังสือเมื่อ 15 ปีก่อน ก็เป็นชีวิตฝรั่งที่เรียนโง่ๆคนหนึ่ง ทำงานปากกัดตีนถีบลำบากมาก จนพบเคล็ดลับที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยน กลายมาเป็น Top Sale และก็ดังในด้านการเป็นวิทยากร นักเขียนด้านการสร้างแรงบันดาลใจ เดินทางไปบรรยายทั่วโลก
เห็นหนังสือเล่มนี้ทีแรก ก็รู้สึกงั้นๆแหละ หนังสือ Motivate เต็มบ้านแทบไม่มีที่จะเดินอยู่แล้ว แต่พอพลิกอ่าน เออว๊ะ! มันตอบโจทย์การพัฒนาเรื่อง Priorities ให้กับตัวมเองอย่างเต็มเปา! เกินร้อย! ฮูเล ฮูเล ฮ่า ฮ่า ฮูลา ฮูลา เฮ่ เฮ่ 
เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ ผมสาบานได้ว่าผมเคยอ่านและรู้มาหมดแล้ว แต่มันกระจายอยู่ในหนังสือหลายเล่ม มันมีความพิเศษตรงที่ ไบรอัน เทรซี่ เปรียบสิ่งที่เราไม่ชอบ ไม่อยากทำ หรืออะไรก็ได้ที่มีความสำคัญต่อชีวิต ซึ่งคนส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยง ว่าเหมือนกบที่น่าขยะแขยง(ผมสันนิษฐานว่า ฝรั่งคงมองกบที่เป็นอะไรที่น่าเกลียด เหมือนกับคางคกบ้านเราแหละครับ แต่ถ้าเป็นบุรีรัมย์บ้านผม บอกวคำเดียวว่า แซบ!และใช่) ให้ลงมือทำมันก่อนเลย คนส่วนใหญ่ทีไม่ประสบความสำเร็จเพราะพยายามหลีกเลี่ยงในการทำสิ่งทีสำคัญๆ และมุ่งไปทำแต่สิ่งที่ง่ายๆก่อน เอาสบายเข้าว่า
ไบรอัน เทรซี่ สอนผมผ่านหนังสือเล่มนี้ ด้วยวรรคทองที่ว่า “เราไม่สามารถทำทุกเรื่องได้เสร็จ ได้ทันกำหนดเวลา ฉะนั้นเราจะต้องเลือกสิ่งที่สำคัญในชีวิตออกมา แล้วทำมันก่อนเลย” ใช่! ฟันธง
ก็แนะนำให้ไปซื้อหาอ่านกันครับ อ่านง่าย ไบรอัน เทรซี่ ได้ร้อยเรียงเนื้อหาเป็นขั้นไปตอน อ่านได้ไม่ว่าท่านจะจบการศึกษาระดับไหนครับ
ตอนนี้ผมก็ฝึกเรื่องนี้อย่างเข้มข้นกับตัวเองครับ ไม่เครียดเลย และแต่ละเรื่องมันค่อยๆเห็นผลแล้วทำให้เรามีกำลังใจครับ (ยิ้มน้อยๆให้กับตัวเอง ว่าเราเริ่มไปยืนอยู่ฝั่งคนที่เขาประสบความสำเร็จแล้ว อิอิ) ก็ยกตัวอย่างเรื่อง สุขภาพผมครับ ผลตรวจสุขภาพประจำปีสรุปว่า ผมน้ำหนักตัวเกินไปมาก (เพื่อนๆคงพอทราบว่า ผมค่อนข้างมีข้อจำกัดในแนวตั้งครับ ถ้าออกข้างเยอะๆ คงพอจินตนาการได้ว่า ดีเอโก้ มาราน่า ตอนจะแขวนสตั๊ดดีๆนี่เอง) แนะนำให้ผมออกกำลังกายทุกเช้าครับ ตอนนี้ผมเริ่มพาตัวเองออกกำลังกายทุกเช้าแล้วครับ จ๊อกกิ้ง เดาะบอล ชู๊ตบาส รวมถึง สวิงกอล์ฟแบบไม่มีลูกครับ 
เป้าหมายผมไม่มีอะไรมากสิ้นเดือนนี้ขอให้น้ำหนักตัวอยู่ที่ 70 กิโล และมองเห็นตัวเองยิ้มเมื่ออยู่บนตาชั่งพอ...อิอิ
ก็รู้สึกสดชื่นขึ้นครับ กระปี้กระเป่า ความคิดก็แล่นปรื๊ด.............
ส่วนการเขียนบทความนี่ เป็นเรื่องที่ต้องใช้สมาธิและรวบรวมข้อมูลพอสมควร ใช้เวลาพอสมควรอยู่ อย่างบทนี้แต่การเขียนและการเกลาถ้อยคำผมใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงครับ แต่ยังไงผมก็จะเขียนอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปาดาห์ละหนึ่งบทน่าจะดีครับ เพราะการเขียนบทความนี้เป็นงานสำคัญของผม ท่านจะได้ประโยชน์และยิ่งไปกว่านั้น ตัวผมยิ่งได้ประโยชน์จากการค้นคว้าและพัฒนาชีวิตตัวเองไปพร้อมๆกันด้วยครับ

นันทภพ ทองนุ่น

หมายเลขบันทึก: 555546เขียนเมื่อ 6 ธันวาคม 2013 12:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม 2013 12:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เป็นหนังสือที่น่าอ่านมาก

รบกวนใส่คำสำคัญว่า

หนังสือเปลี่ยนชีวิต ครับ

จะได้มารวมกัน ขอบคุณครับ

อ่านสนุกมากค่ะ หมายถึงที่คุณนันทภพ เขียนน่ะคะ

จึงขอส่งเทียบเชิญมาด้วยลิงก์นี้ค่ะ

http://www.gotoknow.org/posts/555473

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท