ฮักนะเชียงยืน


"ถึงเวลาเเล้วหลังจากการพักผ่อนมานานเเรมเดือน"

เเรงบันดาลใจที่ระบายฝัน

        อรุณเบิกฟ้า  พาดผ่านตาให้ชวนเห็น  ลมร้อนเเละลมหนาวสลับสับเปลี่ยนผ่านเป็นฤดูกาลใหม่ เสียงดังสงัดเริ่มขึ้นก้องในหู บ่ง

บอกถึงเวลาที่สมควร  เวลาที่ต้องเข้าอีกสังคมหนึ่งที่สำคัญ "ถึงเวลาเเล้วหลังจากการพักผ่อนมานานเเรมเดือน" ชายคนหนึ่งพูดกับ

ตนเองด้วยถ้อยคำง่ายๆเเล้วลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อเตรียมเดินทางไปโรงเรียนโดยรถรับจ้างรายเดือน ขมุกขมัวอยู่ในการทำภารกิจส่วน

ตัวก่อนไปโรงเรียนอยู่ครู่ใหญ่ๆ อยู่ในกาลเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว "สายเเล้วหรือนี่" เขาหันมามองดูนาฬิกาอยู่ครู่หนึ่งเเล้วรีบ

จัดของเพื่อไปโรงเรียนโดยรถยนต์รับจ้างประจำเดือน  พอเดินทางมาถึงรถยนต์ที่นั่ง ก็ถูกรายรอบไปด้วยสายตาที่เป็นอวัจนภาษาที่

สื่อสารได้ชัดเจน ที่สื่อสารออกมาว่า "เขามาสาย" หลังจากนั้นจึงขึ้นรถเเล้วออกเดินทางสู่โรงเรียน "วันนี้เป็นวันลงทะเบียนเรียนเป็น

ครั้งเเรก เเล้ววันนี้เราจะได้ขึ้นชั้นม.๔อย่างเต็มตัว เราจะได้ขึ้นม.ปลายเเล้วนะ" เขาบอกกับตนเอง "วันนี้ได้อยู่ห้องใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ

จะมีใครบ้างนะ" ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ! หลังจากนั้นสักพักหนึ่งก็ได้ยินได้เห็น เพื่อนกลุ่มหนึ่งในชุมชนเเห่งหนึ่งเขาได้พูดคุยกันในเรื่อง

ของการทำงานเมื่อช่วงดึกดื่นในยามวิกาล ได้ยินเสียงเขาพูดล้อกันเล่นๆว่า "เมื่อคืนนี้ฉันไปเซิงเเตง   ฉันก็เซิงเเตงเหมือนกันๆ ฉันก็

เซิงๆ ฮา..ฮา" ทำให้เขาเริ่มนึกสงสัยว่าคำว่า "เซิงเเตง" ที่เขาพูดถึงกันนั้นมันคืออะไรกัน เเล้วมันเป็นอย่างไร เเล้วทำไมต้องทำใน

ยามวิกาลเช่นนั้น... สักพักหนึ่งของช่วงวันเขาบางคนในกลุ่มเพื่อนในชุมชนนั้น เริ่มมีอาการหาวเเละง่วงนอน  ทำให้ของสังเกตุลึก

เข้าไปอีกโดยสรุปในความคิดตนเองได้ว่า ทำงานในยามวิกาลทำให้เขาง่วงนอนไปตามๆกัน หลังจากนั้นเขาสอบถามเพื่อนๆว่า "เซิง

เเตง" มันคืออะไร เพื่อนคนหนึ่งตอบเขาว่า "เซิงเเตงเป็นการผสมพันธ์เเตงไง ที่เขามักผสมในช่วงเวลากลางคืน  เเล้วเขาทำอย่างนี้มา

นานเเล้วตั้งเเต่ฉันเห็นอยู่ม.1โน้น ได้เงินดีนะ" หลังจากที่ได้ฟังเพื่อนตอบคำถามเช่นนั้นทำให้เขาครุ่นคิดอย่างในใจอยู่พักใหญ่ ว่านั่น

เป็นโอกาสที่เขาได้รับหรือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นของพวกเขา ครุ่นคิดอยู่นานเเสนนานอยู่ลำพัง.... หลังจากนั้นไม่นานครูผู้เป็นดั่งคนที่

มากล้นด้วยกิจกรรมก็บอกให้เพื่อนคนหนึ่งมาชักชวนผมเเล้วผมก็ชักชวนกลุ่มเพื่อนของตนเอง เเล้วเดินทางไปเป็นกลุ่มเล็กซึ่งตอนนั้น

ประมาณ 9 คน พอมาถึงครูพูดว่า มีโครงการดีดีที่อยากนำเสนอที่เป็นโครงการในระดับประเทศโดยมูลนิธิกองทุนไทยได้จัดขึ้นเพื่ออนุ

รักษ์สิ่งเเวดล้อม หลังจากนั้นคุยกันในกลุ่มอยู่ครู่หนึ่งว่าปัญหาในชุมชนเราที่เป็นปัญหาสิ่งเเวดล้อมนั้นมีอะไรบ้าง จึงสรุปรวมกันได้ว่า

"ให้ทุกคนไปมองชุมชนของตนเองที่เป็นปัญหาสิ่งเเวดล้อม เเล้วมาคุยกันอีกครั้งหนึ่งตามนัดหมาย" ด้วยเขาเองเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง

สักเท่าไหร่ในเรื่องของการจัดทำโครงการเเละไม่รู้จริงๆว่าโครงการนั้นจะเดินไปอย่างไร เพียงรู้ในระดับเบื้องต้นก็เท่านั้น  ซึ่งตอนนั้น

สิ่งที่เขารู้ดี คือ โครงงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ LLEN มหาสารคาม  เขาชอบโครงงานประดิษฐิ์เป็นชีวิตจิตใจเเต่เขามีพื้นฐานน้อยมาก

ในเรื่องของงานการประดิษฐิ์ครั้งใดใด ก็ได้เพียงจินตนาการในทางของตนเองเเล้วหาข้อมูลเองจากอินเตอร์เน็ต  

         ตอนนั้นเขาก็นึกสงสัยอยู่ว่าสิ่งที่เป็นประเด็นปัญหาในชุมชนนั้มีอะไรบ้างโดยที่ปัญหาสิ่งเเวดล้อมอาจจำเเนกได้เป็น ดิน  น้ำ  

ป่า  อากาศ  ขยะ ฯ เขาคิดเขาจินตนาการไปว่า "ในเมืองที่มีความวุ่ยวายมีรถรามากมายที่คับคั่งไปด้วยฝุ่นละออง" ถ้าเราสามารถหยุด

ควันท่อไปเสียนั้นได้ไหมหนอ  ที่จะสามารถช่วยลดมลพิษในอากาศลงเเล้วเขายังจินตนาการไปถึงว่าเราจะสามารถสร้างเครื่องบำบัด

อากาศขนาดใหญ่ได้ไหมหนอ ด้วยการประยุกต์การทำงานของเเอร์ปรับอากาศมาปรับเครื่องใหม่เพื่อบำบัดอากาศโดยเฉพาะ "เเต่ถ้า

เราจะทำจริงๆเเล้วเครื่องใหญ่ขนาดนั้นเราคงไม่สามารถทำได้ เเต่จะทำได้เพียงเครื่องกรองมลพิษที่ติดอยู่กับท่อไอเสียในรถยนต์ต่างๆ

โดยเป็นท่อกรองคาร์บอนมอนอกไซด์ออกให้มากที่สุดก่อนที่เข้าเข้าไปสู่อากาศในชุมชน" เหตุที่เขาคิดเช่นนี้อาจเพราะเขาเป็นคนชอบ

ฝันชอบจินตนาการ เป็นคนที่ยึดติดอยู่ในโครงงานประดิษฐิ์ที่เขาได้ทำมาก่อนหน้านั้น... พอถึงเวลากำหนดทุกๆคนมีประเด็นมีเรื่อง

ปัญหาในชุมชนที่จะมาคุยกัน คงจะมีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่มีประเด็นที่ได้พูดคุย เพราะตอนนั้นเขารู้สึกกลัวนิดๆไปเองว่า ถ้าได้พูด

ประเด็นนี้ไปก็ไม่ทำให้เกิดอะไรขึ้น จากที่ระดมสมองพูดคุยกันของเเต่ละคนมีหลายหัวข้อหลายเรื่องราวด้วยกัน อาทิ  น้ำท่วมขัง  ยา

เสพติด  ชุมชนไม่มีท่อระบายน้ำ  ขยะในโรงเรียน ฯ เเละปัญหาอื่นๆ ทำให้สรุปรวมได้ว่าสิ่งที่น่าสนใจ คือ ปัญหาน้ำท่วมขังในชุมชนที่

เราทุกคนจะมาเเก้ไขไปด้วยกันเเล้วเริ่มลงพื้นที่จริงสำรวจดูสภาพพื้นที่ที่เกิดบริเวณน้ำท่วมขังเเล้วเก็บข้อมูลอย่างเข้าใจง่าย เเละมีวีธี

การเเก้ไขบำบัดน้ำเสียที่คุยกันอยู่พักใหญ่เลยทีเดียว ต่อจากนั้นมีการเขียนเค้าโครงงานซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่เขานี้สามารถทำได้ในระดับ

เด็กๆ ในครั้งนั้นเขาเเละเพื่อนๆประมาณ 6 คนนั่งเขียนเค้าโครงงานส่งทางมูลนิธิให้ทันเวลาจนถึงประมาณ 5 ทุ่มเศษๆ เสร็จเเละส่งได้

ทันเวลาพอดีกับเวลาที่เขจะปิดรับโครงการ "ยิ่งเร่งทำในตทนดึงสมองยิ่งล้าทำให้เชื่องช้าเเละยาวนาน" เเต่ก็ส่งได้ทันตามที่กำหนด

"อย่างพอดี" หลังจากนั้นเพียงไม่นาน การประกาศผลก็เริ่มขึ้นเขาเเละเพื่อนๆของเขาทุกๆคน "ลุ้น อย่างตื่นเต้นในผลการประกาศ"

เมื่อประกาศผลออกมาเเล้วปรากฏว่า ได้เข้ารอบ เเล้วเตรียมเข้างานการพัฒนาโครงการในรอบต่อไป เพื่อนๆทุกคนต่างเเสดงท่าท่างดี

ใจกันยกใหญ่ว่ากลุ่มที่ตนเองได้ส่งเข้าไปนั้นผ่านเเล้ว เพราะเมื่อได้ทำ เขาได้ลงมือเองได้ทำเอง ซึ่งตอนนั้นครูกำลังนอนเล่นอยู่บ้าน

อย่างเย็นสบายโดยให้เด็กลงลุยด้วยตนเอง เมื่อผลออกมาเขาจึงดีใจอย่างบ่งบอกอะไรไม่ถูก  เเล้วเมื่อผลนั้นออกมาครูจึงให้มีการ

เลี้ยงฉลองเพื่อดึงใจให้เข้ามาอยู่ในงานมากที่ยิ่งขึ้นโดยใช้ เนื้อย่างเป็นเครื่องมือ ในการดึงใจให้เริ่มเห็น เริ่มเข้ามามีส่วนร่วม เเล้

วอาศัยโอกาสเช่นนี้คุยงานกันไปพลางๆเรื่อย ๆ .... จนดึกดื่นค่ำเคืนเเล้วทุกคนเดินทางกลับบ้านเข้านอนอย่างปิติใจ...

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 555422เขียนเมื่อ 5 ธันวาคม 2013 08:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม 2013 15:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

..... มีความสุขด้วยนะคะ ขอบคุณบันทึกดีดีนี้ค่ะ.....

บันทึกของน้องมีความต่อเนื่องน่าสนใจ ขอบคุณมากครับผม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท