ครูเปิดทาง “มรรค”
ทบทวนทั้งวันจัดว่า
ตอนเช้าได้วิ่งได้ทำวัตร ลงนั่งสมาธิ ตอนไปวิ่งมีเรื่องขำ ๆ เรื่องสุนัขมับก้น มันก็เป็นอะไรที่ แปลกดี
วิ่ง ๆ แล้วก็วิ่งมาเห่าใกล้ ๆ ใจข้างในก็นิ่ง ๆ อยู่ท่องพุทโธ
เห็นหมาวิ่งไล่ก็เลยหยุด แล้วเดิน เหมือนหมางง “หยุดทำไม”
ตอนแรกเหมือนมันทดสอบงับขา แต่ก็โดนกางเกง
เห่าสักพักเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ก้น
มับโดนเนื้อผ้าฟันสัมผัสเนื้อก้นไปหน่อยแต่ไม่ได้เจาะเข้าจนเป็นแผล
แล้วก็เหมือนมันอ้าวปากเห่าก็เลยหลุดจากปากของมันเพราะหมางง
ก็ยังคงเห่าแต่ไม่กัดไม่งับจัดว่าพอได้กับตนเอง เพราะพอวนมาอีกรอบมันก็แค่เห่าแต่ไม่วิ่งออกมางับแล้ว ก็แปลกดี
ระลึกถึงเรื่องเล่าของครูที่เคยเขียนและเล่าไว้ เหมือนดึงบทเรียนเก่าที่ครูเขียนไว้มาปรับใช้กับตนเอง
นิ่ง ไม่ส่งใจไปโกรธ หรือ ไล่ ทำอะไรก็จงทำอยู่ ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นอะไรที่อยู่กับ พุทโธ
แล้วควบคุมใจไม่ไปเพ่งที่มัน ดึงใจไว้ที่พุทโธ
เพราะตอนนั้นมีความคิดว่า
“ถ้าส่งใจไปเพ่งที่หมา มันจะรู้สึกได้ มันจะคิดว่า เราจะทำร้าย จะไปกระตุ้นให้มัน บ้าคลั่งแล้วกัดได้”
ลึกลงไปมันก็กลัวค่ะ ก็แค่นึกถึงครูบาอาจารย์ที่ท่านเคยทำแล้วเอามาลองทำดู ก็พอรอดมาได้ แบบหวุดหวิด
วันนี้ตามครูไปทำงาน ได้เห็นตนเองและผู้ร่วมประชุม สนุกที่ได้เรียนรู้กับครู
หนูรู้ว่า “ครูไม่สบาย แต่อดทน”
เพราะเห็นครูเช็ดน้ำมูกในช่วงพัก แต่ปัญญาก็มีน้อยที่จะอะไร ๆ ดันลืมหยิบกระบอกน้ำครูมาซะนี่
ตกเย็นกลับมา อัพโหลดงาน ตามข่าว แล้วค่อยไปวิ่ง
ครูเมตตาโทรหา แล้วครูก็ให้ปัจจัยมาซื้อของ
กลับจากห้องครู เห็นตนเอง ทำไมหนูไม่ไหว้ ทำไมใจไม่อ่อนน้อม มันโผล่ออกมาทางกายชัดเจน
น่าเวทนา แต่จริง ครูให้โอกาสให้เวลาในการเตรียมตัวทำงานเต็มที่ การทำงานกับครู เป็นการเปิดโอกาสให้หนูได้ใช้ชีวิตในองค์ของ มรรค 8 ได้ครบบริบูรณ์
หนูเข้าใจแล้วว่า ที่ผ่านๆ มา ก็ตัวหนูเองที่กดถ่วง ไม่ยอมทำ ทั้ง ๆ ที่ ครูเปิดทางช่วยเหลือ
วันนี้ข้อวัตรดีขึ้น ใจดีขึ้น สบายขึ้น แต่ก็ยังส่งบันทึกขึ้นช้า
เหมือนค่อย ๆ ขยับตนเองเข้าสู่กรอบที่วางไว้ กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
ลานไร้ใบรวก
ลาน..รวกไร้รอยร่น โรยริน
ไร้..ใบบ่โบยบิน บอกเบื้อง
ใบ..กวาดกำเกินการ ก่อกับ กำกร
รวก..รองเร้นรอยร่าง โรยร่น ไร้รอย