สถานการณ์ปัญหาการเข้าถึงและใช้สิทธิในสถานะบุคคลกลุ่มสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอาเซียนที่มีจุดเกาะเกี่ยวกับรัฐไทย
กรณีศึกษาที่ 5 กรณีนาย ก. (นามสมมติ)[1]
นาย ก. เป็นแรงงานต่างด้าวสามสัญชาติ (พม่า กัมพูชาและลาว) ที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติกับประเทศต้นทาง โดยประเทศต้นทางได้ออกหนังสือเดินทางชั่วคราว (Temporary Passport) เพื่อแสดงตนในฐานะพลเมืองของประเทศต้นทาง และได้ใช้ TP เป็นเอกสารในการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในฐานะคนเข้าเมืองโดยถูกกฎหมาย รวมถึงใช้ TP เป็นหลักฐานในการยื่นขอรับใบอนุญาตทำงานเพื่อเปลี่ยนสถานเป็นแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกกฎหมายแล้ว
ภายใต้มาตรา 38 แห่งพ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 นาย ก. ย่อมมีสิทธิที่จะขอเพิ่มชื่อเข้าในทะเบียนราษฎรประเภทต่างด้าว (ท.ร.13) ของประเทศไทย ซึ่งภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลแล้ว นายก. ย่อมมีสถานะเป็นราษฎรในประเทศไทย หรือมีรัฐไทยเป็นเจ้าของตัวบุคคลด้วย
อย่างไรก็ดี นาย ก. รวมถึงเพื่อนๆ และแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าอีกจำนวนไม่น้อยไม่สนใจถึงช่องทางการมีชื่อในทะเบียนราษฎรของประเทศไทย อาจด้วยเพราะไม่เห็นความสำคัญ อย่างไรก็ดี ล่าสุด นายก. เริ่มประสบปัญหาในการเข้าถึงสิทธิด้านอื่นๆ ในประเทศไทย (ดูหัวข้อที่ 5 สิทธิในเสรีภาพที่จะเคลื่อนไหว เดินทาง)
ประเด็นปัญหา หากนาย ก. ต้องการดำเนินการเพิ่มชื่อตนเข้าในทะเบียนราษฎรประเภท ท.ร.13 นาย ก. จะต้องดำเนินการโดยอ้างถึงความเป็นผู้ทรงสิทธิแล้วนั้น นาย ก.จะต้องดำเนินการอย่างไร
กรณีศึกษาที่ 18 นาย ก. (นามสมมติ) นี้ เป็นกรณีตัวแทนของปัญหาการพัฒนาสิทธิที่จะได้รับการบันทึกตัวบุคคลในทะเบียนราษฎร
[1]เป็นกรณีศึกษาในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตากที่ผู้ศึกษาวิจัยวิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีส่วนร่วมในการทำงาน ร่วมกับเครือข่ายแรงงานข้ามชาติ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2556
ไม่มีความเห็น