ปรัชญาชีวิตจากวรรณกรรมเรื่องวอลเดน


วอลเดนเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของเฮนรี่ เดวิด ธอโรว์ นักปรัชญาสำนักธรรมชาตินิยมเชิงอุตรภาพ (Transcendental Naturalism) เป็นชาวอเมริกาที่มีเชื้อสายมาจากฝรั่งเศส หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เฮนรี่ เดวิด ธอโรว์ ปฏิเสธที่จะสืบทอดอุตสาหกรรมโรงงานผลิตดินสอของครอบครัว เขาตั้งใจที่จะเป็นนักประพันธ์และนักปรัชญาการเมือง เพื่อให้ได้ข้อมูลในการเขียนหนังสือ ธอโรว์จึงเดินทางไปทดลองใช้ชีวิตกลางป่าใหญ่ใกล้กับบึงวอลเดน เมืองคองคอร์ด สหรัฐอเมริกา เขาลงทุนสร้างกระท่อมด้วยตัวเอง อาศัยอยู่ในป่าเป็นเวลา ๒ ปี ระหว่างที่เขาอยู่ที่บึงวอลเดน เขาก็ลงมือเขียนบันทึกเป็นงานนิพนธ์เล่มใหญ่ที่บรรยายถึงปรัชญาแนวคิดธรรมชาตินิยม โดยเน้นการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ใช้ชีวิตที่สอดคล้องสัมพันธ์กับวิถีธรรมชาติ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับอิทธิพลจากปรัชญาตะวันออก อย่างปรัชญาฮินดูและพุทธปรัชญา พอเขียนเสร็จเขาก็เอาไปนำเสนอสำนักพิมพ์ ในช่วงแรกหนังสือวอลเดนไม่ได้รับความนิยมขายไม่ออก ตีพิมพ์แค่ ๕,๐๐๐ เล่ม ขายได้ไม่กี่ร้อยเล่ม แต่เขาก็ยังยืนหยัดเดินบนเส้นทางอาชีพนักประพันธ์ โดยได้รับกำลังใจจากเพื่อนสนิทอย่างราฟท์ วัลโด อีเมอสัน (Raft Waldo Emerson) นักปรัชญาและนักกวีคนสำคัญของอเมริกา หลังจากการจากไปของเฮนรี่ เดวิด ธอโรว์นับศตวรรษ ปรากฎว่าวอลเดนกลายเป็นวรรณกรรมที่มีชื่อเสียง ได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณกรรมคลาสสิคที่ดีที่สุดของอเมริกา เป็นวรรณกรรมที่นักศึกษาสาขาวรรณคดีในมหาวิทยาลัยของสหรัฐอเมริกาต้องศึกษา ไม่ใช่เฉพาะในสหรัฐ นักศึกษาวรรณคดีอังกฤษในมหาวิทยาลัยทั่วโลกต้องศึกษาวอลเดน วอลเดนจึงกลายเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของโลก

 


 

 

 

                                                                       Walden

                                                          Henry David Thoreau

 

                                                    *****************************

 

                                                           จงมุ่งมั่นไปตามความฝัน

           ฉันเรียนรู้เรื่องนี้ อย่างน้อย ก็ด้วยการทดลองของตัวเอง รู้ว่าหากบุคคลหนึ่งก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่อมั่นตามทิศทางแห่งความฝันของเขา และมุ่งมั่นในการใช้ชีวิตอย่างที่ตนใฝ่ฝันนั้นเขาจะประสบความสำเร็จอย่างชนิดที่ไม่อาจคาดหวังได้ในยามสามัญ เขาจะละบางสิ่งบางอย่างไว้ข้างหลัง จะล่วงผ่านพรมแดนที่มองไม่เห็นไป กฎใหม่ ๆ ที่เป็นสากลและเป็นเสรีกว่าเดิมจะเริ่มตั้งมั่นขึ้นรอบ ๆ และภายในตัวเขา หรือกฎเก่า ๆ จะแผ่ขยายออก และถูกตีความในความหมายที่เสรีขึ้นกว่าเดิม และเขาจะอยู่ด้วยสิทธิแห่งกฎระเบียบขั้นสูงแห่งชีวิต. ยิ่งเขาทำให้ชีวิตเรียบง่ายเท่าใด กฎแห่งจักรวาลก็ยิ่งซับซ้อนน้อยลงเท่านั้น และความสันโดษก็จะไม่ใช่ความสันโดษ ความยากจนมิใช่ยากจน ความอ่อนแอมิใช่อ่อนแอ. หากคุณสร้างวิมานในอากาศ งานของคุณไม่จำเป็นต้องสูญเปล่า เพราะนั่นคือหนแห่งที่มันควรอยู่. บัดนี้จงสร้างฐานขึ้นข้างใต้มันเพื่อรองรับ.

                                                                      ความบริสุทธิ์

          หากคุณจะบริสุทธิ์ คุณต้องรู้เหมาะรู้ควร. พรหมจรรย์คืออะไร ? คนเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ? เขาจักไม่อาจรู้ได้. เราได้ยินได้ฟังเรื่องของคุณธรรมนี้มาแล้ว แต่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร. จากความบากบั่นพยายามจักได้มาซึ่งภูมิปัญญาและความบริสุทธิ์ จากความเกียจคร้านมึนซึมจักได้มาซึ่งความเขลาและรสทางโลกีย์. ในตัวผู้ใฝ่เรียนรสทางโลกคือนิสัยเกียจคร้านเงื่องหงอยของจิตใจ. บุคคลที่ไม่สะอาดโดยทั่วไปแล้วคือผู้เกียจคร้าน ผู้ที่นั่งอยู่ข้างเตาไฟ ผู้ซึ่งแสงแดดส่องมาให้สยบให้อ่อนเปลี้ยราบคาบ ผู้นอนเฉยอยู่โดยมิได้อ่อนล้าสิ้นเรี่ยวแรง. หากคุณจะหลีกเลี่ยงจากความไม่สะอาดและบาปทั้งปวง จงทำงานอย่างมานะบากบั่น ถึงแม้ว่าจะเป็นการล้างคอกม้าก็ตาม.

                                                                   ทุกสิ่งมีความสำคัญ

        ในสมัยก่อนบางประเทศ ทุกบทบาทถูกพูดถึงด้วยความเคารพและมีกฎเกณฑ์กำหนด. ไม่นับว่าเป็นเรื่องไร้สาระเลยสำหรับผู้บัญญัติกฎชาวฮินดู ไม่ว่ามันจะฟังดูแสลงหูอย่างไรก็ตามต่อรสนิยมสมัยใหม่. เขาจะสอนถึงวิธีดื่ม หลับนอน ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ฯลฯ ยกระดับสิ่งที่ดูต่ำขึ้นมา และไม่แก้ตัวกับตนเองอย่างจอมปลอมโดยเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นเรื่องหยุมหยิมเล็กน้อย.

                                                                    ร่างกายคือโบสถ์

       มนุษย์ทุกคนเป็นผู้สร้างโบสถ์หลังหนึ่ง นั่นคือ ร่างกายของเขาเอง อุทิศแด่พระเจ้าที่เขาสักการบูชา ตามรูปแบบที่เป็นของเขาเองโดยแท้ ทั้งยังมิอาจเลี่ยงโดยออกไปทุบหินอ่อนแทนได้ด้วย. เราทั้งมวล คือ ประติมากรและจิตรกร และวัตถุดิบของเราก็คือเนื้อ หนัง เลือด และกระดูกของเรานั่นเอง. ความดีงามใด ๆ ก็ตามจะเริ่มขัดเกลารูปลักษณ์ของคนคนนั้นให้งดงามขึ้นในทันที ความต่ำทรามหรือโลกียรสใด ๆ ก็จะทำให้รูปลักษณ์นั้นหยาบเถื่อนลงเช่นกัน.

                                                              รู้จักการให้อภัยและโอกาส

       ในยามเช้าอันรื่นรมย์ของฤดูใบไม้ผลิ บาปผิดทั้งมวลของมนุษย์ล้วนได้รับการอภัย. วารวันเช่นนั้นคือการหย่าศึกกับความชั่ว ขณะที่ดวงตะวันเช่นนั้นยังลุกเจิดจ้า คนบาปหยาบช้าที่สุดอาจกลับใจได้ ผ่านทางความบริสุทธิ์ที่ฟื้นคืนมาของเขา. เรามองเห็นความบริสุทธิ์ของเพื่อนบ้านด้วย. เมื่อวันวานคุณอาจจะรู้จักเพื่อนบ้านในฐานะที่เป็นขโมย ขี้เมา หรือหลงใหลกามรส และเพียงแต่สมเพชหรือชิงชังเขา และสิ้นหวังต่อโลกนี้. ทว่าตะวันฉายแสงสดใสและอบอุ่นของเช้าแรกของฤดูใบไม้ผลินี้ รังสฤษฏ์โลกขึ้นใหม่. คุณจะพบเขาทำงานที่สงบสันติบางอย่างอยู่ และเห็นว่าเส้นโลหิตที่อ่อนล้าและมึนเมาของเขาขยายตัวด้วยความหฤหรรษ์และอำนวยพรแก่วันใหม่กระไรปานนั้น รู้สึกถึงอิทธิพลของฤดูใบไม้ผลิด้วยความบริสุทธิ์แห่งทารก และความผิดทั้งมวลของเขาล้วนถูกลืมเลือนไป

 

 

 

                                                                        จงเป็นเหมือนอินทรีย์

        มันมิได้กระพือปีกเวียนว่อนเหมือนผีเสื้อ ไม่เหินทะยานเหมือนพวกเหยี่ยวขนาดใหญ่ แต่เล่นสนุกด้วยความเชื่อมั่นทระนงในท้องทุ่งแห่งอากาศ โลดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมกับทำเสียงประหลาดในลำคอ มันอ้อนทวนการดำดิ่งที่เสรีและงดงาม พลิกเคว้งคว้างเหมือนว่าว จากนั้นก็ทรงตัวใหม่จากการดำดิ่งอันสง่านั้น ประหนึ่งว่าไม่เคยปล่อยให้อุ้งตีนสัมผัส terra firma. ปรากฏว่ามันไม่มีเพื่อนเลยในจักรวาล เพลิดเพลินอยู่ที่นั้นแต่เดียวดาย และไม่ต้องการเพื่อนด้วย นอกจากยามอรุณ และอากาศธาตุซึ่งมันเริงเล่นอยู่นั้น. มันมิได้เปล่าเปลี่ยว แต่ทำให้ทั้งพื้นพสุธาเปล่าเปลี่ยวอยู่ข้างใต้ตัวมัน. แม้ผู้ฟักมันเป็นตัวออกมาอยู่ที่ไหนหนอ พี่น้องของมัน แล้วยังพ่อในห้วงนภากาศของมันอีกเล่า? ผู้เช่าอาศัยแห่งอากาศ, ดูเหมือนมันจะเชื่อมโยงกับพื้นโลกก็แต่เพียงไข่ฟองหนึ่ง ซึ่งบางวาระถูกฟักอยู่ในเวิ้งโพรงของโขดผาเท่านั้น หรือว่ารังโดยกำเนิดของมันสร้างอยู่ในมุมของก้อนเมฆ ถักทอจากใยรุ้งและท้องฟ้าสายัณห์ บุด้วยหมอกละมุนกลางฤดูร้อนที่โฉบมาจากพื้นโลก ? บัดนี้รังของมันอยู่ในชะเงื้อมเมฆ.

                                                                     จงเลือกทางเดินเอง

       ผิวดินนั้นนุ่ม และประทับรอยได้ด้วยเท้าของมนุษย์ เส้นทางซึ่งจิตใจจรไปก็เป็นเช่นกันนั้น. ถ้าเช่นนั้น มรรคาทางหลวงของโลกช่างผุกร่อนคลุ้งฝุ่นเสียนี่กระไร ร่องแห่งขนบประเพณีและการทำตามกันช่างลึกกระไรปานนั้น. ฉันไม่ปรารถนาที่จะอยู่ในห้องผู้โดยสาร แต่อยากไปยืนอยู่หน้าเสากระโดงและบนดาดฟ้าของโลก เพราะที่นั่นฉันสามารถมองเห็นแสงจันทร์ท่ามกลางเทือกเขาได้ชัดที่สุด บัดนี้ฉันไม่ปรารถนาจะลงไปข้างล่างอีกแล้ว.

                                                                     จงอย่าจำกัดขอบเขตของชีวิต

       ต่อผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะแนะนำอย่างชาญฉลาด ให้ลองเปลี่ยนอากาศและภูมิทัศน์. ขอบคุณสวรรค์ ที่นี้ไม่ใช่ทั้งโลก. ต้นบั๊คอายไม่งอกในนิวอิงแลนด์ เสียงนกม็อคกิ้งเบิร์ด ก็ไม่ค่อยจะได้ยินกันที่นี้. ห่านป่าเป็นพลเมืองโลกมากกว่าเรา มันละศีลอดของมันในแคนาดา กินอาหารกลางวันในโอไฮโอ และไปไซปีกขนรอรับยามราตรีในลำห้วยทางใต้สักแห่งหนึ่ง. แม้แต่ควายไบซัน ในบางขอบเขตก็เยาะย่างไปกับฤดูกาล  เก็บเกี่ยวทุ่งหญ้าแห่งโคโลราโดไปจนกระทั่งหญ้าระบัดที่เขียวชอุ่มกว่าและหอมหวานกว่ารอคอยมันอยู่ที่เยลโลว์สโตน. กระนั้นเราก็คิดว่าหากรั้วถูกรื้อลงมา และกำแพงหินถูกก่อขึ้นบนไร่ของเรา นับแต่นั้นไปชีวิตของเราย่อมถูกกำหนดขอบเขต และชะตากรรมถูกลิขิต. หากคุณถูกเลือกให้เป็นเจ้าหน้าที่ประจำเมือง คุณก็ไม่อาจไปยังเทียลาเดล ฟูเอโก้ได้ในฤดูร้อนนี้. ทว่าแม้กระนั้นก็ตามคุณอาจจะไปยังดินแดนแห่งไฟนรกได้. จักรวาลไพศาลกว่าทัศนะของเราที่ต่อมันนัก.

                                                                     จงภูมิใจในชีวิตของตน

      ไม่ว่าชีวิตของคุณจะเลวร้ายอย่างไร จงเผชิญกับมันและใช้มันไป อย่าหลีกเลี่ยงและหาถ้อยคำร้าย ๆ มาเรียกมัน มันมิได้เลวร้ายเท่าคุณหรอก. มันดูยากไร้ที่สุดเมื่อคุณร่ำรวยที่สุด. นักจับผิดย่อมหาข้อผิดพลาดได้แม้แต่ในสรวงสวรรค์. จงรักชีวิตของคุณ แม้ยากเข็ญอย่างที่มันเป็นอยู่. บางที่คุณอาจจะมีโมงยามที่รื่นรมย์ ซาบซ่านและรุ่งโรจน์ แม้แต่ในบ้านซ่อมซ่อ. ตะวันคราลับฟ้าสะท้อนประกายจากหน้าต่างโรงทานสกาวสุกใสเท่า ๆ กับนิวาสคหบดี หิมะละลายจากหน้าต่างประตูตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิเหมือน ๆ กัน. ฉันยังไม่เคยเห็นจิตใจสงบแม้เพียงดวงเดียวที่จะอาศัยอยู่ที่ราชวังอย่างเกษมสันโดษ และมีความคิดเบิกบานเยี่ยงเดียวกับอยู่ในปราสาทราชวัง. ผู้ยากไร้ของเมืองบ่อยครั้งทีเดียวที่ดูเหมือนจะใช้ชีวิตอิสระที่สุด. พวกเขาอาจจะยิ่งใหญ่พอที่จะรับโดยปราศจากความเคลือบแคลงใจ. ส่วนใหญ่คิดว่าตัวเองอยู่เหนือการอุดหนุนจุนเจือของเมือง แต่บ่อยกว่าที่ปรากฏว่าพวกเขามิได้อยู่เหนือการอุดหนุนจุนเจือตัวเองด้วยวิธีที่ไม่สุจริต ซึ่งย่อมเป็นที่น่าอัปยศกว่า.

                                                                        ความพอเพียง

       พึงเพาะปลูกความยากจนเหมือนกับสมุนไพร เหมือนกับต้นเสดจ์. อย่าสร้างความยุ่งยากให้ตัวเองมากไปในเรื่องหาสิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์หรือมิตรสหาย. หันสู่ของเก่า กลับไปหาพวกนั้น. สรรพสิ่งไม่เปลี่ยนแปลงเราเปลี่ยนแปลง. ขายเสื้อผ้าไปและรักษาความคิดเอาไว้. จงอย่าเสาะแสวงอย่างกระตือรือร้นนักที่จะทะเยอทะยาน ที่จะสยบยอมตนเองต่ออิทธิพลต่าง ๆ มากมายและตกเป็นเครื่องเล่นของมัน ทั้งมวลล้วนเป็นเรื่องสำมะเลเทเมา. ความต่ำต้อยสมถะเหมือนความมืดมิด ซึ่งเผยให้เราเห็นแสงแห่งสรวงสวรรค์. เงาของความยากเข็ญรวมกันอยู่รอบตัวเรา “และดูสิ การรังสฤษฏ์เผยกว้างออกต่อคลองจักษุของเรา.” เราถูกเตือนบ่อยครั้งว่า ถ้าหากได้รับความมั่งคั่งเยี่ยงราชาโครซัส เป้าหมายของเรายังต้องเหมือนเดิม. ยิ่งกว่านั้น หากคุณถูกจำกัดอยู่ในขอบเขตของคุณด้วยความยากจน เช่นว่า ถ้าคุณไม่อาจซื้อหนังสือหรือหนังสือพิมพ์ได้ ก็เท่ากับว่าคุณถูกกักให้อยู่กับประสบการณ์ชีวิตอันสำคัญมหันต์ คุณถูกบังคับให้จัดการกับสารซึ่งให้น้ำตาลและแป้งสูงสุด. ชีวิตตรงที่ชิดกับแก่นในจึงหวานที่สุด. คุณถูกปกป้องจากการเป็นคนเหลวไหล. ไม่มีใครสูญเสียไปจากการดำรงชีพในระดับต่ำโดยที่มีจิตใจสูงส่งอันดำรงอยู่ในระดับสูงกว่า. ความมั่งคั่งเกินความจำเป็น จะซื้อได้ก็แต่สิ่งเกินจำเป็นเท่านั้น. เงินนั้นไม่ต้องใช้ในอันที่จะซื้อสิ่งจำเป็นสำหรับวิญญาณ.

                                                                     สร้างฐานอันมั่นคง

     มันไม่ได้เอื้อความพึงพอใจแก่ฉันเลยที่จะสร้างซุ้มประตูโค้งขึ้นมา ก่อนที่ฉันจะได้รากฐานอันมั่นคงลงแล้ว. เราไม่พึงเข้าร่วมงานฉลองมึนเมาเอิกเกริกเส้นตื้นเหล่านั้น. มีก้นบึ้งที่เป็นดินแข็งมั่นคงอยู่ทุกหนแห่ง. เราอ่านพบมาแล้วถึงเรื่องของนักเดินทางผู้ถามเด็กผู้ชายคนหนึ่งว่า บึงตรงหน้าก้นบึงเป็นดินแข็งหรือเปล่า. เด็กชายตอบว่าใช่. แต่เมื่อลงไปม้าของนักเดินทางก็จมเลนลงไปถึงสายรัดทึบ เขาหันไปต่อว่าเด็กชาย “ฉันคิดว่า เธอบอกว่าหนองน้ำนี้ก้นบึงเป็นดินแข็งนะ.” “มันมีจริง” เด็กชายตอบ “แต่คุณไปได้ไม่ถึงครึ่งทางที่จะไป ตรงที่เป็นดินแข็งเลย.” ก็เป็นดังนั้นกับหนองน้ำและทรายดูดของสังคม แต่ผู้ที่รู้นั้นเป็นเด็กชายที่แก่ชราคนหนึ่ง.

                                                                     อย่ายึดติดกับอดีต

       เราจะนั่งอยู่นานอีกสักเท่าไหร่ตรงมุขหน้าบ้าน เฝ้าฝึกความเกียจคร้านและคุณธรรมคร่ำครึเหม็นอับ ซึ่งทำให้การงานอะไรก็ตามกลายเป็นเรื่องโอหังบังอาจไป ? ประหนึ่งว่า คนเราจะต้องเริ่มต้นวันด้วยความทุกข์ทรมานยาวนาน และจ้างคนมาขุดมันฝรั่งให้ ตกบ่ายก็ไปฝึกฝนความอ่อนน้อมใจบุญของคริสเตียนด้วยความดีงามที่คิดไว้ล่วงหน้าแล้ว. ลองตรองดูถึงความหยิ่งทะนงและอิ่มเอมในตนเองที่นิ่งเน่าของมนุษยชาติ อย่างประเทศจีนดูสิ. คนรุ่นนี้เอนเอียงเล็กน้อยในอันที่จะแสดงความยินดีกับตัวเองที่เป็นรุ่นสุดท้ายของเชื้อสายอันโดดเด่น ในบอสตัน ลอนดอน ปารีส และโรม คิดถึงการสืบเชื้อสายกันลงมาอันยาวนานของตนเอง พูดถึงความก้าวหน้าของตนในด้านศิลป์และศาสตร์ และวรรณคดีด้วยความพึงพอใจ.

                                                                ตอกให้แน่น ทำให้จริง

        ฉันจะไม่เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ตอกตะปูอย่างโง่เขลาเข้าไปในไม้ระแนงรองพื้นแค่นั้นแล้วฉาบปูน การกระทำเยี่ยงนั้นจะทำให้ฉันนอนไม่หลับไปหลายคืน. เอาค้อนมาสิ แล้วให้ฉันตอกตะปูไม้คร่าวเอง. อย่าไปวางใจปูนผสม. ตอกตะปูให้จมแน่นอย่างซื่อตรงอย่างที่คุณจะตื่นมาตอนกลางคืนแล้วคิดถึงงานของคุณด้วยความพึงพอใจ งานซึ่งคุณจะไม่รู้สึกละอายเลยที่จะสวดอัญเชิญนางอัปสรมิวส์. เยี่ยงนั้นพระเป็นเจ้าจักช่วยคุณ และก็มีแต่เยี่ยงนั้นเท่านั้น. ตะปูทุกตัวที่ตอกลงไปควรจะเป็นดังหมุดเหล็กอีกตัวหนึ่งซึ่งย้ำลงไปในเครื่องจักรแห่งจักรวาล คุณกำลังดำเนินงานนั้น.

                                                            การกระทำสำคัญกว่าคำพูด

       ช่างเป็นการเรียกร้องที่น่าขันเหลือเกิน ซึ่งอังกฤษและอเมริกากระทำ นั่นคือ คุณต้องพูดเพื่อที่เขาจะเข้าใจคุณ ทั้งที่มนุษย์และเห็ดโท๊ดสตูลมิได้เติบโตขึ้นมาดังนั้น. ประหนึ่งว่านั่นเป็นสิ่งสำคัญ และหากปราศจากการพูดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือพอที่จะเข้าใจคุณได้. ประหนึ่งว่าธรรมชาติมีระบบความเข้าใจอยู่เพียงระบบเดียว โลกไม่อาจค้ำจุนวิหคได้เช่นเดียวกับสัตว์สี่เท้า ไม่อาจค้ำจุนสิ่งโบยบินเช่นเดียวกับสิ่งที่คืบคลานไป. ประหนึ่งว่ามีความปลอดภัยอยู่แต่ในความโง่เขลา.

                                                                    จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่า

        ฉันไปสู่ไพรพฤกษ์เพราะปรารถนาที่จะอยู่อย่างสุขุม ที่จะเผชิญต่อข้อเท็จจริงอันเป็นแก่นสารของชีวิตเท่านั้น และดูซิว่าสามารถจะเรียนรู้ให้สิ่งที่มันสอนให้ได้หรือไม่ เพื่อที่ว่า เวลาจะตายฉันจะได้ไม่พบว่าตัวเองยังมิเคยได้ใช้ชีวิตเลย. ฉันไม่ปรารถนาที่จะใช้ชีวิตที่ไม่ใช่ชีวิต การมีชีวิตอยู่นั้นเป็นที่รักยิ่งทั้งมิได้ปรารถนาจะฝึกฝนการปลีกตัวมาอยู่ลำพัง เว้นแต่ว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นฉันต้องการอยู่อย่างล้ำลึก และดูดดื่มเอาไขกระดูกทั้งสิ้นทั้งมวลแห่งชีวิต อยู่อย่างบึกบึนเยี่ยงชาวสปาร์ตา อย่างชนิดที่จะตีสิ่งมีใช่ชีวิตให้กระเจิดกระเจิงไปสิ้น ที่จะถางให้กว้างตัดให้เหี้ยนต้อนชีวิตเข้ามุม และลดมันลงสู่ปัจจัยต่ำที่สุดของมัน และหากพิสูจน์แล้วว่ามันต่ำต้อยลำเค็ญแท้ ๆ ก็จะเอาเรื่องทั้งมวลของมันมา แล้วตีพิมพ์ความนั้นให้โลกได้รู้ หรือหากว่ามันเลอเลิศ เมื่อได้รู้จากประสบการณ์แล้ว ฉันก็สามารถจะพูดถึงมันอย่างรู้จริงได้ในการเดินทางครั้งต่อไป

                                                           จงยกระดับชีวิตของตนเอง

    เราต้องเรียนรู้ที่จะตื่นขึ้นอีกครั้ง และคอยให้ตนเองตื่นอยู่เสมอมิใช่ด้วยเครื่องช่วยเชิงกลไกนานา แต่ด้วยความคาดหวังอันไม่รู้สิ้นสุดแห่งรุ่งอรุณซึ่งมิได้ละทิ้งเราไปในยามที่หลับสนิทที่สุด ฉันไม่รู้ถึงข้อเท็จจริงที่กระตุ้นจิตใจอันใดยิ่งไปกว่าความสามารถของมนุษย์ในอันที่จะยกระดับชีวิตของตนโดยความบากบั่นอุตสาหะอย่างเต็มไปด้วยจิตสำนึก. สิ่งนั้นคืออะไร บางอย่างที่จะวาดภาพได้สักภาพหนึ่ง หรือสลักปะติมากรรมสักรูปหนึ่ง นั่นคือการทำให้บางสิ่งบางอย่างงดงามขึ้นมา แต่มันจะเรืองโรจน์ล้ำกว่านั้นที่จะสลักวาดบรรยากาศเช่นนั้นขึ้นโดยผ่านมุมมองของเรา ซึ่งเราสามารถกระทำได้โดยชอบธรรมเพื่อให้ส่งผลไปถึงวันทั้งวันให้งามล้ำ นั่นคือสูงสุดแห่งศิลป์ ทุกคนมีภาระหน้าที่ที่จะต้องสร้างชีวิตของตนเอง แม้แต่ในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ควรค่าต่อการครุ่นคำนึงถึงในโมงยามที่สูงส่งที่สุดของตน.

                                                              สาระที่แท้จริง

     ตัวชาติเอง ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นของภายนอกและผิวเผิน ก็เป็นแต่เพียงการจัดตั้งที่เทอะทะ โตเกินขนาด เบียดเสียดไปด้วยเครื่องตกแต่งและสะดุดกับดักของตัวเอง ล่มจมโดยความหรูหราฟุ่มเฟือยและค่าใช้จ่ายที่ไม่ระมัดระวัง โดยจำเป็นต้องอาศัยการคำนวณและเป้าหมายที่ควรค่า ดุจดังครัวเรือนในแผ่นดินนั้น และวิธีเยียวยาเพียงประการเดียวก็คือต้องอยู่ในระบบเศรษฐกิจที่กวดขัน ต้องใช้ชีวิตเรียบง่ายยิ่งกว่าชาวสปาร์ตาและอย่างมีจุดมุ่งหมาย.

                                                               ลดทอนชีวิตเป็น

        กระนั้นก็ดีเราคงอยู่อย่างต่ำต้อยเหมือนมดปลวก ถึงแม้นิทานจะบอกเราว่า เราได้เปลี่ยนแปลงมาเป็นมนุษย์เนิ่นนานแล้ว เราเหมือนคนแคระสู้กับนกกระเรียน มันคือความผิดพลาดบนความผิดพลาด และการต่อยตีบนการต่อยตี และคุณธรรมที่ดีที่สุดของเราก็ต้องประสบกับความทุกข์อันมากมาย และเป็นความทุกข์ซึ่งอาจหลีกเลี่ยงได้. ชีวิตเราถูกขว้างทิ้งไปโดยรายละเอียด. คนสัตย์ซื่อน้อยนักที่จำจะต้องนับจำนวนเกินกว่านิ้วทั้งสิบของเขา หรือในกรณีที่ล้นพ้นก็อาจผนวกนิ้วเท้าอีกสิบด้วย ที่เหลือก็เหมารวมเป็นก้อนไปเลย. ความเรียบง่าย ความเรียบง่าย ความเรียบง่าย ฉันย้ำเช่นนี้. จงให้เรื่องราวในชีวิตของคุณมีอยู่แค่สองหรือสาม ไม่ใช่ร้อยหรือพัน แทนที่จะนับหนึ่งล้านจงนับเพียงครึ่งโหลและเก็บบัญชีของคุณเอาไว้บนเล็บนิ้วหัวแม่มือในท่ามกลางทะเลอันปั่นป่วนแห่งชีวิตอารยะนี้ เหล่านั้นคือหมอกเมฆมรสุมและทรายดูด และยังมีอีกร้อยแปดพันเก้าที่จะถือเอาได้ หนแห่งเยี่ยงนี้แหล่ะที่มนุษย์จะต้องอาศัยอยู่ โดยการคำนวณตำแหน่งของตนเอง และผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องเป็นนักคำนวณที่ยิ่งใหญ่ที่เดียว. เรียบง่าย เรียบง่าย แทนที่จะกินวันละสามมื้อ หากมันจำเป็นแค่มื้อเดียวพอ แทนที่จะมีจานสักร้อยใบ ห้าก็พอ และลดสิ่งอื่น ๆ ลงตามสัดส่วนด้วย.

                                                                         จงแทรกตัวออกมา

       ทุกคนได้ยินเรื่องราวซึ่งเล่าลือกันทั่วนิวอิงแลนด์ เรื่องของแมลงปีกแข็งที่แข็งแรงและงดงามยิ่งตัวหนึ่ง ซึ่งโผล่ออกมาจากผิวแห้งผากของโต๊ะไม้แอปเปิ้ลเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในครอบครัวของชาวนาคนหนึ่งมาเป็นเวลาหกสิบปีแล้ว หลังจากนั้นในแมสซาซูเซทส์ จากไข่ฟองหนึ่งซึ่งถูกวางไว้ในต้นไม้ที่ยังมีชีวิตในช่วงก่อนหน้านั้นหลายปี รู้ได้จากการอ่านวงปี เสียงมันแทะหาทางออกจากเนื้อไม้ได้ยินก่อนหน้าจะโผล่ออกมานานหลายสัปดาห์ บางทีมันอาจจะฟักเป็นตัวด้วยความร้อนจากหม้อกาแฟขนาดใหญ่สักใบหนึ่ง. ใครเลยจะไม่รู้ว่าศรัทธาในเรื่องการฟื้นคืนชีวิตและอมตภาพของตนจะมั่นคงแก่กล้าขึ้นจากการได้สดับเสียงนี้ ? ใครจะรู้ว่าชีวิตมีปีกงดงามชนิดใดซึ่งไข่ของมันถูกฝังไว้นานนับยุคสมัยภายใต้เนื้อไม้ซ้อนกันหลายต่อหลายชั้น. ในชีวิตตายซากของสังคม เบื้องแรกถูกวางไว้ในเนื้ออ่อนของพฤกษาเขียวสดเปี่ยมชีวิต ซึ่งค่อย ๆ เปลี่ยนรูปเป็นเหมือนสุสานไม้ซึ่งแห้งจนอยู่ตัวแล้วของมัน -เสียงแทะหาทางออกของมันบางที่จะได้ยินอยู่เป็นปี โดยครอบครัวมนุษย์ ซึ่งอัศจรรย์ใจยิ่ง ขณะที่พวกเขานั่งกินอยู่รอบโต๊ะอาหารเอมโอช จะโผล่ออกมาอย่างมิได้คาดหมายจากใจกลางเครื่องเรือนด้อยค่าคู่บ้านมาเก่าแก่ของครอบครัวนั้น เพื่อหฤหรรษ์กับชีวิตคิมหันต์สมบูรณ์แบบของมันในที่สุด.

หมายเลขบันทึก: 553498เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2013 11:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม 2023 13:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

หนังสือ Walden เป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของ Henry David Thoreau ซึ่งเขียนขึ้นในระหว่างที่เขาไปทดลองดำรงชีพกลางป่าใหญ่ ใกล้บึงวอลเดน เมืองคองคอร์ด อเมริกา แต่เชื้อสายเขาเป็นชาวฝรั้งเศสที่เคร่งศาสนา ในสมัยที่เขามีชีวิตอยู่หนังสือเล่มนี้ขายไม่ออก แต่หลังจากนั้น 100 ปี Walden กลายเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของอเมริกา และเป็นวรรณกรรมที่มีอิทธิพลต่อปรัชญาการดำเนินชีวิตของคนอเมริกันมากที่สุด คนที่เรียนมาด้านวรรณคดีตะวันตกน่าจะรู้ดีกว่าผม บทที่ผมคัดมานี้เป็นบทที่ผมคิดว่ามันแฝงปรัชญาที่น่าสนใจที่สุด

สิ่งที่ผมต้องการนำเสนอจากบทความนี้ คือ ชาวตะวันตกหรืออเมริกาที่ยึดมั่นคุณธรรมจริยธรรมและภูมิปัญญาสากล คือกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่เป็นฐานให้อเมริกามีความเจริญรุ่งเรื่อง มีเพียงบางส่วนที่ใช้ลัทธิบริโภคนิยมบวกกับกระแสโลกาภิวัฒน์เข้ามาครอบงำพวกเราชาวตะวันออก พวกนี้มีเจตนาเคลือบแฝงในการล่าอาณานิคมแบบใหม่ด้วยรูบแบบเศรษฐกิจแบบตลาดการค้าเสรี(เชิงเอาเปรียบ) เพราะฉนั้นในการปฏิสัมพันธ์กับตะวันตกเราควรจะเลือกสรรด้วยสติปัญญา ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี เรียนรู้เขาทั้งแง่บวกและแง่ลบ เพื่อจะได้รู้ทันไม่ตกเป็นเหยื่อ เรียนรู้ภูมิปัญญาสากลจากเขา และปฎิเสธลัทธิบริโภคนิยมที่เขาพยายามยัดเยียดให้เรา (ควรอ่านบันทึกของผมเรื่อง อวตารฯ ประกอบด้วย) แล้วสังคมไทยของเราจะยืนหยัดอยู่รอดในกระแสโลกาภิวัฒน์ที่เชี่ยวกรากในปัจจุบันนี้

 

... ขอบคุณ บันทึกดีดีนี้ค่ะ 

ขอบคุณมากครับ สำหรับกำลังใจ

เฮนรี่ เดวิด  ธอร์โรว์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นชาวอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่ (Great Amerigan) ธอร์โรว์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ปฎิเสธที่จะรับช่วงอุตสาหกรรมผลิตดินสอของครอบครัว เพราะต้องการเป็นนักเขียน  เพื่อต้องการให้ได้ข้อมูลธอร์โรว์จึงไปทดลองใช้ชิวิตใกล้บึงวอลเดนพร้อมกับศึกษาคัมภีร์ปรัชญาตะวันออก และได้เขียนวรรณกรรมชิ้นเอกเรื่องนี้ขึ้นมา  แนวความคิดของธอร์โรว์มีอิทธิพลต่อนักคิดและนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่หลายท่าน เช่น ลีโอ ตอลสตอย, มหาตมะ คานธี และมาติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์  โดยเฉพาะหลักการต่อสู้ทางการเมืองที่เรียกว่าการดื้อแพ่งของประชาชน (Civil Disobedience) หรือ อารยขัดขืน  ธอร์โรว์ ถือเป็นนักปรัชญาธรรมชาตินิยม (Naturnalism) และนักอุดมคตินิยม (Transcendentalism) ที่น่าสนใจและน่าศึกษามากที่สุดคนหนึ่งครับ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท