จากใจจิตอาสาเพื่อนผู้ป่วยเบาหวาน...ร่วมงานวันเบาหวานโลก


วันนี้ได้มีโอกาสร่วมเตรียมกิจกรรมรณรงค์วันเบาหวานโลกของกระทรวงสาธารณสุขที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร

อันที่จริงได้ร่วมรณรงค์มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว สำหรับฉันปีนี้ย่างเข้าปีที่7

โดยเฉพาะปีนี้ ภายใต้คำขวัญว่า " พิทักษ์อนาคตไทย พ้นภัยเบาหวาน"

เมื่อพูดถึงโรคเรื้อรังที่แฉะแบะมานานอย่างชนิดที่หลายๆคนพากันให้ความสนใจมากมาย 

และไม่แน่ใจว่าความจริงใจที่มีต่อการร่วมเรียนรู้ ร่วมมือรักษา นั้นจะลดน้อยลงไป บ้างหรือไม่อย่างไร

แต่นโยบายของรัฐก็ทำให้ได้อ่านตามลายลักษณ์อักษรนั้น บอกว่าว่าจริงจังจ๊ะๆ

และคงมีหลายคนที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน แต่เกี่ยวข้อง....ต้องการเป็นผู้ชนะอย่างเด็ดขาดกับสภาวะของโรคเรื้อรังเบาหวาน

ในปัจจุบันที่มีเพียงแนวโน้มว่าจะสูงขึ้น แทรกซ้อนมากขึ้น ทั้งๆที่ว่ากันว่ามะเร็งกำลังจะแซงหน้าเป็นอันดับหนึ่ง

ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับผู้ป่วยเบาหวาน ผู้เกี่ยวข้องมักเอาประเด็นปริมาณของผู้ป่วยมาเป็นประเด็นชู

เพื่อจัดทำโครงการจัดการเบาหวาน

และการให้ความสำคัญกับยอดผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการหรือมีโรคแทรกซ้อนนั่นก็เยอะ

อันนี้เข้าใจเองนะว่าเป็นเช่นนั้น 

การนำสรุปประเด็นปัญหามาสืบค้นหาทางออกที่ดีให้กับปัญหาเบาหวาน...ก็ยังไม่อาจก้าวล้ำไปจากงานกรอบเดิมๆ

แต่จะมีใครสักกี่คนที่มองเบาหวานอย่างเป็นมิตร

นอกเหนือไปจากศัตรูเงียบ ล้างทำลายชีวิต

จะมีใครสักกี่คนที่เข้าถึงจิตใจผู้ป่วยเบาหวาน...นอกจากการนำวิชาการมาดักจับ

และเฝ้าประหารและหลีกหนีวิธีการจัดการเบาหวานสไตล์เดิมๆ 

จะมีปัจจัยที่ไม่สามารถเข้าถึงจิตใจหรือขจัดเบาหวานออกไปจากวิถีชีวิตเดิมๆของผู้ป่วย

จะมีใครสักกี่คนที่เป็นผู้ป่วยเบาหวานไปพร้อมๆกับการเป็นผู้ให้การรักษาเบาหวานผู้อื่น

 

จะมีสักกี่คนที่หันมาศึกษาพฤติกรรมความเป็นอยู่ การบริโภคอาหารของผู้ป่วย และของประชาชนผู้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน

อย่างจริงใจ...และจริงจัง ....โดยปราศจากเหตุผลอื่นนอกจาก.....คำว่า.....ฉันอยากให้ทุกคนปลอดภัยจากเบาหวาน.......

และมีหรือยังที่จับผู้ป่วยเบาหวานมาเข้าครอสทดลองเพื่อทำการวิจัยด้วยอาหาร..ก็.....อาหารก็เป็นสาเหตุหนึ่งมิใช่หรือ

อาหารเป็นได้ทั้งคุณและโทษ อยู่ที่ความฉลาดกิน หรือไม่  และพืชผักเป็นอาหารที่ดี และเป็นยาที่ดี ...

ก็ทำไมไม่ทดลองด้วยวิธีธรรมชาติกันสักตั้ง

 

การออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายได้ปรับสมดุล และทำหน้าที่ได้สมบรูณ์ อีกประเด็น...

ให้หวลคิดถึงใครคนหนึ่งที่พยายามขับเคลื่อนการรักษาผู้ป่วยเบาหวาน

และการดูแลผู้เสี่ยงไม่ให้เป็นหรือเป็นเบาหวานช้าลงไปอีก...คิดถึงจังเลย

เพราะเขารู้ดีว่า..หากผู้ป่วยเบาหวานไม่ร่วมมือในการดูแลสุขภาพด้วยตนเองแล้ว

อย่าหวังว่าจะมียาวิเศษใดๆมาจัดการเบาหวานได้

คิดถึงเขา.....เขาทำให้ดู ให้เห็น และให้พิสูจน์ .....

และบอกว่า หากเมื่อไหร่ที่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวานจงกลับไปสู่ดินให้เร็วที่สุด

 

 

ผู้ป่วยทุกโรค ทุกคนมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง ผู้ป่วยเบาหวานก็มีจิตวิญญาณ มีความรัก และความเข้าใจที่เกิดจากความเป็นจริง

หากให้โอกาสพวกเขาได้ใคร่ครวญ และช่วยชี้นำทางด้วยโยนิโสมนสิการ ให้เกิดความตระหนักมากกว่าการสร้างความตระหนก

ก็เป็นอีกขั้นหนึ่งของการให้ผู้ป่วยเบาหวานได้หันมาคิดพิจารณาเห็นจริง ยอมรับ และปรับแก้...เปลี่ยนพฤติกรรามตนเอง

ไม่ต้องเอาอะไรมาล่อหลอก ไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณของรัฐ ไม่ต้องสูญเสียงบดุลในการสั่งซื้อยาจากต่างประเทศ

แล้วปล่อยให้ต่างประเทศเข้ามาเรียนรู้พืชสมุนไพรไทย เอากลับไปทดลองค้นคว้าจนได้ของดีไปบริโภค..จดลิขสิทธิ์

และส่งกลับมาขายเจ้าของประเทศที่ปลูก หรือมีพืชสมุนไพรนั้น..ซึ่งมันทำให้รู้สึกช้ำอะไรอย่างนี้.....

 

คนธรรมดาทั่วไปที่ไม่เคยสงสัยว่าตัวเองเป็นเบาหวาน.....ก็จะรับรู้ถึงความรู้สึกของการเกิดภัยเงียบ จึงมักจะร้องดังๆ

ไม่จริ๊ง ไม่จริง ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ และหมดทางเลี่ยง ไม่กล้าปฏิเสธเมื่อหมอวินิจฉัย และกำหนดการรักษาอย่างต่อเนื่องด้วยการกินยา

กระบวนการทำงานหนักของตับไตได้เริ่มขึ้นแล้ว และทวีความรุนแรงมากขึ้น หากไม่เร่งรีบเรียนรู้โรคที่เป็น

และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการสร้าง..ปรับสมดุลในร่างกายให้เกิดขึ้นโดยเร็ว

ดีกว่าไหม กับการที่......เมื่อ.......รู้ตัวปุ๊ป ถูกจับกินยาปั๊บ

น่าเสียดาย....................

ไม่โชคดีเลยที่ไม่มีทางเลือก.......ไม่มีโอกาสเรียนรู้โรคเบาหวานด้วยตัวเอง อย่างเข้าใจ

แต่ปัจจุบันไม่ต้องตกใจแล้วเพราะการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกในประเทศไทยมีมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมสูงขึ้น

มีหลายคนพบว่าตัวเองมีน้ำตาลในร่างกายลดลงเมื่อกินยา และเขาไม่อาจหยุดยาได้เลย ผลของการกินยาๆๆๆ

มีผลกระทบเกิดขึ้น ในระดับที่ต่างกัน และผู้ป่วยเบาหวานหลายคนได้หันมาเรียนรู้เบาหวานบทเฉพาะกาลของเขาเองมากขึ้นแล้ว

การได้หันกลับสู่ดินคือการนำพาวิถีชีวิต และจิตวิญญาณของความเป็นผู้รู้ ตื่น และเบิกบานมาฝึกปฏิบัติ สู่วิถีธรรมชาติที่แท้จริง

มีคนเคยบอกให้ฟังว่า ร่างกายนี้เปรียบเสมือน เป็นรถยนต์คันหนึ่ง มันคงไม่ต้องการเฉพาะน้ำมันเพื่อการขับเคลื่อนความเร็วเท่านั้น

รถยนต์ยังต้องการน้ำมันเครื่องเพื่อการหล่อลื่น และต้องการความเอาใจใส่จากผู้ที่ใช้มัน หรือผู้เป็นเจ้าของ

แล้วร่างกายคนเราหละ แม้เราไม่ใช้เครื่องยนต์ เรามีจิตวิญญาณ และมีความบอบบางเคียงคู่ความเข้มแข็ง

และสามารถมีปฏิกริยาโต้ตอบสิ่งปะทะได้อย่างรวดเร็ว..ไปเร็ว..มาเร็ว.. และหรือนิ่งไร้การโต้ตอบ.....

ไม่แสดงผล หรือไม่สะท้อนให้รู้...หากผลการเจ็บป่วยของผู้คนภายในประเทศ กระทบต่อความมั่นคงของชาติ เศรษฐกิจ

การพัฒนาทรัพยากรและความมั่นคงของมนุษย์ในประเทศและอื่นๆที่สัมพันธ์กัน และล้วนเกี่ยวพันธ์กัน

ต่างมีเหตุผลที่ทำให้รัฐต้องให้ความเอาใจใส่ต่อสุขภาพของประชาการในประเทศ

ที่นอกจากจะให้อยู่ดี กินดี และมีความสุขเพื่อการขับเคลื่อนไปสู่การพัฒนา

และเพื่อการลงทุนที่คุ้มค่าของรัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือแม้แต่ทุนนิยมแล้ว

คือการพิทักษ์อนาคตของคนไทย ให้พ้นภัยเบาหวาน

เพื่อให้ประชากรของประเทศมีความอยู่ดีกินดี มีสุขภาวะที่ดี

และขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีของประชากรเจ้าของประเทศ

มิใช่เพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มิเช่นนั้นแล้วความสุขของคนในประเทศจะเสียดุล..

จิตอาสาผู้ป่วยเบาหวานทั้งกลุ่มกินยา ซึ่งแยกเป็นกินยาแผนไทย แผนจีน แผนฝรั่งในโรงพยาบาล และกลุ่มกินพืชเป็นยา

ล้วนมีการออกกำลังกายที่แตกต่าง และต่างระดับการเผาผลาญ ต่างเวลา และลีลา ต่างอารมณ์ และความรู้สึก

ก็ได้มาร่วมเตรียมการสำหรับวันพรุ่งนี้ (14 พฤศจิกายน)ด้วยความตระหนักว่า

ไม่ต้องการให้เพื่อนพ้องน้องพี่คนไทยหรือคนต่างชาติมีโอกาสเผชิญหน้ากับเบาหวาน

เราจึงช่วยกันจัดเตรียมกิจกรรมเช่น แพ็คน้ำตาลใส่ช้อนจำนวนมากเพื่อจัดทำสื่อเปรียบเทียบปริมาณน้ำตาลที่กินเข้าไป

ผ่านทางเครื่องดื่มและอาหารของขบเคี้ยว หลากหลายชนิดที่ผู้ป่วยเบาหวาน และคนทั่วไปนิยมกินมากที่สุด 

ทั้งนี้จากการเฝ้าสังเกตการจับจ่ายซื้อของผู้คนที่เดินเข้าออกโรงพยาบาล และถือหรือหิ้วเข้ามาเป็นเวลานับสัปดาห์

และจากการสัมภาษณ์ผู้จำหน่ายว่าสินค้าอะไรขายดี เช่นน้ำดื่มประเภทไหนคนชอบซื้อกิน ทั้งนี้ไม่รวมที่ท ำกินเอง

พรุ่งนี้ลูกโป่งสีขาวจำนวนไม่มากนักตามงบที่พอหาได้ จักได้ร่วมรณรงค์ และชี้ชวนให้ผู้คนได้หันมามองสุขภาพตัวเอง

ด้วยกิจกรรมคัดกรอง....และอื่นๆ....ให้มากกว่าการมอบกายนี้ให้หมอเป็นผู้ดูแลหรือร้า่นยาเป็นผู้จัดยาให้กิน ..

....แต่เราทุกคนต้องเรียนรู้ และเลือกให้เป็น เลือกให้ถูกที่จะป้องกันตัวเองให้พ้นภัยเบาหวาน 

สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว ก็ต้องตระหนักในตนเองให้เป็นผู้มีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งในการดูแลสุขภาพตนเอง

เพื่อโอกาสของการใช้ชีวิตที่ดีมีคุณภาพและมีบุญไปนานๆ สร้างบุญสร้างกรรมดีกันไปนานๆ 

มาร่วมกัน "พิทักษ์อนาคตไทย พ้นภัยเบาหวาน"ด้วยกันเถิด เพราะทุกคนมีโอกาสเป็นเบาหวานนั่นเอง

และเมื่อนั้นย่อมหมายความว่า เราๆท่านๆต่างมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่ายและเร็วขึ้นนั่นเอง

ถ้าไม่รีบกลับคืนสู่วิถีธรรม(ะ)ชาติ

ขอบคุณเจ้าหน้าที่ ของโรงพยาบาลสมุทรสาครโดยเฉพาะ 2 ท่าน 

ที่เอาใจใส่ และร่วมมือกันจัดกิจกรรมให้ความรู้ สร้างความตระหนักในตนเอง

เพื่อการรณรงค์ เบาหวานโลก (14 พฤศจิกายน 2556)

ให้กับผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย เพื่อน พี่น้องผู้ป่วย ผู้เสี่ยง ด้วยความปรารถนาดี

ขอบคุณ พยาบาลญาดา ชัยกุลประเสริฐ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ปฐมภูมิ และทีมงานฝ่ายปฐมภูมิ

ขอบคุณพยาบาลสายฝน เชาว์ดีกรพันธุ์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ แผนกOPD ผู้ป่วยเบาหวานและทีมงาน

ขอบคุณจิตอาสาเพื่อนผู้ป่วยทุกท่าน และผู้ป่วยทุกท่านที่ตระหนักในคุณค่าของตนเอง และภัยของเบาหวาน

และขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติอ่านบันทึกนี้ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 553425เขียนเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2013 23:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2013 23:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
อัญชัญ ครุฑแก้ว

ขอบคุณที่แวะมาอ่าน รักษาสุขภาพนะคะ

ขอบคุณ ค่ะ  อ.นุ

ขอบคุณ อ.ชยพร แอคะรัตน์ ขอบคุณน้อง  สมาน เขียว และขอบคุณ ดร. พจนา แย้มนัยนา

รักษาสุขภาพ ห่างไกลเบาหวานนะคะ

 

ขออภัยคุณสนใจ 

สนใจ

บล็อกของครูต้อยไม่มีเจตนารมย์ให้เป็นที่โฆษณาอื่นใดแต่เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ และกิจกรรมดีๆเพื่อสังคม

ตามแนววิถีธรรม นะคะ ขอโทษด้วยค่ะ ที่ต้องแจ้งลบค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท