เมื่อคุณหมอวิทยา นาควัชระ ปรมาจารย์ทางด้านจิตแพทย์ของไทย
ได้วิเคราะห์ "ความเหงาที่เกิดจากเทคโนโลยียุคใหม่" เอาไว้อย่างน่าสนใจ
ดังนี้
นิสัยไม่ดีที่ทำให้คนยุคนี้...เหงาได้ง่าย
รู้จักความเหงากันแล้วใช่ไหม?
สมัยก่อนเวลาพูดถึงความเหงา เรามักจะนึกถึงคนแก่เกษียณแล้ว
ไม่มีงานทำ อยู่บ้านเฉย ๆ ลูกหลานไม่มาดูแล
ทำให้เหงาหรือนึกถึงคนที่ถูกคนรักทอดทิ้ง
ทั้งเหงาและเศร้าอะไรเทือกนั้น
แต่ยุคนี้ยุค IT ยุค Social Network ไม่เป็นอย่างนั้นหรอก
คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มีกิจกรรมเพียบทั้งงาน
ส่วนตัว กิจกรรม สังคม งานอดิเรก เล่นกีฬา มีแฟน (บางคนมีกิ๊กหลาย ๆ คน)
ต่างพกพาความเหงาเอาไว้เต็มอก และพร้อมจะระเบิดออกมาในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ...
ก้าวร้าว ชอบจับผิดคนอื่น ทำกิจกรรมที่แปลกแยก หรือต่อต้านสังคม
ขาดคุณธรรม สำส่อนทางเพศ เจ้าชู้ (ทั้งหญิงและชาย)
รวมทั้งพฤติกรรมที่จะมีตามมาในที่สุดคือ
รู้สึกโดดเดี่ยว ซึมเศร้า และอยากตาย ฆ่าตัวตาย
ผมเชื่อว่าความเหงาเป็นเรื่องของทัศนคติของมนุษย์ที่มีต่อตนเองที่ไม่เหมาะสมนัก
เป็นเรื่องที่เขารู้สึกแปลกแยกที่ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
สร้างสัมพันธภาพกับเพื่อนมนุษย์และสังคมได้ยาก
และที่สำคัญคือมีความบกพร่องในการปรับตัวให้เข้ากับมโนธรรม
ที่ควรมีในตัวเองกับสังคม ได้ยากเข้า
คนเหงามากเหงาน้อยขึ้นกับทัศนคติเหล่านี้ ที่จะหล่อหลอมจนเป็นนิสัย
และเป็นสันดานที่แก้ไขได้ยากที่สุด
ลองมารู้จักนิสัยไม่ดีที่ทำให้คนรุ่นนี้เหงาได้ง่าย ๆ ดูซิ
1. คิดเก่ง - วางแผนได้มาก แต่ขาดความรู้สึกและทัศนคติที่ดีและลึกซึ้ง
คนเหล่านี้มักมี IQ สูง เรียนเก่ง วางแผนทำงานได้ดี แต่ขาดความลึกซึ้งในจิตใจ ขาดอารมณ์และจิตสำนึกที่ดี พวกนี้จะสนใจวิทยาการสมัยใหม่ เช่น อุปกรณ์สื่อสาร คอมพิวเตอร์ เรียนรู้ได้เร็วแต่ไม่ลึกซึ้งกับความรู้สึกของเพื่อนมนุษย์ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับมนุษย์อื่น ๆ ได้ยาก จึงกลายเป็นคนที่แลดูฉลาดแต่เปลือกนอก แต่เหมือนขาดวิญญาณของความเป็นมนุษย์ วัน ๆ เอาแต่นั่งหน้าจอคอมพ์ เล่นเกมส์ หรือหาทางสื่อสัมพันธ์แบบหลวม ๆ หรือไม่จริงใจกับคนในระบบสื่อสารใหม่ ๆ โดยไม่สนใจ "ความรู้สึก" จริง ๆ ทั้งของตนเองและคนอื่น
แลดูเหมือนโกหกตัวเองและคนอื่นตั้งแต่เริ่มรู้จัก แล้วจะลึกซึ้งกับใคร ๆ ได้เล่า เมื่อไม่มีความสัมพันธ์กับใครที่ลึกซึ้งก็เหงาได้ง่ายแน่ ๆ
2. ไม่สนใจคุณธรรม
มักไม่มีคุณธรรมด้วย เพราะคิดว่าคุณธรรมเป็นเรื่องจับต้องไม่ได้ ไม่เกิดประโยชน์ในปัจจุบัน พวกนี้จึงขาดหลักยึดในใจในการดำเนินชีวิต
คนรุ่นใหม่ไม่สนใจเรื่องกตัญญูกตเวที อาจจะพูดถึงเพื่อจะได้แลดูเท่ ๆ มีบางคนพูดถึงพ่อแม่ที่เขารำคาญเพราะพูดกันคนละรสนิยม เขาบอกว่า จะมีแค่เมตตากับอุเบกขากับพ่อแม่ก็พอแล้ว
ไม่พอหรอกหนูเอ๋ย... กับพ่อแม่ต้องกตัญญู + กตเวทีนะ ไม่เช่นนั้นเขาถือว่าเป็นคนเนรคุณ พ่อแม่เคยดูแลช่วยเหลือมาตั้งแต่เด็ก พอลูกโตขึ้นจะทำแค่เมตตา + อุเบกขานั่นน่ะถือว่าเอาตัวรอด หนีความรับผิดชอบ ไม่ดูแลพ่อแม่ เพราะแก่แล้ว น่าเบื่อ ไม่ต้องพึ่งแล้ว จึงหวังว่าจะทำแค่เมตตาและอุเบกขาจะได้ไม่ต้องลำบาก และแลดูเก๋ดีด้วย
พวกนี้จะเหงาในอนาคต เพราะส่วนลึกของจิตใจขาดที่พึ่งและมโนธรรม
3. เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง (Self Center)
เป็นกันมากล้วนแต่คิดถึงแต่ตัวเอง และคิดแบบฟุ้งซ่าน ฟุ้งเฟ้อ อยากรวย-สวย-หล่อ-เก่ง-ดัง เร็ว ๆ ด้วย มักประเมินตัวเองสูงไป เมื่อไม่ได้ดังใจนึกก็ผิดหวัง จะโทษคนอื่นและสังคมและโกรธตัวเองในที่สุด
พวกนี้จะสะเทือนใจง่ายถ้าผิดหวัง ทนความทุกข์ไม่ได้ มักติดยา แอลกอฮอล์ หรือทำผิดได้ง่าย มักเป็นคนอ่อนแอและอ่อนไหว รักและพัฒนาตัวเองไม่เป็น มักเกลียดตัวเองและโกรธคนอื่น
แล้วจะไม่เหงาได้อย่างไร?
4. ขาดความอดทน
ด้วยความที่เคยชินต่อความสะดวก สบายในการใช้เครื่องมือสื่อสาร และมีพ่อแม่คอยตามใจ จึงไม่มีความอดทน ทนความทุกข์และผิดหวังได้ยาก เวลาไม่พอใจอะไรก็เปลี่ยน... เหมือนเปลี่ยน window ในหน้าจอคอมพ์ พวกนี้จึงเปลี่ยนงาน เพื่อน คนรัก กิจกรรมต่าง ๆ บ่อยมาก ทำให้ขาดมิตรแท้ เกิดศัตรูได้ง่าย
แล้วจะหา "อะไร" ที่มาลงตัวทำให้คุณไม่เบื่อได้เล่า?
5. ประเมินตัวเองเกินความจริง
คนรุ่นนี้จะประเมินตัวเองสูงไป คาดหวังสูง เมื่อไม่ได้ก็ผิดหวังแล้วโทษตัวเอง+สิ่งแวดล้อม ทำให้โกรธเกลียดตัวเอง
คนรุ่นก่อนมักเหงาเพราะประเมินตัวเองต่ำไป...คนละยุคครับ
6. ขาดสมาธิ
เพราะมักชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน เช่น การเปิดวินโดว์หลาย ๆ อันในหน้าจอคอมพ์เพื่อทำงานหรือสนุกสนานเพลิดเพลินในเวลาเดียวกัน ทำให้มีสมาธิสั้น เมื่อไม่ถูกใจก็กดเปลี่ยนช่องไป จึงชอบแสวงหาชนิดไม่มีวันหยุด
หรือเมื่ออยู่กับเพื่อนก็สนใจติดต่อกับคนอื่นทางเครื่องมือ Social Network ไม่สนใจคนนั่งตรงหน้า บางคนกินข้าวกับผู้ใหญ่ในร้านอาหารก็ถ่ายรูปอาหารส่งไปให้เพื่อน ไม่สนใจคนที่อยู่ด้วยถือว่าเป็นแฟชั่น...แต่น่าสมเพชมากกว่า
สิ่งเหล่านี้ทำให้ขาดสติ-สมาธิ-ปัญญา และเหงาได้มากในที่สุด
7. กลัวการแพ้-กลัวการเสียหน้า
แม้เหงาก็ไม่ยอมรับว่าเหงา คิดถึงคนก็ไม่กล้าบอกเขาว่าคิดถึง ขอโทษไม่เป็น ขอบคุณใครก็พูดไม่ได้
มี ego มาก และเป็น ego เทียม ๆ ด้วย
8. แบ่งปันไม่เป็น
ชอบเป็นผู้รับ ให้คนอื่นไม่เป็น อยากเอาชนะทุกรูปแบบ ถ้าจะให้คนอื่นก็หวังผลตอบแทนที่มากกว่า เมื่อได้แล้วก็ลืมบุญคุณ เพราะขาดวิสัยทัศน์เรื่องคุณธรรมไง
แล้วใครจะชอบเขา! แล้วเขาจะชอบใครได้? ก็เป็นโดดเดี่ยวที่ไม่น่ารักต่อไป
ลักษณะของคนที่เหงาได้ง่ายนี้บางคนมีอย่างเดียว บางคนมีครบทุกอย่าง บางคนบอกว่าไม่มีสักข้อ แต่ยังเหงาอยู่ ก็อาจเป็นพวกประเมินตัวเองสูงหรือกลัวการเสียหน้าก็ได้
ในโลกของคนยุคไอทีใหม่ที่การสื่อสารทาง Social Media กำลังเฟื่องนี้
คนจะเหงามาก ขาดความรัก มิตรภาพ ขาดคุณธรรม
(มีแต่เซ็กซ์ + ความสะดวกสบาย + เทคโนโลยีสมัยใหม่)
แลดูเหมือนคนฉลาดแต่เอาตัวไม่รอด จะมีคนที่ก้าวร้าว
ขาดคุณธรรมและอยากตายหรือฆ่าตัวตายมากขึ้น
และสังคมจะมีคนด้อยคุณภาพมากขึ้นในอนาคต
เขียนไว้ให้อ่านเฉย ๆ
ใครจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อก็ได้
แล้วคอยดูกันต่อไป
.................................................................................................................................................
เมื่อเราเติบโตอยู่ในยุคนี้
นั่นเป็นหน้าที่ที่เราต้องรีบหันมามองตัวเอง
ว่าเรา ... เป็นคนลักษณะไหนไหม
หากเป็น ต้องรีบแก้ไข
เพื่อความสุขใจของตัวเอง
และคนรอบข้างที่รักเรา
บุญรักษา ทุกท่าน ;)...
................................................................................................................................................
ขอบคุณหนังสือดี ๆ ...
วิทยา นาควัชระ. ตอบโจทย์ชีวิต. กรุงเทพฯ : อมรินทร์, ๒๕๕๖.
"เป็น..ความเคยชิน..ที่ล้างไม่ได้..ซ้ะเล่ว..เจ้าค่า..มัน..อยู่..ทุกซอกทุกมุม"..อิอิ.."ของร่างกายและ..จิตใจ"..ก็เห็นท่านว่า.".กินอะไร..มัน..ก็เป็นอย่างนั้น..น่ะ..เจ้าค่ะ.." (อดีต)ท่าน..คเวสโกก็กล่าวไว้..ในหนังสือว่า.."ขี้..ตัวเองเหม็น..ก็ไม่เป็นไร..อ้ะะะ"..ปัญหาคงอยู่ตรงนี้..อิอิ...
เหมือนหนอนที่อยู่ในถังคูดด้วยใช่ไหมครับ คุณ ยายธี 555
ขอบคุณมากครับ ;)...
ขอบคุณบันทึกเตือนสติ
....นะคะ
เชื่อตามนี้ ครับ อาจารย์
ขอบคุณมากครับ ท่าน ผอ.ชยันต์ เพชรศรีจันทร์ ;)...