.
ภาพที่ 1: แสดงระดับฮอร์โมนคอร์ทิซอว (cortisol) = ฮอร์โมนสเตอรอยด์ที่ตอบสนองต่อความเครียด
.
ฮอร์โมนนี้มีระดับสูงสุดประมาณ 8.00-9.00 นาฬิกา, ต่ำสุดประมาณเที่ยงคืน
ช่วงที่ระดับฮอร์โมนสูง, คนเรามีแนวโน้มจะตื่นตัว กระฉับกระเฉง (ช่วงเช้า)
.
.
ภาพที่ 2: ระดับฮอร์โมนคอร์ทิซอว (cortisol) = ฮอร์โมนสเตอรอยด์ที่ตอบสนองต่อความเครียด
.
ดร.จอฮ์น ทาเฟว อธิบายว่า ฮอร์โมนนี้มีระดับสูงสุดประมาณ 8.00-9.00 น.
และจะเพิ่มหลังกินอาหาร โดยเฉพาะมื้อหลัก (เช้า-เที่ยง-เย็น) จะสูงกว่ามื้อรอง (อาหารว่างสาย-บ่าย)
.
หลักการกินอาหารเพื่อสุขภาพ คือ หนักมื้อเช้า รองลงไปเป็นมื้อเย็น มื้อเที่ยงตามลำดับ
การกินอาหารให้ตรงเวลาในช่วงกลางวัน (เช่น อาหารว่างมื้อสาย-บ่าย ฯลฯ) จะทำให้ระดับฮอร์โมนฝ่าย "กระตุ้น" นี้ไม่ต่ำลงไปมาก ทำให้ความรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อย ล้า ง่วงซึม ลดลง
.
ช่วงกลางคืน ไม่ควรกินอาหารมื้อใหญ่ เพราะจะทำให้ระดับฮอร์โมนฝ่าย "กระตุ้น" สูงขึ้น
ทำให้ตื่นตัว หลับยาก นอนไม่หลับ หรือหลับๆ ตื่นๆ
.
การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า คนเรามีนาฬิกาชีวิต หรือนาฬิกาชีววิทยาที่ทำงานตามเวลากลางวัน-กลางคืน, ตื่น-หลับ
การใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับจังหวะของนาฬิกาชีวิต มักจะดีกับสุขภาพ
.
อ.สตีเฟน มิลเลอร์ นักศึกษาปริญญาเอกในสหรัฐฯ ทำการศึกษาใหม่พบว่า เวลาที่เหมาะกับการดื่มกาแฟ-ชา หรืออาหาร-เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เช่น โกโก้ ชอคโกแล็ต ฯลฯ ไม่น่าจะเป็นเวลาเช้ามากๆ เช่น หลังตื่นนอนใหม่ๆ ฯลฯ
กลไกที่เป็นไปได้ คือ ระดับฮอร์โมนสเตอรอยด์ หรือคอร์ทิซอว (cortisol) ที่ตอบสนองต่อความเครียด มีผลต่อระดับความตื่นตัว (alertness) ของคนเรา
.
ฮอร์โมนนี้มักจะมีระดับสูงสุดในตอนเช้า = 8.00-9.00 นาฬิกา
ระดับฮอร์โมนคอร์ทิซอว (cortisol) ที่สูงทำให้คนเราตื่นตัว กระฉับกระเฉงมากกว่าระดับฮอร์โมนที่ต่ำ
.
หลักการหนึ่งของการใช้ยาที่ดี คือ ใช้เฉพาะที่จำเป็น
การใช้ยาหรือสารกระตุ้นมากเกินจำเป็น เพิ่มเสี่ยงการดื้อยา หรือทำให้สารกระตุ้นทำงานได้น้อยลง = ไม่ค่อยได้ผลดี
.
ทางเลือกที่น่าจะดี คือ กินกาเฟอีนเข้าไปในช่วงที่ระดับคอร์ทิซอวลดต่ำลง
ช่วงดังกล่าว คือ 9.30-11.30 นาฬิกา
.
ตรงนั้น... จะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนคอร์ทิซอวลดต่ำลง
คนเราเริ่มอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หรือกระฉับกระเฉงน้อยลง
.
ฮอร์โมนฝ่าย "กระตุ้น" หรือคอร์ทิซอว มักจะสูงเป็นช่วงๆ ตรงกับมื้ออาหารหลัก (เช้า - เที่ยง - เย็น)
คือ 8.00-9.00, 12.00-13.00, 5.30-6.30 นาฬิกา
.
ถ้ากินอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนหลังมื้ออาหารหลักไปหน่อย
น่าจะช่วยลดความรู้สึกง่วงเหงา หาวนอน อ่อนเพลีย หรือเหนื่อยล้าได้ดี
.
ทีนี้ถ้าต้องการให้กระฉับกระเฉงแต่เช้า
ให้ออกไปรับแสงแดดอ่อนกลางแจ้ง ตอนเช้า-เย็น จะช่วยให้นาฬิกาชีวิตทำงานได้ดีขึ้น
.
ถ้ารู้สึกอ่อนเพลียตอนกลางวัน
ให้อยู่ในร่ม และมองไปทางท้องฟ้ากว้างๆ สักครู่ จะกระตุ้นความรู้สึกตื่นตัวได้เช่นกัน
.
ข้อควรระวังของเครื่องดื่ม-อาหารที่มีกาเฟอีน เช่น เครื่องดื่มกระตุ้นกำลัง ฯลฯ คือ
.
อันตรายแบบสุดๆ ที่แฝงเร้นมากับกาเฟอีนได้แก่
(1). กาแฟเย็น ชาเย็น ไมโลเย็น โอวัลตินเย็นแบบชงขาย > ใส่น้ำตาล 6-12 ช้อนชา
มากพอที่จะเพิ่มเสี่ยงไขมันเกาะตับ ไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง อ้วนลงพุง เบาหวาน ความดันเลือดสูงได้ในระยะยาว
(2). ครีมเทียม > มีไขมันทรานส์ 0.1-0.7 กรัม
ไขมันทรานส์ เพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL), ลดโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL), มีอันตรายประมาณ 10 เท่าของไขมันอิ่มตัวในขนาดเท่าๆ กัน
.
การชงกาแฟเอง (เพื่อลดน้ำตาล), ใช้น้ำตาลเทียม หรือน้ำตาลผสมน้ำตาลเทียมอย่างละ 1/2 เช่น ไลท์ ชูการ์ ฯลฯ, ใช้นมไร้ไขมัน นมไขมันต่ำ หรือนมถั่วเหลือง (ชนิดผสมงาดำมักจะมีกลิ่นถั่วน้อยลงมาก) น่าจะปลอดภัยกว่ากาแฟซื้อมากมาย
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.
Thank The Executive Living > http://www.theaustralian.com.au/executive-living/food-drink/wake-up-and-postpone-the-coffee/story-e6frg8jo-1226754794179
Thank Pubmed > http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/9777576
Thank BusinessInsider > http://www.businessinsider.com/5-foods-that-will-change-when-trans-fats-are-banned-2013-11
ไม่มีความเห็น