หนูเดินออกมาจากสำนักแม่ชีแบบเร่งด่วน เพราะได้เวลามื้อเย็นของเด็ก ๆ แล้ว
ทันเห็นองค์หลวงปู่ประสาร
จากที่ท่านนั่งอยู่เก้าอี้หน้าศาลา 4
ท่านลุกจากเก้าอี้ เดินอย่างคล่องแคล่วแบบไม่มีพระอุปฐากคอยประคอง
ท่านเมตตาหันมามอง แล้วก็เข้าไปทักทาย
พูดคุยกับเด็ก ๆ ท่านเมตตานับจำนวนเด็กว่ามีกี่คน
เป็นบรรยากาศที่เด็ก ๆ ทานไป อิ่มสุขกันไป
หลวงปู่เมตตาถามว่าทานอะไร แม่ออกตอบว่า "สุกี้"
ท่านยิ้มแล้วก็เปรยว่า "นึกว่าแกงเส้น"
ใต้บารมีขององค์หลวงปู่ประสาร
ทั้งพระอาจารย์ต้อ แม่ครูกะปุ๋ม แม่นางและพี่ขนิตฐา
ดำเนินโครงการนี้ต่อเนื่องทุกอาทิตย์มาเป็นอาทิตย์ที่ 8 แล้ว
เด็ก ๆ เปลี่ยนไปมาก นิ่งมากขึ้น
แม้บางทีจะแก่นเซี้ยวตามวัย แต่เมื่อใด เวลาไหน
ที่ควรจะสำรวม เด็ก ๆ จะค่อนข้างสงบ แบบรู้กาละเทศะ
สำหรับโครงการนี้แม่ครูกะปุ๋ม เป็นแีรงหลักที่ดึงใจเด็ก ๆ
ที่แต่ละคนมีที่มาที่แทบจะเรียกว่า "คาดไม่ถึง"
แต่ท่านก็ทำได้สำเร็จอย่างยอดเยี่ยม
เด็กแสนแก่นเซี้ยว นิ่งได้ขนาดนี้
ที่ลานธรรมรับข้าวตอนเช้า เพราะเด็ก ๆ จะได้รับการบ่มเพาะนิสัย รับข้าวต่อพระ
ภาชนะคือ กะละมังสแตนเลดใบพอเหมาะ จาน ช้อน
เด็กจะตักอาหารจากถาด หรือ หม้อกับข้าว ที่ญาติ โยมนำมาถวายพระ
ทุกอย่างก็จะลงรวมกัน เด็ก ๆ ทานได้สงบ สำรวม และนิ่งมาก
แตกต่างจากปกติที่แก่นเซี้ยว
น่าทึ่งอยู่นะ กับสิ่งที่แม่ครู พระอาจารย์ต้อ แม่นาง ทำ
พลิกฟื้นจิตใจเด็ก ๆ ให้เห็นคุณค่าของ ศีลธรรม และสิ่งที่เหมาะ ที่ควร
ท่ามกลาง โลก ที่วุ่นวายและศีลธรรมเริ่มจะเสื่อมโทรมเช่นนี้
ใครไม่เห็น แต่หนูก็เชื่อว่า
ผู้มีตาใจที่งดงามนั้นก็เห็น
ภาพที่ประจักษ์ เด็ก ๆ เต็มเปี่ยมได้ด้วยพลังแห้่งความสุข
ใครจะว่าอย่างไร ก็เป็น บาปกรรมของเขา
แต่การที่เด็ก ๆ ดีขึ้น ๆ
ความสุขในชีวิตเขาถูกแต่งแต้ม
เชื่อได้เลยว่า จิตใจเด็ก ๆ ได้รับการเยียวยา และก็ได้รับวัคซีนชีวิตไปพร้อม ๆ กัน
อนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ
ไม่มีความเห็น