เรื่องเล่า...แอน


เรื่องเล่าจาก… แอน พรไพรินทร์ นักเรียนชั้น ม.3/1

         ในวันนำเสนอความคือหน้าของโครงงานนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ดิฉันได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ร่วมประเมินความก้าวหน้าของโครงงานเพื่อนๆ… ก่อนวันจะถึงวันประเมินความก้าวหน้า ดิฉันคิดว่าดิฉันจะไม่สามารถทำได้ จะไม่สามารถอธิบายและแนะนำเพื่อนๆได้ จึงแอบกลัวๆนิดๆ แล้ววันนั้นก็มาถึง กลุ่มแรกที่เดินเข้ามาคือกลุ่ม มะนาวลอยน้ำ ซึ่งเป็นกลุ่มของเพื่อนสนิทดิฉันเอง คิดใจใจว่าสิ่งแรกที่ควรถามคืออะไร แล้วก็ถามออกไปว่า กลุ่มทำไรค่ะ และก็ได้คำตอบ ดิฉันพยายามตั้งใจฟัง รับฟังเขาอธิบายและทำความเข้าใจงานของเขา หลังจากรับฟังเพื่อนอธิบายงานที่เขาทำก็สามารถรับรู้ถึงวัตถุประสงค์ ความเป็นมาที่และเป้าหมายที่เขาวางเอาไว้ จนได้รู้ว่าการทำงานของกลุ่มนี้มีปัญหาเอาอยู่มากเพราะคนในกลุ่มยังไม่รู้ข้อมูลเชิงลึก ยังไม่ศึกษาโดยถี่ถ้วน และก็มีปัญหาในกลุ่มกันเอง ดิฉันก็พยายามอธิบายและแนะนำเพื่อให้เขารู้ว่า “ปัญหาไม่ใช่อุปสรรคสุดท้ายที่จะต้องเจอ มองปัญหาเหมือนบทเรียนหนึ่งที่เราต้องผ่านพ้นไป แล้วก็จะได้สิ่งดีๆจากบทเรียนนั้น” เหมือนที่ครูคอยบอกว่าปัญหาและอุปสรรคคือบทเรียนที่ดีที่สุด และก็ได้รู้ว่าเขาก็คิดเหมือนเรา ดิฉันถามเขาว่าปัญหาที่พบหนักเกินไปไหม พอที่จะรับไหวไหม พอที่ทุกคนจะเดินผ่านและทำให้ปัญหากลายเป็นบทเรียนที่ดีที่สุดได้ไหม โดยได้รับคำตอบของกลุ่มนี้ว่า กลุ่มนี้ตอบว่า “เดินมาถึงขนาดนี้แล้วถ้าไม่เดินต่อก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว” แล้วดิฉันก็บอกเพื่อนๆว่าการที่ทำงานเป็นกลุ่มเราก็ต้องก้าวและเดินไปพร้อมๆกัน และอุปสรรคและปัญหามันก็จะผ่านพ้นไปเอง จึงทำให้ดิฉันรู้ว่าการที่เราจะสามารถอธิบายบางอย่างและรับฟังเราปัญหาของผู้อื่นเราต้องใช้ความใจเย็น รับฟังจากทุกคน เราต้องเริมที่ตัวเราเสียก่อน ลองคิดเอาใจเขามาใส่ใจเรา จึงจะสามารถเป็นผู้ที่สามารถอธิบายเหตุผลและอธิบายแนะนำผู้อื่นได้และการที่จะอธิบายนั้นเราก็ต้องใช้ถ้อยคำที่อ่อนน้อม ใช้ถ้อยคำที่สุภาพเป็นกันเองมากที่สุด พยายามวิเคราะห์ปัญหาให้เป็นกลางที่สุดว่าเราจะแนะนำยังไง สิ่งที่ทำให้ดิฉันสามารถได้คือก่อนที่จะถึงวันประเมินความคืบหน้า พ่อดิฉันก็รับรู้เรื่องนี้โดยที่ดิฉันเป็นคนบอกท่านเอง พ่อก็บอกว่า “ทุกคนตอนนี้อยู่ในช่วงวัยรุ่นวัยที่กำลังจะทำตัวเองให้เด่น ให้เป็นที่สนใจ ให้คิดให้ดีๆว่าการที่เราจะไปอยู่ในจุดนั้นมันเหมาะสม มันเกินตัวไหม (พ่อถาม) พ่อบอกต่อว่าความคิดของคนไม่เหมือนกันเราอาจจะคิดอีกอย่างหนึ่งแต่คนอื่นอาจจะไม่คิดเหมือนเรา คนเรามีคนรักก็ย่อมมีคนไม่รัก การที่เราจะไปถามเขานั้นเราจะต้องคิดด้วยว่าสิ่งที่เราจะถามไปจะพูดไปถ้อยคำเหมาะสมไหม เพราะคนบางคนเขาอาจจะคิดว่าเราทำอะไรเกินตัว ทำตัวเหนือคนอื่น” คำที่พ่อบอกก็อยู่ในจิตใต้สำนึกตลอดเวลา แล้วเป็นสิ่งที่เตือนใจด้วยว่า เราต้องทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตน ซักถามด้วยความเป็นกันเองมากที่สุด และเราก็จะได้รับสิ่งตอบแทนที่ดีและไม่เป็นภัยกับตัวเรา ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้เกิดการเรียนรู้หลายอย่างมาก ได้รู้การรับฟังความคิดความเข้าใจและเหตุผลของผู้อื่น ได้รู้จักการวิเคราะห์ปัญหา สามารถเข้าใจและเรียนรู้ทุกปัญหาของเพื่อนๆได้ สามารถแนะนำและอธิบายแนวทางการแก้ปัญหา โดยอยู่บนความเชื่อมันและเป็นกลางที่สุด….. “ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ถ้าเรา ทำด้วย ใจ” เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่ท้อ…..แอน ^_^

หมายเลขบันทึก: 552296เขียนเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2013 09:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2013 11:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท