วันนี้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชายวัยรุ่นคนนั้นที่ห้องแยก...สภาพเธอที่เห็น นอนแผ่หลา สายตาเหม่อลอย หนวดเครารกรุงรัง...พอเข้าไปถึงตัวเธอก็ตื่นลืมตาแบบไม่มีเรี่ยวแรง...คำแรกที่เค้าเรียก "พี่เข็ม" น้ำเสียงและแววตาเธอน่าสงสารมาก...รู้สึกได้เลยว่า เค้ารอเราอยู่...รออย่างมีความหวัง...เราไม่ลังเลที่จะถามสารทุกข์สุกดิบ...
การเจรจาครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นใหม่ทุกอย่าง ครั้งนี้กับครั้งก่อนครั้งไหนสาหัสกว่ากัน สองครั้งที่เราล้ม ครั้งไหนเป็นบทเรียนที่ควรจดจำที่สุด...เธอรีบตอบว่า ไม่มีครั้งไหนที่น่าจดจำเลย ไม่อยากจำด้วย ครั้งนี้สาหัสที่สุด เพราะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรเลย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงต้องอยู่สภาพแบบนี้ ...เราถามคำเดียวว่า "สู้มั๊ย" สู้ครับ เธอตอบแบบยังไม่ทันตั้งตัว..ถ้ายังสู้พี่จะดูแลเราเต็มที่ พี่ก็จะสู้และดูแลจนถึงที่สุด แต่เราต้องดูแลและช่วยเหลือตัวเองก่อน เพราะไม่มีใครช่วยเราได้เลยสักคน (ที่ผ่านมา)...สำคัญสุดเราต้องกินยาให้ตรงเวลาและสม่ำเสมอ
...ครับ..บทเรียนชีวิตที่ผ่านมามันสอนผมแล้ว..สอนแล้วว่าควรทำอย่างไรต่อ และเราไม่ควรทำอะไร...
..พี่เชื่อในสิ่งที่เราพูด พี่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ อีกไม่กี่วันจะผ่านไป และพี่เชื่อว่าเราทำได้...ต้นไม่ที่ผลัดใบ สักวันจะออกยอดที่สวยงามและแตกกิ่งก้านให้ร่มเงา...
...ความหวังของพี่เลี้ยงคือ ให้อาการดีขึ้นช่วยเหลือตัวเองได้ และไม่ตายในวัยก่อน อันควร..
..ความหวังของของเด็กวัยรุ่นคนนั้น เพียงเพื่อให้เค้ามีชีวิตรอดช่วยเหลือตัวเองได้ ก็พอแล้ว
..ครั้งนี้เริ่มต้นแล้วกับอีกหนึ่งชีวิต ที่จะเป็นบทเรียนบทต่อไปที่เราต้องหมั่นศึกษาตำรา บางครั้งอาจจะต้องพึ่งอาจารย์ที่ปรึกษา..และเครือข่ายการทำงานเอดส์ของเรา..
...โปรดติดตามตอนต่อไป เรื่องราวดีๆจากเด็กวัยรุ่นคนนี้ เธอจะมีอนาคตเป็นอย่างไร ในระยะเวลาที่เรากำหนดไว้...
เคยสงสัยว่าต่างประเทศผู้ป่วยโรคเอดส์มีจำนวนลดลง...ในขณะที่ประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นนะคะ
ขอบคุณอาจารย์ที่ติดตามค่ะ...ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่ มีทุกเดือน..ส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับตัวเองและไม่กล้สเปิดเผยตัวเอง..มาอีกทีก็ปล่อยให้มีอาการแล้วค่ะ..