เมื่อลูกชายอายุ 3 ขวบกว่าไม่พูด พ่อแม่เริ่มกังวล
วันนี้ได้มีโอกาสไปหาเด็กชายปอน ปอน [นามสมมติ] และครอบครัว อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองสามหมอก (จังหวัดแม่ฮ่องสอน) น้องอายุ 3 ขวบกว่าแต่ยังพูดได้น้อย บอกความต้องการสั้นๆ เมื่อเปรียบเเทียบกับพี่ชายคนโตที่พูดได้ตั้งแต่ยังไม่ 2 ขวบดี ทำให้ผู้เป็นพ่อแม่รู้สึกได้ว่าพัฒนาการและความสามารถของเด็กมีปัญหาแน่ๆ จึงไปพบแพทย์ และเข้ารับการตรวจและเข้ารับบริการแบบกลุ่มที่สถาบันแห่งหน่ึงในจังหวัดเชียงใหม่
หลังจากข้ารับบริการและได้รับคำแนะนำจากคุณหมอ คุณพ่อเริ่มจัดหาของเล่นและแผ่นภาพให้เด็กดู โดยเริ่มจากภาพสัตว์ และผลไม้ และผลไม้ของเล่น 3 มิติ เมื่อไปถึงเด็กร่าเริง มีการแสดงกลัวเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือไม่ให้ความร่วมมือ เด็กเรื่มบอกชื่อผลไม้ตามที่พ่อสอนได้ แต่ยังบอกสีไม่ได้
เมื่อประเมินความสามารถพบว่า เด็กมีพัฒนาการสงสัยล่าช้า โดยเฉพาะด้านภาษาและการสื่อสาร กล้ามเนื้อมัดเล็กและการปรับตัว ซึ่งปัญหา 2 ด้านนี้มักเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเด็กที่อยู่ชานเมือง ประเมินการฟังคำสั่ง การมองหน้าสบตา เด็กไม่มีสัญญาณของภาวะออทิสติก แต่เด็กอยู่ไม่นิ่ง ซน อาจจะเข้าข่ายเด็กกลุ่มสมาธิสั้น/อยู่ไม่นิ่งมากกว่า ซึ่งก็นับว่าพยากรณ์ของกลุ่มอาการนี้ก็อยู่ในแนวทางที่ดี ดังนั้น เมื่อคุยกับคุณพ่อแล้วพบว่า อีก 2 เดือนจึงจะไปพบคุณหมออีกครั้ง จึงได้แนะนำโปรแกรมการฝึกที่บ้าน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เศรษฐานะของครอบครัว บุคคลรอบข้าง สื่อที่ใช้ในชุมชน โดยวางแผนร่วมกันกับคุณพ่อคุณแม่ว่าจะฝึกลูกได้อย่างไร อะไรสงสัยก็ถามทันที โดยอันดับแรก ต้องเพิ่มคำศัพท์หรือเพิ่มความรู้ความเข้าใจให้เด็กก่อน ก่อนที่เด็กจะพูดได้ เด็กจะมีการรับข้อมูลเข้ามาก่อน แล้วจึงพูดออกมา ต่อมาคือการเพิ่มการออกกำลังกายที่มีเป้าหมายหรือการเล่นแบบบูรณาการประสาทสัมผัส ทั้งการวิ่ง ปั่นจักรยาน การเล่นทรายที่วัด การวิ่งเล่นในหมู่บ้าน ซึ่งช่วยลดภาวะที่เด็กซน อยู่ไม่นิ่งซึ่งเป็นอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้เด็กไม่สามารถรับข้อมูลและพูดสื่อสาร อันดับสุดท้ายคือการฝึกในชีวิตประจำวัน การเรียกชื่อสิ่งของที่ต้องการ การนั่งรับประทานอาหาร การเทน้ำดื่มเอง การขอนมกล่องจากพ่อแม่ โดยให้พ่อแม่สร้างอุปสรรคให้เด็กบ้าง เพื่อกระตุ้นให้เด็กมีการสื่อสาร เช่น ขอนม เก็บกระเป๋าให้หน่อย เป็นต้น โปรแกรมเล็กๆ นี้ทำให้คุณพ่อเห็นแนวทางในการจะฝึกลูกด้วยตนเอง งดการดูทีวี และเล่นเกมในมือถือ/คอมพิวเตอร์ ชวนพี่ชายมาสอนน้อง และลดความวิตกกังวลลง แม่เล่าว่า "หาหมอผี หาพระ เอากบ/เขียดมาตบปากล่ะ ทำมาหมดล่ะ แต่ก้อยังไม่ค่อยพูดเหมือนเดิม" คำแนะนำจากนักกิจกรรมบำบัดในวันนี้หวังว่าน้องปอน ปอน ของเราจะคุยเก่งขึ้นในครั้งหน้าที่พบกันนะ
ไปแม่ฮ่องสอนครั้งนี้ยังเขียวเหมือนเดิม แม้บางครั้งจะรู้สึกว่านาขั้นบันได ไร่ข้าวโพดจะมีมากขึ้น แต่ยังไงเสียก็ขอให้มีพื้นที่ป่าให้มากพอที่จะช่วยให้โลกสามารถอยู่ตอไปได้
เอารูปทุ่งนาจากเมืองหนาวมาฝาก เพื่อให้ผ่อนคลายสายตาบ้างนะค่ะ
ขอให้น้องปอน พูดเป็นปกตินะครับ
ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ คุณ
ขจิต ฝอยทอง |
ทพญ.ธิรัมภา |
บุษยมาศ |
ดร. พจนา แย้มนัยนา |
"พี่หนาน" |
ขอเชิญไปเที่ยวทุ่งนาสีเขียว และสวนธรรมแห่งบุญทางภาคเหนือด้วยนะค่ะนะค่ะ