เมื่อน้องแม่ขาวน้อยป่วยตอนทุ่มหนึ่ง
แม่ครูกะปุ๋มและหนู ช่วยกันดูแลทั้งคู่
แม่ครูกะปุ๋ม ดูอาการ ชี้ให้หนูดูแลน้องและปลุกมาทานยาตามเวลา
หนูให้ยาตามเวลาคอยเช็ดตัว
หนึ่งทุ่ม ห้าทุ่ม และตีสี่
ให้ยาร่วมกับการเช็ดตัวลดไข้
แปดโมงเช้าให้ยาอีกรอบก่อนพาไป รพ.สต. ตามคำชี้แนะของแม่ครู
ดีวยความอนุเคราะห์ของท่านด้วย
แม้มีใครเจ็บไข้ ท่านไม่เคยรีรอ ที่จะให้สิ่งที่ดีที่สุด
เวลาเราป่วยไข้ ที่ ๆ ดีที่สุด คือ บ้าน จึงให้น้องกลับไปพัก แต่ก็ดูแลไม่ห่าง
เพราะวันรุ่งขึ้น หนูกับแม่อารี ก็แวะไปดูน้องที่บ้านระหว่างกำลังพาน้องอีกคนไปล้างแผล
หนูสังเกตเห็นอาการไม่น่าจะดีขึี้น สอบถามปรากฎว่า เมื่อเช้าไป รพ. แต่ หมอก็ให้กลับมาพักบ้าน
แต่บ่าย ๆ มาถึงบ้านเริ่มมีจ้ำเลือด จึงพาไป รพ.สต.ด้วย
ซึ่งก็แนะนำให้ไป รพ.อีกครั้ง
เราได้ไป รพ.ด้วยความเมตตาของแม่ครูกะปุ๋ม ให้ขับพาน้องไปโดย รถของท่าย
ทั้ง ๆที่ก็เรียกรถ EMS ของหมู่บ้านก็ได้ และท่านก็ย้ำให้พาญาติไปด้วย หากต้องนอนจะได้ไม่เสียเวลา
คือ ความเต็มที่ ๆ แม่ครูมอบให้ลูก ๆ
ด้วยแรงใจที่เกื้อกูลกัน แม่ขาวน้อยขอกระดาษจากหนูร่วมกันเขียนการ์ดอวยพรให้พี่กาจน์ให้หายไว ไว
ร่วมถ่ายภาพระหว่างที่หนูทะยอยไปส่งแต่ละคนกลับบ้าน
ตอนแวะเอากระเป๋ากาจน์ไปส่ง ก็ได้มอบการ์ดและดอกไม้เหล่านี้ ฝากแม่ไปให้น้องกาจน์
คือความเต็มที่ เต็มอิ่มของความรัก
ระหว่างพักที่ รพ. แม่ครูกะปุ๋มไปเยี่ยมดูแล
พอถึงเวลากลับบ้าน แม่ครูกะปุ๋มก็ขับรถมาส่งน้องกาจน์ด้วยตัวของท่านเอง
น้องกาจน์ ช่างโชคดี บนความเจ็บไข้
ที่เต็มเหี่ยมไปด้วยความรัก อันบริสุทธิ์ที่รายล้อม
คำถาม ๆว่า
การที่น้องเจ็บไข้แล้วอาการกำเริบตอนหนึ่งทุ่ม
น่าจะมีสาเหตุมาจากบ้าน หรือป่วยมาก่อนแล้ว
เพราะทุก ๆ โรคและอาการมีระยะฟักตัว
แต่มาแสดงอาการที่วัดพอดี แถมจัดว่าหัวค่ำทีเดียว
หากน้องไม่มามีอาการที่วัดจะมีโอกาสได้รับสัมผัส รักที่ไร้เงื่อนไขนี้ไหม
การแนะนำและให้การเยียวเบื้องต้น ทั้งแม่ครูและหนู
ก็เต็มที่กับต้นทุนที่มีเพื่อให้สิ่งที่ดี ที่สุด
ถามว่าเสียใจไหม ที่น้องป่วย
คำตอบคือ ไม่ค่ะ
เพราะเรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา
เป็นบทเรียนบททดสอบที่จัดว่า เต็มที่นะกับตนเอง
แม้ใจไม่ถึงขนาดอ่อนโยน แต่ก็เต็มที่กับต้นทุนที่พอมีค่ะ
ตอนนี้ก็นึกสงสารคนที่ปรามาสครู เขาจะรับกรรมท่าทางจะหนักเอาการอยู่
เพราะสิ่งที่ว่าท่าน ไม่เป็นความจริง
ครูท่านมาอาการป่วยเป็นระยะ ๆ มาเป็นเดือน ๆ แต่ท่านก็ไม่เคยหยุดที่จะสร้างกุศล
หนูซะอีกยังกินแรง แงแง ก็พึ่งมีอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ดูแลน้องกาญจน์
หนูมีไข้ขึ้นร่างกายทรุดหนักตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ส่งน้องเข้า รพ.
วันจันทร์ระหว่างทางขับรถไปทำงมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวจนตัดสินใจจอดนอนพักและลางาน เยียวยาตนเอง
ไข้ขึ้นทั้งวัน เสียงแหบ ไอมีเสหะ และน้ำมูกใส
แต่เชื่อมั่นในวิถีครูบาอาจารย์ คือ เยียวยาตนเอง ทำดีทอกซ์ ทานน้ำอุ่นและทำความรู้กับตนเอง
2 วัน ร่างกายเริ่มฟื้นแบบไม่ต้องพึ่งยา พอถึงวันมาทำงานไข้หาย แต่มีไอบ้างห่าง ๆ
ได้เรียนทั้งการดูแลน้อง แลดูแลตนเองไปด้วยกัน
เป็นการเจ็บป่วยที่ เต็มรัก อยู่นะ สำหรับคนที่คลุกวงใน
แบบที่ได้เห็นกับตนเอง
ใครจะพูดอย่างไร ว่าอย่างไร ก็เรื่องของเขาแล้วหล่ะ
สำรวจแล้วว่า "เราเต็มที่ก็จบข่าว"
...รักษาสุขภาพนะคะ