ผลงานผู้เชี่ยวชาญภาษาไทย : การวิเคราะห์ข้อบกพร่อง ข้อดี และแนวทางแก้ไข
จุฑามาศ ศรีวิลัย
ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนา. ทรัพยามนุษย์ เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ ครูจึงนับเป็นปูชนียบุคคล. ที่มีความสำคัญอย่างมาก ในการให้การศึกษาเรียนรู้ ทั้งในด้านวิชาการ และประสบการณ์ เป็นผู้มีความเสียสละดูแลเอาใจใส่ สั่งสอนอบรมให้เด็กได้พบกับแสงสว่างแห่งปัญญา อันเป็นหนทางแห่งการประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเอง รวมทั้งนำพาสังคมประเทศชาติ ก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
การสอน เป็นภารกิจหลักของครู ครูมืออาชีพจึงต้องเน้นการสอนให้มีคุณภาพ เพราะว่าคุณภาพการสอนของครูย่อมส่งผลดีต่อนักเรียน และเยาวชนของชาติ การประเมินคุณภาพของครูจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องประเมินจากตัวเด็กและเยาวชนของชาติ ดังคำกล่าวที่ว่า “คุณภาพของเด็ก” สะท้อน “คุณภาพของครู”
จากพจนานุกรมคำว่า วิชาชีพ กำหนดว่าคือ อาชีพที่ต้องอาศัยวิชาความรู้ ความชำนาญ และไปดูข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ.2548 บัญญัติไว้ว่า วิชาชีพหมายความว่าวิชาชีพทางการศึกษาที่ทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอน
และการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งการรับผิดชอบการบริหารสถานศึกษา
ในสถานศึกษาปฐมวัย ขั้นพื้นฐาน และอุดมศึกษา ที่ต่ำกว่าปริญญา ทั้งของรัฐ และเอกชน และการ
บริหารการศึกษา นอกสถานศึกษาในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ตลอดจนการสนับสนุนการศึกษาให้บริการหรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่างๆ วิชาชีพชั้นสูง แปลง่ายๆคือต้องอาศัยวิชาความรู้ความชำนาญที่มากยิ่งขึ้นไปอีกเข้าขั้นเชี่ยวชาญ และเชี่ยวชาญพิเศษ "วิชาชีพชั้นสูง" ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย คือ จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้สูง มีมาตรฐานในการปฏิบัติงานสูงขึ้น มีการติดตาม ศึกษา ค้นหาความรู้
ที่เกิดขึ้นใหม่
ปัจจุบันการประเมินวิทยฐานะของครูกำหนดให้มีการประเมินใน ๓ ด้าน คือ ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพ ด้านคุณภาพการปฏิบัติงานและด้านผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยพิจารณาจากผลการปฏิบัติงาน ผลงานทางวิชาการ ไม่น้อยกว่า ๑ รายการ ผู้ที่ผ่านการประเมินในด้านที่ ๓ ต้องมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์จากคณะกรรมการจำนวน ๓ คน
อย่างเป็นเอกฉันท์ ทั้งส่วนที่เป็นผลการปฏิบัติงาน ผลงานทางวิชาการ และคะแนนรวม ดังนั้นวิทยฐานะ ต้องสะท้อนมาจากประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนั้นๆ ไม่ใช่เป็นการมาทำ
เพื่อขอวิทยฐานะ และการประเมินก็ต้องประเมินจากการปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้หลักการที่คณะกรรมการ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กำหนดไว้ ๕ คือหลักการความรู้ความสามารถและ. สมรรถะในการปฏิบัติงาน หลักคุณธรรม หลักผลการปฏิบัติงานที่ส่งผลต่อผู้เรียน ต่อคุณภาพการศึกษา ต่อวงการวิชาชีพและต่อชุมชนและสังคม หลักการทำงานแบบมืออาชีพ : การบริหารโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ การจัดการความรู้ และการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ และ หลักการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาไปพร้อมกับคุณภาพชีวิตการทำงาน
จากการสัมภาษณ์ผู้ส่งผลงานทางวิชาการเพื่อขอเลื่อนวิทยฐานะจากครูชำนาญการพิเศษ เป็นครูเชี่ยวชาญ โดยผู้ศึกษาได้รวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ทั้งผู้ที่ผ่านการประเมินและไม่ผ่าน
การประเมิน แล้วนำข้อมูลด้านต่างๆ มารวบรวม สรุป และได้วิเคราะห์ ซึ่งพบว่า มูลเหตุที่ทำวิทยฐานะส่วนใหญ่เกิดจากการต้องการที่จะพัฒนาตนเอง โดยสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ เพื่อมาพัฒนาผู้เรียน เป็นการพัฒนาวิชาชีพครู โดยการพัฒนาจริง โดยนำสิ่งที่ทำอยู่แล้ว มาพัฒนาสู่การเลื่อนวิทยฐานะให้สูงขึ้น ชอบสร้างสื่อต่างๆเพื่อใช้ ในการสอนและการแก้ปัญหาการเรียนการสอนในชั้นเรียน เนื่องจากนักเรียนเข้าใจสื่อมากกว่าคำอธิบาย ทำให้เด็กสนใจ และเข้าใจเนื้อหามากกว่าการอธิบาย เมื่อผลออกมาเป็นที่น่าพอใจแล้วจึงนำมาเป็นผลงานทางวิชาการ โดยขั้นตอนการทำงานจนประสบผลสำเร็จนั้น เริ่มจากการวิเคราะห์หลักสูตร วิเคราะห์ผู้เรียน สภาพแวดล้อม นำมาเป็นการออกแบบ แล้วมาพัฒนารูปแบบการสอน ศึกษานวัตกรรม เอาไปทดลองใช้ แล้วหาประสิทธิภาพ ก่อนนำไปใช้จริง แล้วรวบรวมเป็นรายงาน โดยเริ่มจากการวางแผน ศึกษาหลักสูตร ศึกษาปัญหา การวางแผนจัดการเรียนการสอนว่าหลักสูตรเป็นอย่างไร จุดประสงค์อะไร แล้วจะสอนอะไรให้บรรลุตามวัตถุประสงค์แล้วจึง ลงมือทำ ทดลองทำ ตรวจสอบและแก้ไข โดยเริ่มจากการทำแผนการจัดการเรียนรู้ตามองค์ประกอบให้สอดคล้องกัน ซึ่งประกอบด้วย สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด สาระสำคัญ จุดประสงค์ถ( KPA) สมรรถนะ ชิ้นงาน ภาระงาน เนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อ/อุปกรณ์ แหล่งเรียนรู้ การวัดผลประเมินผล จึงมาตรวจสอบ เผยแพร่ โดยการถามผู้รู้ นำไปใช้แล้วปรับปรุงแก้ไข แล้วนำไปปฏิบัติจริง แล้วเผยแพร่ ที่สำคัญคือวางแผนในการทำนวัตกรรมแต่ละครั้งให้เหมาะสมสำหรับนักเรียนแล้วนำมาศึกษาผลงานตามที่วางแผนไว้ นำมาทดลองใช้ปรับปรุงให้เหมาะสมโดยปรับปรุงเรื่องการใช้ภาษา ตลอดจนความแตกต่างระหว่างวัยของผู้เรียน แล้วนำมาทดลองใช้ แก้ไขไปเรื่อยๆจนกว่าผลงานเป็นที่น่าพอใจ แล้วนำไปเผยแพร่ให้ครูท่านอื่นนำไปใช้
ในด้านเทคนิคการทำงานให้ประสบความสำเร็จอันเกิดจากการวิเคราะห์ สังเกต สร้างสรรค์นวัตกรรม นำไปใช้จริง พัฒนาจนได้ผลโดยมีการประเมินเป็นระยะ และต้อง มีการวางแผน โดยลำดับความสำคัญของงาน งานที่ทำต้องตอบโจทย์ได้ทุกประเด็นโดยคำนึงถึงผู้เรียนเป็นหลักรู้ว่าเขาจะเรียนอะไร ได้อะไร มีประโยชน์เพียงใด และสร้างความประทับใจในการเรียนการสอนให้ได้ ในด้านข้อคิดในการส่งผลงาน ต้องขยันอ่าน ขยันค้น ขยันคว้า ขยันคิด แล้วนำแนวคิดมาพัฒนาเป็นเนวคิดของตนเอง นำผลงานไปใช้กับนักเรียนอย่างจริงจัง แล้วนำผลงานมาปรับใช้ให้เหมาะสมโดยการทดลองหลายๆ ครั้ง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีแนวคิดเป็นของตัวเอง ไม่ยึดผลงานผู้อื่นเป็นหลักมีความมุ่งมั่นต้องทำให้ได้ ไม่ท้อ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่าส่งผลงานเพราะอยากได้ตำแหน่งเป็นหลักให้ส่งผลงานที่เกิดจากการสร้างสรรค์ตามเวลาและการสอนอย่างแท้จริงเหมือนกับผลไม้ที่ต้องสุกงอมตามระยะเวลาธรรมชาติ ไม่เร่ง ค่อยเป็นค่อยไป ทำจริงๆ เมื่อได้แล้วต้องไม่อวดเก่ง ถ่อมตนเสมอ โดยคิดว่าทุกคนให้ความรู้เราได้ แม้แต่เด็ก แล้วผ่านแน่นอน
นอกจากนี้ยังต้องมีการวางแผนในการทำงาน ศึกษาแนวคิด ทฤษฏีต่างๆ โดยอ่านผลงานคนอื่นมากๆ ทั้งคศ.๓ คศ.๔ เพื่อได้แนวคิดหลายๆ แนวคิด เมื่อเริ่มดำเนินการให้ฝึกเขียนโครงร่างงานที่จะทำอย่างละเอียด(ลำดับความคิดตามลำดับ) และเมื่อได้ผลงานแล้ว ควรให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้อง ที่สำคัญผลงานต้องเริ่มจากการสอนเท่านั้น เพราะงานสอนเป็นงานหลักของครู เป็นหน้าที่ของครูโดยแท้จริง ครูต้องเป็นผู้รู้จริง รู้ลึก จึงจะส่งผลงานได้ ส่วนคนที่ทำผลงานวิชาการส่งแล้วไม่ผ่าน ถือว่าได้ส่งเสริมวิชาชีพแล้ว แต่คนที่ไม่ทำผลงาน ถือว่าทำลายวิชาชีพ บางคนส่งผลงานครั้งเดียวไม่ผ่านก็เลิกทำแล้ว ดังนั้นการทำผลงานต้องตั้งใจและต้องศึกษาเกณฑ์ในการทำให้เข้าใจอย่างละเอียดด้วย
องค์ประกอบที่ทำให้ผลงานผ่านนั้น ผู้ทำเป็นคนที่รักและศรัทธาในวิชาชีพของตนภาคภูมิใจ
ในวิชาชีพ มีความรู้ในเรื่องกฎหมายต่างๆ เกี่ยวกับวิชาชีพของตน รู้จักใฝ่หาความรู้โดยการอ่านหนังสือมาก อ่านด้วยความตั้งใจ โดยเฉพาะวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย และต้อง ทำจริง สอนจริงสอนด้วยความตั้งใจ มีเทคนิคในการออกข้อสอบ วัดผล ประเมินผลตามกระบวนการที่ถูกต้องมีการใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะความอดทน ทำเรื่อยๆท้อแล้วก็กลับมาทำใหม่ ใฝ่รู้ มีเหตุผล เขียนไปแล้วก็ถามเพื่อน ถามผู้รู้ มีการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้รู้ก่อนที่จะส่งผลงาน อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ให้ทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว เก็บความรู้ได้ และมีการวางแผน โดยการวางแผนการทำงานในหน้าที่ตามปกติ ต้องไม่ให้บกพร่อง ทำเต็มที่ ไม่ทิ้งห้องเรียน กำหนดตัวเองว่าต้องเขียนวันละกี่หน้า ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและ ต้องตั้งปณิธานไว้เลยว่า ชีวิตนี้ต้องได้เชี่ยวชาญให้ได้
สรุปข้อสังเกตในการทำผลงานแล้วไม่ผ่าน
ส่วนใหญ่เกิดจาก เนื้อหาไม่ถูกต้องเป็นตัวสำคัญ จะทำวิจัย หรือ ประเมินเรื่องใด ก็จะมีเนื้อหาในเรื่องนั้นทั้งสิ้น หลักวิชาไม่แม่น ผลงานทางวิชาการต้องถูกหลักวิชาการ ผู้ศึกษาได้นำข้อสังเกตบางประการที่กรรมการผู้ตรวจผลงาน ได้ให้ข้อสังเกตจากผลงานของผู้ส่งผลงานไม่ผ่าน มารวมรวมเป็นด้านๆ ดังนี้
รายงานการวิจัย
บทคัดย่อ บทคัดย่อควรจะทําให้เหมาะสมไม่ยาวเกินไป กะทัดรัดได้ใจความประกอบด้วยชื่อเรื่อง ผลวิจัย ส่วนเครื่องมือ ผลการวิจัยโดยสรุป และคําสําคัญ โดยปกติไม่ควรเกิน 2 หน้ากระดาษ A4
บทนํา
ต้องบอกความเป็นมาและความสําคัญของปัญหาควรนํามาเสนอ สภาพของปัญหามีข้อมูลเอกสารหลักฐานประกอบ ชี้ประเด็นให้ชัดเจน ควรจะพูดถึงนโยบาย หลักการ และเจาะจง ไปสู่ปัญหาที่จะต้องหาคําตอบ ส่วนวัตถุประสงค์การวิจัย จะต้องกําหนดให้สอดคล้องกับความสําคัญไม่ควรจะกําหนดวัตถุประสงค์มากเกินไป ควรคํานึงถึงเครื่องมือและการวิเคราะห์หาคําตอบ ในการตั้งสมมติฐาน จะต้องชัดเจน เจาะจง ทดสอบได้สอดรับกับ วัตถุประสงค์ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้วิจัยคาดว่าจะเกิดขึ้น
ในส่วนของนิยามศัพท์ จะต้องกําหนดคําที่จําเพาะเจาะจงเกี่ยวกับคําสําคัญในการวิจัยครั้งนี้
ในบทที่ ๒ เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ข้อความสําคัญเกี่ยวกับองค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องหรือปัญหาของการวิจัยที่มีอยู่ก่อน และได้พิมพ์เผยแพร่แล้ว โดยกําหนดหัวข้อที่เกี่ยวข้องตรงกับเรื่องที่จะทําการวิจัย
สืบค้นองค์ความรู้ และความคิดเห็น อ่านเอกสารจดบันทึก แล้ว สังเคราะห์สาระที่ได้จากการศึกษา
แล้วจึงนําสาระเหล่านั้นมาเรียบเรียงสรุป
อ้างอิงแหล่งที่มาให้ชัดเจน และถูกรูปแบบ
มีการสรุปกรอบแนวคิดที่ชัดเจน
บทที่ ๓ วิธีดําเนินการวิจัย
ต้องกําหนดรูปแบบการวิจัยให้เหมาะสมกับเรื่องที่จะศึกษา
กําหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ตลอดจนกําหนดวิธีการได้มาของเครื่องมือและการพัฒนาเครื่องมือ
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูล การแปลความหมายและสถิติที่นํามาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
บทที่ ๔ ผลการวิเคราะห์ข้อมูล นําข้อมูลมาวิเคราะห์หาค่าทางสถิติที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัยเรียงตามลําดับอธิบายและแปลความหมายให้ครอบคลุมและถูกต้อง
บทที่ ๕ สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ซึ่งประกอบด้วยการสรุปจะต้องนําข้อมูลที่ค้นพบที่สําคัญ และอภิปราย ข้อค้นพบที่สําคัญและมีผลของการค้นพบสอดคล้องหรือขัดแย้งกับหลักการหรือทฤษฎีใดๆ ที่นํามาเสนอไว้ในบทที่ ๒ ที่สําคัญ ข้อเสนอแนะนําผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ต่อนักเรียน ครู สถานศึกษาและชุมชน ให้ชัดเจน
บรรณานุกรม กําหนดรูปแบบการเขียนให้เป็นแนวเดียวกันตลอด ตรวจสอบให้ครบและให้
สอดคล้องกับที่อ้างอิงในบทอื่น
ภาคผนวก ควรกําหนดเอกสารสําคัญที่เกี่ยวข้องไว้สําหรับผู้อ่านงานวิจัยจะได้ เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เช่น ตัวอย่างเครื่องมือ การหาคุณภาพเครื่องมือ
ประวัติผู้เชี่ยวชาญโดยสังเขป
ระเบียบ ประกาศ คําสั่ง
การเผยแพร่ผลงาน
ประวัติผู้วิจัย เป็นต้น
การวางแผนการส่งผลงานทางวิชาการเมื่อจะส่งผลงานควรคิดให้ละเอียดรอบคอบอีกครั้ง
โดยคำนึงว่ามี ความถูกต้องตามหลักวิชาการไหม ทุกคนต้องมั่นใจว่าที่เขียนลงไปนั้นต้องไม่ผิดแน่นอนและการเขียนทฤษฎี กระบวนการ ต้องให้ชัดเจน ควรอ่านและอ้างอิงจากตัวเล่มจริง ไม่ควรอ่านและอ้างอิงจากฉบับแปล และที่สำคัญ ต้องทันสมัย บรรณานุกรมน้อยเล่ม หรือปี พ.ศ. เก่าเกินไปหนังสือทั่วไป ไม่ควรเกิน 10 ปี งานวิจัยอย่าให้เกิน 5 ปี และเนื้อหาควรทันสมัยเป็นปัจจุบันเหมาะสมกับบริบท ผลงานต้องมีความคิดสร้างสรรค์ หรือมีสิ่งใหม่เกิดขึ้น และที่สำคัญต้องถูกหลักภาษาไทยด้วยเวลาเขียนแล้ว คนอ่านต้องรู้เรื่อง การเขียนพยายามเขียนจากเรื่องใหญ่ๆไปหาเรื่องย่อยๆ ตัวย่อพยายามหลีกเลี่ยงถ้าไม่แน่ใจให้เขียนคำเต็ม และต้องใช้คำศัพท์ในราชบัณฑิตเท่านั้น ผลงาน ต้องสอดคล้องกับวัฒนธรรมไทย ในท้องถิ่นเรามีวัฒนธรรมใดก็เขียนลงไปต้องมีจรรยาบรรณ ถ้านำอะไรจากคนอื่นมาใช้ต้องอ้างอิง อ้างอิงแบบไหนก็ได้ แต่ต้องเหมือนกันทั้งเล่ม เช่น นาม ปี หน้า จะนิยมใช้มากที่สุด การอ้างอิงจากอินเทอร์เน็ต ต้องใช้น้อยที่สุดควรนำมาใช้จากคนที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น ส่วนงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ต้องดูจากชื่อเรื่อง แล้วเลือกเอาเฉพาะที่เกี่ยวข้องเท่านั้น และต้องอ่านจากต้นฉบับจริงเท่านั้น ห้ามอ้างถึงใน ส่วนวิธีดำเนินงานวิจัยในบทที่ ๓ ต้องได้มาจากแนวคิด หลักการ ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในบทที่ ๒ การเขียน บทที่ ๓ ต้องมาจากบทที่๒ ทุกสิ่งที่นำมาใช้ ต้องปรากฏอยู่ในบทที่ ๒ การเขียน บทที่ ๔ ให้วิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์ ดีที่สุด โดย ผลการวิเคราะห์ต้องตอบวัตถุประสงค์และสมมติฐานครบทุกข้อ ใน บทที่ ๔ ให้วิเคราะห์ข้อมูลอย่างเดียว ไม่ต้องอภิปรายการเขียน บทที่ ๕ การสรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การอภิปรายผล ต้องอภิปรายผลให้เข้ากับเรื่องที่ทำนำผลที่ได้มาอภิปรายว่าที่ได้เพราะอะไร นำแนวคิด หลักการ ทฤษฎี จากบทที่ ๒ มาสนับสนุน แล้วตามด้วยสอดคล้องกับงานวิจัยของใคร ต้องมีทั้ง ๒ อย่างเสมอ และทั้งสองอย่างต้องปรากฏในบทที่ ๒ ถ้าไปหามาเพิ่มใน บทที่ ๕ ต้องเพิ่มในบทที่ ๒ ด้วย จุดอ่อนก็คือ มีปรากฏในบทที่ ๕ แต่ไม่มีในบทที่ ๒ ข้อมูลต่างๆในงานวิจัยทุกบท ต้องเที่ยงตรง และสอดคล้องกัน การอภิปรายมีความสำคัญ จะทำให้เกิดความรู้ใหม่ ในส่วนของข้อเสนอแนะต้องเป็นผลจากงานวิจัยของเรา ข้อเสนอแนะต้องได้จากสิ่งที่ค้นพบ ข้อเสนอแนะทั่วไป ให้มี ๒ ข้อ คือ ข้อเสนอแนะในการทำวิจัย และข้อเสนอแนะในการทำงานวิจัยครั้งต่อไป เป็นจรรยาบรรณว่าผู้ทำวิจัยต้องมีข้อเสนอแนะเพื่อให้ ผู้อื่นนำไปทำวิจัยต่อไป ส่วนการเขียนบรรณานุกรม ถ้ามีอ้างอิง ต้องมีบรรณานุกรม
ด้านผลงานทางวิชาการ ผลงานทางวชิาการที่ผู้ขอได้นำเสนอให้คณะกรรมการโดยทั่วไป
จะต้องตรงกับสาขาที่ขอ กำหนดตำแหน่ง ตามแบบคำขอ ตามหัวข้อ รายงาน ความเชี่ยวชาญในการสอน วิชานั้นๆ ซึ่งจะต้องจัดทำ เพื่อประโยชน์ในการเรียนการสอน และสามารถจะนาเสนอได้ในลักษณะต่าง ๆ มากมาย เช่น เอกสารประกอบการสอน แผนการสอน เอกสารคาสอน ตาราเรียน หนังสือเรียนหนังสืออ่านประกอบงานแปลบทความทางวิชาการงานวิจยัหรืออน่ื ๆโดยมคีวาม สมบูรณ์ของเนื้อหาครบถว้นตามหลักสูตร มในเอกสารอ้างอิงเป็นที่เชื่อถือได้ มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ตลอดจนมีประโยชน์ต่อความก้าวหน้าทางวิชาการ ความรู้จากเอกสาร ที่นำเสนอแล้ว นักเรียนสามารถนำไปพัฒนาตนเอง หรือนำไปใช้ศึกษาเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
สวัสดิการสำนักงาน ก.ค.ศ. (๒๕๕๔). ข้อบกพร่องของผลงานทางวิชาการที่เสนอเพื่อขอเลื่อน
วิทยฐานะ. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครู กระทรวงศึกษาธิการ.
สวัสดิการสำนักงาน ก.ค.ศ. (๒๕๕๓). คู่มือการประเมินข้าราชการครูและบุคลากรท
น่าสนใจมาก ครูจะได้เอาไปใช้ประโยชน์ในการทำผลงาน
ส่วนใหญ่ก็จะได้มาจากการเรียนวิชาวิจัย แต่มักจะลืมๆ ไปแล้ว
รวบรวมข้อมูลจากข้อสังเกตของครูที่ส่งผลงานไม่ผ่านค่ะ