เมื่อคุณครูสุสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เรียนแล้ว การเรียนรู้ของนักเรียนห้อง ๒/๔ ก็ดำเนินมาสู่ขั้นตอนของการเปิดโจทย์สถานการณ์ปัญหา
โจทย์สถานการณ์วันนี้
ให้นักเรียนลากเส้น ๑ เส้น เพื่อให้เกิดรูปสามเหลี่ยม ๒ รูป
ขั้นตอนการทำงาน
ขณะนั้นมีเสียงเด็กคนหนึ่งดังขึ้นว่า “เจทำไมเจไม่เหมือนคนอื่น” เจลากเส้นไม่ตรงมุม ทำให้รูปที่ปรากฏกลายเป็นสี่เหลี่ยม ๑ รูป และมีสามเหลี่ยมอยู่ในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
เจมีสีหน้ากังวลหลังจากที่ได้ยินเสียงเพื่อน
ครูเดินมาหยุดที่โต๊ะและถามเจว่า “รูปที่เจวาดต่างจากเพื่อนไหม” เจพยักหน้า
ครูพูดต่อ “งั้นลองดูซิเจมีรูปสามเหลี่ยมกี่รูป”
เจตอบว่า “๑ รูป ...เดี๋ยวขอขีดใหม่ได้ไหม”
ครูตอบ “ได้ค่ะ” แล้วหันมาพูดกับเพื่อนในห้องว่า “งั้นเรารอเจขีดเส้นใหม่ก่อนนะ”
เพื่อนๆ ในห้องรอให้เจขีดเส้นใหม่อยู่ครู่หนึ่ง เมื่อครูเห็นว่าเจเขียนถูกจึงเดินกลับมาที่กระดาน
ซิดนี่ตอบว่า “รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก”
จัสมินตอบว่า “รูปสามเหลี่ยมจัตุรัส” และก็มีหลายเสียงตอบรูปสามเหลี่ยมผืนผ้า
เมื่อหลายเสียงพูดจบฉันให้เด็กๆ อ่านโจทย์พร้อมกัน รูปสามเหลี่ยมที่เกิดมีลักษณะอย่างไร
กายตอบ “รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก”
เด็กยกมือเกือบทั้งห้อง พร้อมกับบอกว่ารูปสามเหลี่ยมมีมุม เป็นมุมฉากทั้ง ๓ มุม
แต่เพียวทำหน้าไม่เห็นด้วยและบอกว่า “รูปสามเหลี่ยมที่มีมุม ๑ มุมเป็นมุมฉาก”
จากนั้นเด็กๆ เริ่มสังเกต และมีเสียงบอกว่า “เออใช่! แต่ไม่ใช่ทุกมุมน่ะ มีมุมเดียวจริงๆด้วย”
จากนั้นครูสุเขียนสิ่งที่เพียวบอกบนกระดาน แล้วตรวจสอบความเข้าใจจึงให้เด็กระบายสีรูปสามเหลี่ยมมุมฉากลงในกระดาษ และให้เด็กวงตรงมุมที่มีมุมฉาก เหลืออีก ๒๐ นาที หลังจากเด็กระบายสีเสร็จ ครูชวนเด็กสังเกตรูปสามเหลี่ยมที่อยู่ในกระดาษรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กับรูปสามเหลี่ยมที่อยู่ในกระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีขนาดต่างกันไหม
จัสมินบอก “มีด้านที่ไม่เท่ากัน”
ปุณณ์บอก “มีที่ยาวเท่ากันด้วย”
ยิปปี้บอกว่า “รูปสามเหลี่ยมมุมฉากที่อยู่ในจัสตุรัสมีด้านเท่ากัน”
หมิง ณาญ่า และผักหวานบอกว่า “จริง”
จากนั้นก็มีคุยกันจากในห้องว่า “ถ้าอย่างงั้นรูปสามเหลี่ยมที่อยู่ในรูปผืนผ้ามี ๒ ด้านไม่เท่ากันซิ”
พิงค์บอก “ก็มันเหมือนของสี่เหลี่ยมผืนผ้า”
ซิดนี่บอกก็คือว่า “มันมีด้านที่ยาวกับด้านที่สั้น”
อีกหลายคนบอกว่า “จริงๆ”
ตอนท้ายชั่วโมง ครูสุให้เด็กๆ สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ พร้อมทั้งเขียนสิ่งที่ได้เรียนรู้ลงบนกระดาน พบว่าหลายคนบอกว่าได้รู้จักรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ได้รู้ว่ารูปสามเหลี่ยม ๒ รูปต่อกันเป็นสี่เหลี่ยม จนสุดท้ายก็ได้สิ่งที่เรียนรู้ที่น่าสนใจจากซิด รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเมื่อขีดเส้นแบ่งจะเกิดรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ๒ รูปที่ขนาดเท่ากัน
ก่อนปิดชั้นเรียนครูสุหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะถ่ายรูปกระดาน อิน (ชาย) บอกว่า “โทรศัพท์ครูเหมือนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่มันไม่มีมุมเพราะว่ามันโค้ง”
จากนั้นเด็กๆ ก็มาขอถ่ายรูปกับกระดานด้วย ครูสุเลยให้เด็กๆ ออกไปยืนหน้ากระดานและเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกก่อนปิดชั้นเรียน
............................................................................
** บันทึกท้ายเรื่องจากผู้เรียบเรียง
ภาพความอิ่มเอมของผู้เรียน ทำให้ย้อนระลึกไปถึงวันที่ ๖ พ.ย. ๕๓ ในการสัมมนาวิชาการเรื่อง Innovation of Mathematics Teaching and Learning through Lesson Study-Connection between Assessment and Subject Matter –ที่คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในครั้งนั้น Prof. Shizumi Shimizu นายกสมาคมคณิตศาสตร์ศึกษาของประเทศญี่ปุ่น (JSME) ได้มาบรรยายพิเศษเพื่อให้ความรู้กับครูไทยในเรื่อง Some Aspects and Critical points for Lesson Study – through the case: Introduction to multiplication for Grade 2 studentsเอาไว้ว่า
คณิตศาสตร์มีความเกี่ยวข้องกับภาษามาก เด็กต้องเข้าใจทั้งคณิตศาสตร์และภาษาเพื่อการอยู่ในสังคม สามารถอ่านกราฟ ชาร์จ และข้อมูล และสื่อสารระบบความคิดของตนเองสู่ผู้อื่นได้
ความพยายามที่จะอธิบายเป็นเรื่องสำคัญมาก การจัดระบบความคิด และการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ คือการเพิ่มศักยภาพของคน Open Approach เป็นกระบวนการแก้ปัญหา เมื่อเจอสถานการณ์ปัญหา เกิดปัญหาขึ้นแล้วต้องหาวิธีแก้ด้วยตนเอง ช่วยกันแก้ปัญหาเป็นกลุ่ม แลกเปลี่ยนความคิดกัน เกิดการทำให้ดีขึ้น มีการจัดระบบของสิ่งที่ได้มา แล้วนำไปสู่การแก้ปัญหาใหม่ การเรียนคณิตศาสตร์แบบนี้จึงเป็นการ approach เข้าสู่ปัญหา ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญ
ขั้นตอน
- มองหาปัญหาจากใครสักคน ที่เป็นปัญหาจากมุมมองของคณิตศาสตร์
- ทำความเข้าใจปัญหา
- วางแผนการทำงาน
- สะท้อนกระบวนการที่ได้มาซึ่งผลลัพธ์
- สร้างคำถาม
- กลับมาในวงจรของการแก้ปัญหา
สร้างความประหลาดใจ ด้วยคำถาม ปัญหา เกิดข้อคาดการณ์ การคาดคะเน
ครูต้องรู้ว่า อะไรคือเรื่องที่นักเรียนเรียนมาแล้ว What was learn / met before คืออะไร และต้องพิจารณาว่าสถานการณ์ปัญหาที่สร้างขึ้นเหมาะกับการเรียนเรื่องนี้จริงไหม
ลองทายดู
· คำตอบที่ได้บางคำตอบ จะเริ่มนำชั้นเรียนเข้าสู่แนวคิดทางคณิตศาสตร์ จากนั้นครูจะกระตุ้นและสนับสนุนความคิดของนักเรียนเพื่อการเรียนรู้ต่อ
สร้างสถานการณ์ใหม่ เมื่อครูพาไปถึงเป้าหมายที่วางไว้แล้ว ให้ทดสอบด้วยการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบความเข้าใจว่านักเรียนเข้าใจจริงไหม บรรลุเป้าหมายของบทเรียนไหม
เข้าใจกระบวนการคิดของเด็ก ครูจะเข้าใจกระบวนการคิดของเด็กได้ต่อเมื่อครูทำการสังเกต และบันทึกการทำงานในการแก้ปัญหาของเด็กอย่างละเอียด เพราะถ้าดูเฉพาะที่ผลลัพธ์ก็อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ซึ่งในกรณีนี้ครูอาจจะต้องเลือกบันทึกเฉพาะบางคน การเลือกจะทำอย่างไร เลือกเด็กคนไหน ซึ่ง อาจบันทึกเป็นภาพวิดีโอ ภาพถ่าย จดบันทึก หรือแบ่งกันสังเกตกับผู้ที่เข้ามาสังเกตชั้นเรียน นี่เป็นวิธีที่จะช่วยให้ครูได้เห็น และเข้าใจความคิดที่เขาใช้ในการทำงาน
การเรียนรู้ของครู เรียนรู้ว่าเด็กคิดอะไร เพื่อนำเอาไปวางแผนการเรียนการสอน เกิดเป็นความเข้าใจทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ
การออกแบบวิธีการและช่วงเวลาให้นักเรียนอธิบายวิธีที่ใช้ในการแก้ปัญหาเป็นเรื่องที่ครูควรทำ เพราะการให้เหตุผลของเด็กคือการค่อยๆ สร้างแนวคิดขึ้นมา
ปัญหาของครู คือ การตัดสินใจว่าจะนำแนวคิดใดขึ้นก่อน จะเรียงลำดับอย่างไร หรือแนวคิดใดที่จะไม่นำมาขึ้นกระดาน
ถึงแม้ว่าคุณครูของเพลินพัฒนาจะยังทำตามคำแนะนำที่อาจารย์ให้ไว้ได้ไม่ถึงครึ่ง แต่เราก็ได้พบว่าการทำ Lesson Study ในกลุ่มครู เพื่อมาร่วมกันออกแบบกระบวนเรียนรู้ที่สร้างให้ผู้เรียนก่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง และนำเรื่องที่แต่ละคนได้เรียนรู้ มาสร้างการเรียนรู้ร่วมกันนั้น ได้ก่อให้เกิดเรียนรู้จากกันและกันได้มากมายเกินคาดหมายจริงๆ
ไม่มีความเห็น